วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 51 ระเบิด?

Tales of Demons & Gods บทที่ 51 ระเบิด?



             “ข้าจะเป็นคนต่อไป” ตู่ซื่อเดินตรงไปยังหินทดสอบพลัง


             เมื่อมองตู่ซื่อเดินตรงไปยังหินทดสอบพลัง ลู่เพียวกรอกตาไปมา ทั้งๆที่ในที่สุดลู่เพียวก็สามารถเรียกความสนใจจำนวนหนึ่งมาได้แล้ว และในตอนนี้ ความสนใจเหล่านั้นจะถูกแย่งชิงไปโดยตู่ซื่อ


             เมื่อเทียบกับนักเรียนธรรมดานั้น ลู่เพียวเป็นจุดศูนย์กลางของความน่าภาคภูมิใจ เขาเป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาวที่มีอายุเพียงสิบสามปี อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับตู่ซื่อ ระยะห่างระหว่างพวกเขามีมากยิ่งนัก พวกเขาทั้งสองได้ฝึกการบ่มเพาะพลังร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ตู่ซื่อได้ฉุดตัวเขาเองให้ห่างไกลออกไปซึ่งการบ่มเพาะพลังของลู่เพียว


             ตู่ซื่อได้มาถึงด้านหน้าของหินทดสอบพลัง ใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่แล้วของเขาล้วนสงบนิ่ง เขายกกำปั้นของเขาขึ้นและเหวี่ยงซึ่งหมัดทรงพลังหนึ่งหมัดไปยังหินทดสอบพลัง


             “บูม”


             เสียงนั้นดูทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับลู่เพียว เสียงพุ่งผ่านไปทั่วทั้งห้องโถงและหินทดสอบพลังก็กำลังสั่นไหว


             “ผลการทดสอบ: ระดับบรอนซ์ห้าดาว ค่าพลังห้าร้อยจุด ” อาจารย์ผู้คุมสอบอ้าปากค้าง กำลังคิดว่า


             “วันนี้มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ?” เพียงเมื่อครู่นี้ ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาวอายุสิบสาม ปีได้ปรากฏตัวขึ้น และตอนนี้ ระดับบรอนซ์ห้าดาวก็ปรากฏโผล่ขึ้นมา


             เหล่านักเรียนรอบ ๆ เข้าสู่ภาวะเงียบงัน ตู่ซื่อนั้นเป็นยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดมากกว่าลู่เพียวโดยแท้จริง!


             หัวใจของพวกนักเรียนต่าง ๆ สูญสลาย ความหึกเหิมของการสอบของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก


             สำหรับพวกเหล่าอาวุโสที่อยู่ในเวทีสังเกตุการณ์ พวกเขาทั้งหลายต่างหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง ร่างทรงอสูรระดับระดับบรอนซ์ห้าดาวที่อายุสิบสามปี เป็นเวลานานแค่ไหนกันที่ไม่มีผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ปรากฏตัวขึ้นในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ?


             “ไม่มีใครจะสามารถแย่งตัวเขาไปจากข้าได้ เขาผู้นั้นคือศิษย์ของข้า!” เย่เซิ่งพูดอย่างตื่นเต่น


             “ท่านรองอาจารย์ใหญ่ ท่านเป็นคนโหดร้ายเยี่ยงนี้ได้อย่างไร การจะฝึกสอนผู้หนึ่งบนหนทางของนักสู้ ข้านั้นสมควรเป็นอาจารย์ของเขามากและมากกว่าผู้ใดทั้งสิ้น ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้ข้าสอนเขาล่ะ?” ชายชราผู้หนึ่งพร้อมกับหนวดและเส้นผมเป็นสีขาวได้รีบพูดขึ้นมาทันทีทันใด


             “นักเรียนคนนั้นที่มาพร้อมกับความพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ท่านคิดว่าความพรสวรรค์ของเขานั้นจะถูกกักขังให้เป็นเพียงแค่นักสู้คนหนึ่งเท่านั้นรึ ?” ดวงตาของเย่เซิ่งปรากฏแสงไฟลุกโชน


             “ไม่จำเป็นสำหรับการทดสอบในหนที่สอง” ตู่ซื่อพูดเบา ๆ แล้วเดินไปยังด้านข้าง เขาเตรียมตัวสำหรับการทดสอบพลังวิญญาณ


             “เจ้าไม่ต้องการที่ลองทดสอบสำหรับหนสองแน่แล้วรึ?” อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าว “ถ้าเจ้าลองทดสอบในรอบที่สอง แล้วพลังของเจ้าอาจจะสูงกว่าห้าร้อยจุดก็เป็นได้นะ” อาจารย์ผู้นั้นได้พูดพร้อมกับความคาดหวัง


             อย่างไรก็ตาม การตอบกลับที่เขาได้รับเป็นเพียงภาพด้านหลังอันเยือกเย็นของเด็กวัยเยาว์ โดยเสียงของตู่ซื่ออย่างแผ่วเบาได้เปล่งออกมา “นี่เป็นพลังมากที่สุดซึ่งข้าสามารถทำได้แล้ว”


             “ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า!” อาจารย์ผู้นั้นผงกศรีษะเล็กน้อย จำนวนพลังเท่านี้ก็น่าตกใจอย่างมากแล้ว ถ้ามันทรงพลังยิ่งกว่านี้ เขาจะได้ก้าวไปถึงระดับซิลเวอร์ในไม่ช้า ระดับซิลเวอร์ที่อายุสิบสามปีสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ


             ตู่ซื่อได้หยิบคริสตัลวิญญาณขึ้นมา และปล่อยพลังวิญญาณของเขาเข้าไปในคริสตัลวิญญาณ คริสตัลวิญญาณเปล่งแสง จุดสีขาวภายในอัญมณีค่อยปรากฏมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ


             คริสตัลวิญญาณระดับต้นได้สว่างช่วงโชติดังดวงอาทิตย์เล็ก ๆ


             บูม !


             คริสตัลวิญญาณได้ระเบิดออก เศษชิ้นส่วนร่วงหล่นลงสู่พื้น


             “ระเบิด?!”


             “อะไรกัน! นี่มันจะสุดยอดมากเกินไปแล้ว ”


             “พลังกายของเขาเพียงอย่างเดียวก็มีมากถึงห้าร้อยจุดข้าไม่เคยคาดคิดว่าพลังวิญญาณของเขาจะสุดยอดมากถึงเพียงนี้”


             “พระเจ้า สิ่งนี้มันจะไม่ผิดปกติเกินไปรึ”


             คริสตัลวิญญาณระดับต้นสามารถทนต่อพลังวิญญาณได้มากที่สุดที่หกร้อยจุด เมื่อพลังได้ล่วงเลยไป มันจะระเบิดออก โดยทั่วไปแล้วชั้นเรียนฝึกหัดจะใช้เพียงคริสตัลวิญญาณระดับต้นเพราะว่า ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ที่คริสตัลวิญญาณจะระเบิดมาก่อน แม้กระทั่งเมื่อตอนท่านเอียมัวอายุได้ สิบสามปี เขาก็ยังไม่มีความเร็วในการบ่มเพราะพลังที่น่าตกใจเช่นนี้


             ทันใดนั้นทุกๆ คนต่างมองไปที่ตู่ซื่อด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ตู่ซื่อได้ทำลายความเข้าใจของพวกเขาลงเรียบร้อยแล้ว ในภายภาคหน้าเขาสามารถที่จะแข็งแกร่งได้เทียบเท่าท่านเอียมัวในเมืองกลอรี่?


             เย่เซิ่งได้เงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะเริ่มพูดอย่างสงบ “ข้าจะรายงานเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปยังอาจารย์ใหญ่และท่านเอียมัว ตู่ซื่อจะได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษที่มากขึ้น ด้วยพรสวรรค์ทีเกินกว่าความสามารถของข้าถึงเพียงนี้ ข้าต้องปรึกษาเป็นการส่วนตัวกับท่านเอียมัวเพื่อหาอาจารย์ที่เหมาะสมของเขา”


             ค่าพลังห้าร้อยจุด และค่าพลังวิญญาณมากกว่าเกินกว่าหกร้อยจุด ตู่ซื่อได้ทำให้ทุก ๆ คนตกใจอย่างสุด ๆ


             “ท่านรองอาจารย์ใหญ่ พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนคริสตัลวิญญาณหรือไม่” อาจารย์ผู้คุมสอบได้ถามไปยังเย่เซิ่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


             “ไม่จำเป็น!” เย่เซิ่งสั้นศรีษะของเขา “ข้าจะพาเขาไปหาเหล่าผู้อาวุโสของพวกเราเพื่อทดสอบพลังวิญญาณของเขาเป็นการส่วนตัว”


             นอกจากการนำเขาไปทดสอบด้วยเหล่าผู้อาวุโสแล้ว เขายังคงจำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นแล้วถ้ากลุ่มสมาคมทมิฬล่วงรู้ซึ่งข้อมูลนี้ไป มันจะเป็นปัญหาอย่างมาก


             “เข้าใจแล้ว!” อาจารย์ผู้คุมสอบมองไปยังตู่ซือ พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “การสอบของเจ้าได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


             เจ้าเด็กผู้นี้ ความสำเร็จในภายภาคหน้าของเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย เขาอาจจะมีโอกาสเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานคนที่สองได้


             การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ? ตู่ซื่อค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขายังคงก้มศีรษะของเขาและได้เดินมายังที่มุมหนึ่ง


             ณ เวลาตอนนี้ นักเรียนทั้งหมดต่างมองไปที่ตู่ซื่อด้วยความหวาดกลัว บุคคลผู้นี้จะสามารถเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานได้!


             หลังจากเสิ่นเอียได้ชะงักด้วยความรู้สึกตกใจชั่วขณะ สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้น กำปั้นทั้งสองของบีบอัดอย่างแน่น ก้อนเลือดได้ไหลออกมาจากกึ่งกลางของฝ่ามือเขา ในการสอบครั้งนี้เขาตระหนักถึงระยะห่างของตู่ซื่อและพวกที่เหลือที่จะห่างและห่างมากขึ้น เขาไม่สามารถไล่ตามพวกนั้นได้เสียแล้ว


             “พวกมันเพิ่มการบ่มเพาะพลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร” ดวงตาของเสิ่นเฟยปรากฏความมืดมิด เขามีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งปวงล้วนเชื่อมโยงไปยังเนี่ยลี่ มันเป็นไปได้ว่าเนี่ยลี่เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือพวกของทั้งสองในการค้นหาเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เหมาะสม!


             แน่นอน มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเสิ่นเฟย อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ได้เลยว่าเขานั้นคาดเดาได้อย่างถูกต้อง


             “เสิ่นซิ่ว ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแจ้งข่าวของเหล่านักเรียนที่มีพรสวรรค์ที่อยู่ในชั้นเรียนของเจ้ากัน?”


             เหล่าอาวุโสจำนวนไม่น้อยได้มองมายังเสิ่นซิ่วและถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โชคยังดีที่ลู่เพียวและตู่ซื่อได้รับการทดสอบ มิเช่นนั้นแล้ว ถ้าหากถูกล่วงรู้โดยสมาคมทมิฬก่อนละก็ สถานการณ์อาจผลิกผันเป็นเรื่องหายนะได้


             เสิ่นซิ่วอ้าปากของนางค้าง แต่ไม่ได้พูดสิ่งใด


             ใบหน้าของเสิ่นซิ่วกลายมาเป็นหน้าตาหมดหวังและหมดหวังขึ้นเรื่อย ๆ นางคิดว่านางนั้นเข้าใจถึงศักยภาพของพวกเขาทั้งสอง


            ช่วงเวลาหนึ่งก่อนหน้านี้ การบ่มเพาะพลังของทั้งสองยังไม่แม้กระทั่งจะสังเกตุได้ ดังนั้นเป็นเป็นได้อย่างไรที่พวกเขาจะเพิ่มมันได้รวดเร็วเช่นนี้?! นี่เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างแท้จริง!


          อย่างไรก็ตาม นางจะไม่บอกข้อมูลเหล่านี้กับเหล่าผู้อาวุโสของสถาบัน ถ้าเหล่าอาวุโสได้รู้ว่าลู่เพียวและตูซื่อได้ทำการเพิ่มการบ่มเพาะพลังของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้แล้ว มันจะยิ่งเป็นการดึงดูดความสนใจไปยังพวกเขาทั้งสองมากขึ้น!


             ในตอนนี้ ภายนอกของห้องโถงทดสอบ เหล่านักเรียนจากชั้นเรียนร่างทรงอสูรกำลังยุ่งอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์


             “ข้าสงสัยว่า ผลการสอบของพวกขยะที่มาจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดจะเป็นอย่างไร?”หนึ่งในนักเรียนของชั้นร่างทรงอสูรกล่าว ชื่อของเขาคือชี่หัว เขาคือหัวหน้าของชั้นเรียนร่างทรงอสูร และมีการบ่มเพาะพลังอยู่ที่ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สองดาว

             “ด้วยมีชั้นเรียนมากมาย จนถึงตอนนี้มีเพียงแต่ผู้อายุ ไม่เกินสิบห้าปีเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติครบเพื่อเข้าร่วมชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัด เป็นไปได้ว่ามีเพียงเด็กผู้หญิงสองคนนั้นเท่านั้นที่จะมาเข้าชั้นเรียนของพวกเรา นอกจากนางสองคนนั้น คนอื่นคงไม่มีหวัง!” ชี่หัวกล่าว เขานั้นตกหลุมรักเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ หวังว่าพวกนางทั้งสองจะเข้ามาในชั้นเรียนของพวกเขา


             “ข้าได้ยินมาว่า เสิ่นเอียผู้นั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน เขาได้ถึงร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาวแล้ว”


             “จริงรึ?” ชี่หัวเบ้ปากอย่างเหยียดหยัน ถึงแม้ว่าเสิ่นเอียจะเป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว เสิ่นเอียก็ยังคงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้


             ในขณะนี้ เหล่านักเรียนจากชั้นเรียนอื่นกำลังส่งเสียงดังอย่างอลหม่าน


             “มันเป็นไปได้อย่างไร?”


             “สามารถเป็นไปได้ว่ามีบางสิ่งผิดพลาดเกี่ยวกับสอบหรือไม่”


             “เป็นไปไม่ได้หรอก หินทดสอบพลังนั้นได้ผ่านการสอบของนักเรียนมากมายมาก่อนหน้านี้แล้ว มันไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดเกี่ยวกับทดสอบเลย!”


             “พระเจ้า สิ่งเหล่านี้มันกำลังไปขัดกับสวรรค์อยู่หรือไม่”


             ชี่หัวทำหน้าไม่พอใจ มองไปเพื่อนร่วมชั้นของเขาและถามขึ้นว่า


             “มีสิ่งใดเกิดขึ้น ? มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับพวกนั้น?”


             “ชี่หัว สิ่งนี้ไม่น่าเชื่อได้เลย!”


             หนึ่งในนักเรียนยังคงอยู่ในการอาการตกใจอย่างสุด ๆ เขาสูดหายใจลึกและพูดว่า “สองคนในชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดมีผลการสอบอย่างไม่น่าเชื่อ!”


             “มันเป็นแค่ชั่นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด แม้พรสวรรค์ของเขาจะไม่เลวร้ายนัก แต่อย่างมากคงได้เพียงแค่ระดับร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาวมีเรื่องอะไรกันที่ต้องน่าตกใจกัน?” ชี่หัวพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเบา ๆ


             “ไม่ใช่ ถ้ามันเป็นแค่ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว มันจะไม่ดึดดูงความสนใจถึงเพียงนี้ได้อย่างแน่นอน สามคนในชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดได้เสร็จซึ่งการสอบของพวกเขาแล้ว คนแรกผลการสอบว่าเป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว และผลการทดสอบของผู้ต่อมาปรากฏว่าเป็น ร่ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สองดาว ส่วนคนสุดท้ายนั้นน่าตกใจยิ่งกว่าเสียอีก คริสตัลวิญญาณขั้นต้นได้ระเบิดออกมา!ระเบิดออก! พระเจ้า! มันจะสุดยอดเกินไปแล้ว!”


             “ใครบางคนสามารถระเบิดซึ่งคริสตัลวิญญาณขั้นต้นได้เช่นนั้นหรือ?” ตาของชี่หัวหมุนวนไปมาด้วยความรู้สึกตกใจสุด ๆ


             “หลังจากเขาระเบิดคริสตัลวิญญาณขั้นต้นแล้ว อาจารย์ผู้คุมสอบไม่ให้เขาสอบใหม่อีกครั้ง ดังนั้น พวกเรายังคงไม่รู้ว่าระดับพลังวิญญาณของเขามีมากเพียงใด”


             ชี่หัวสูดหายใจลึกเข้าไปเฮือกหนึ่ง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นและลงจากการหายใจรุนแรงและถามว่า “ใช่เด็กหญิงทั้งสองนั้นหรือไม่?”


             “ไม่!” นักเรียนคนนั้นสั่นหัวของเขา “ในขณะนี้เด็กหญิงทั้งสองยังคงไม่เข้ารับการสอบ ในตอนนี้มีเพียงเด็กชายสามคนเท่านั้นที่เข้ารับการทดสอบแล้ว!”


             ปากของชี่หัวอ้ากว้างออก นี่ใช่ชั้นเรียนของนักสู้ฝึกหัดจริงหรือ? ชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดมีบุคคลที่น่าหวาดกลัวสองคนปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร? ตัวของชี่หัวนั้นเขาได้ก้าวถึงร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สองดาวเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเป็นหัวหน้าของชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัด เมื่อเปรียบเทียบตัวเขาเองกับ สัตว์ประหลาดทั้งสองนั้นช่างมีความห่างที่มากยิ่ง!


ในตอนนี้ ชั้นเรียนอื่นเป็นเหตุให้เกิดความปั่นปวนอื่น ๆ ขึ้นอีก


             “ตอนนี้เป็นอย่างไร?” ชี่หัวได้ถาม ด้วยดวงตาที่แสนหดหู่


             “เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ชายสามคนได้ปรากฏตัวจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด พวกเขารู้สึกจะถูกเรียกว่า เว่ยหนาน ซูเซียงจิ้ง และจางหมิง พวกเขาทั้งสามคนอยู่ระดับ บรอนซ์สองดาว เพียงอีกเล็กน้อยเท่านั้นก็จะก้าวสู่ระดับ บรอนซ์สามดาว!”


             “โถ่เว้ย นี้เป็นการทดสอบของชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดจริง ๆ กันหรือ? เจ้าแน่ใจรึว่านี่ไม่ได้มาจากชั้นเรียนผู้มีพรสวรรค์”


             ก่อนที่ความตกใจจะค่อยจางหาย ก็มีข่าวใหม่ยิ่งกว่าปรากฏออกมา เมื่อทั้งเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อได้ทำการทดสอบ พวกนางทั้งคู่ต่างระเบิดคริสตัลวิญญาณขั้นต้น


             ทั้งหมดต่างเข้าสู่ภาวะเงียบงัน


             ผลการสอบเป็นเหตุให้ทุก ๆ คนหายใจไม่ออกในความเศร้าใจนี้


             ชี่หัวอยากที่จะโขกศรีษะของเขาเข้ากับกำแพง ก่อนการทดสอบของชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดจะเริ่มขึ้น ด้วยเขาเป็นหัวหน้าของชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัด


            เขานั้นมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าตัวเขานั้นมีคุณสมบัติที่คู่ควรที่จะตามตื้อเซี่ยวหนิงเอ๋อและเอียจื่ออวิ๋น อย่างไรก็ตาม


             ในตอนนี้ ความภาคภูมิใจของเขาได้แตกเป็นเสียง ๆ เสียแล้ว มันกลายเป็นว่าทั้งเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อไม่ได้อยู่ที่ระดับเดียวกันกับเขา


           
    “คนพวกนั้นจะมีพรสวรรค์มากเกินไปแล้ว!” ชี่หัวพึมพำอย่างใจลอย


จบตอน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น