วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 48 พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์

Tales of Demons & Gods บทที่ 48 พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์


                 
                ภายในสนามประลองการต่อสู้ ธงมากมายได้โบกสะบัดไปมา เสียงดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า การสอบแห่งปีที่ทุกคนคาดหมายไว้เป็นอย่างมากนี้ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งนี้สำหรับนักเรียนแล้วมีความหมายอย่างมาก




                 นักเรียนทุกคนจากชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัดและชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัดได้รวมตัวกัน ณ บริเวณสนามต่อสู้แห่งนี้ แม้แต่เนี่ยลี่และคณะผู้ซึ่งได้หายตัวไปเมื่อสองเดือนที่แล้วก็ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งบนสนามต่อสู้แห่งนี้ โดยยืนอยุ่ด้วยกันกับเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ




                 เมื่อเห็นว่าเนี่ยลี่ ได้มาแล้ว ทั้งเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อได้เดินตรงเข้ามา




                 ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายจากชั้นเรียนของเขาหรือเด็กผู้ชายจากชั้นเรียนอื่น ๆ เมื่อได้เห็นผู้หญิงทั้งสองอันแสนงดงามยืนอยู่ด้วยกันกับเนี่ยลี่ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความอิจฉา




                 เนี่ยลี่ ชักจะมากไปแล้ว เก็บของดีมากมายไว้กับตัวผู้เดียว




                 เนี่ยลี่ ได้มองไปยังเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ ผู้หญิงทั้งสองในตอนนี้งดงามขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน มีแต่คำว่านางฟ้าเท่านั้นที่สามารถใช้อธิบายได้ ด้วยทั้งเทคนิค[มังกรอัสนี] และ [ฟีนิกซ์น้ำแข็งเก้าหมุนวน] ไม่ต้องสงสัยเลย เทคนิคการเคลื่อนพลังที่แข็งแกร่งทั้งสองนี้ พวกมันสามารถขจัดซึ่งสิ่งมัวหมองภายในร่างกายออกไปได้ ทำให้ผู้หญิงทั้งสองนี้มีกลิ่นอายเปล่งปลั่งดุจดั่งนางฟ้า




                 เมื่อไม่นานมานี้ เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อพลังวิญญาณของพวกนางได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวหน้าไปไกลเหล่าเพื่อนของพวกนาง




                 ทั้งเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ พวกนางทั้งสองต่างรู้สึกขอบคุณเนี่ยลี่ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือของเขาแล้ว พวกนางคงจะไม่สามารถเพิ่มระดับพลังได้ขึ้นสูงเช่นนี้




                 เอียจื่ออวิ๋นดูเหมือนว่าจะเริ่มนึกอะไรบ้างสิ่งใด หลังจากคุยกับเนี่ยลี่ อยู่ชั่วครู่ นางได้เดินออกไป




                 “เนี่ยลี่ ข้าได้ยินมากจากสมาชิกภายในตระกูลของข้าว่ากิจการของตระกูลบันทึกสวรรค์ได้ถูกกดดันอย่างหนักโดยตระกูลศักดิ์สิทธิ์” เซี่ยวหนิงเอ๋อได้เดินไปข้างเนี่ยลี่ และกระซิบบอกเช่นนั้น




                 “แค่เพียงการค้าขายถูกยกเลิกเท่านั้นหรือ” เนี่ยลี่ตอบกลับไป




                 “อืม!” เซี่ยวหนิงเอ๋อผงกศรีษะของนาง ถึงแม้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะมีอิทธิพลมาก พวกเขายังคงเพียงแค่สามารถสามารถยกเลิกการค้าขายกับตระกูลอื่น ๆ ได้เท่านั้น เนื่องจากเมืองกลอรี่มีกฏห้ามการขัดแย้งภายใน ถ้าตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ทำลายตระกูลบันทึกสวรรค์แล้ว ทั้งร่างทรงอสูร ท่านเอียมัวและท่านจ้าวเมืองจะไม่ปล่อยให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เอาไว้




                 “ถ้าเช่นนั้น ก็ไม่เป็นไรหรอก” เนี่ยลี่ พูดอย่างมีความสุข ตั้งแต่การเริ่มต้นการขายยาทั้งหลาย(อย่าเลียนแบบนะ)เงินที่เนี่ยลี่ ได้มาต่อวันนั้นมีมากกว่า หนึ่งล้านเหรียญจิตมาร รายได้ต่อวันของเขานั้นสามารถเทียบได้กับรายได้ทั้งปีของตระกูลบันทึกสวรรค์ แค่ถูกยกเลิกการติดต่อค้าขายของตระกูลคงไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก เมื่อเขาเสร็จซึ่งการสอบและได้กลับสู่บ้าน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ทุกสิ่งภายในตระกูลบันทึกสวรรค์ได้




                 แม้ว่าเขาไม่ได้กังวลในสิ่งที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์คิดจะทำ แต่เขาต้องคอยระวังตัวต่อกลุ่มสมาคมทมิฬที่ได้เข้าร่วมกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ คนจากกลุ่มสมาคมทมิฬจะไม่ทำตามกฏของเมืองกลอรี่ โชคยังดีที่เมืองกลอรี่อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นอย่างดี ดังนั้นกลุ่มสมาคมทมิฬจึงไม่สามารถทำสิ่งใดภายในเมืองกลอรี่ได้โดยง่าย




                 ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้ามา เขาคือเสิ่นเฟย เสิ่นเอียและคณะ เมื่อมองดูว่าเนี่ยลี่ ได้พูดคุยอย่างสนุกสนานกับเซี่ยวหนิงเอ๋อ ความโกรธเป็นฟืนไฟในดวงตาของเสิ่นเฟยได้ถูกจุดขึ้น




                 เมื่อได้เห็นเสิ่นเฟยเดินตรงเข้ามา หน้าของเซี่ยวหนิงเอ๋อได้ซีดลงเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากของนางและได้เดินออกไป นางไม่ได้เกรงกลัวเสิ่นเฟย เพราะว่านางได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วที่จะสู้กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์จนถึงที่สุด อย่างไรก็ตามนางเป็นกังวลว่านางนั้นจะนำมาปัญหาให้กับเนี่ยลี่




                 เมื่อสังเกตุสีหน้ากังวลเล็กน้อยของเซี่ยวหนิงเอ๋อ เนี่ยลี่ คว้าไปที่แขนของเซี่ยวหนิงเอ๋อ และพูดเบา ๆ ว่า ”เจ้ากำลังจะไปที่แห่งใดกัน”




                 “เนี่ยลี่ เจ้าจงปล่อยข้าโดยเร็ว!” มิเช่นนั้นข้าจะนำปัญหามาให้เจ้าได้!” เซี่ยวหนิงเอ๋อกระซิบ




                 เนี่ยลี่ ได้ยักไหล่ของเขา และพูดอย่างเป็นปกติว่า “นี่ใช่ครั้งแรกหรอกหรือ ที่ข้าได้หยามตระกูลศักดิ์สิทธ์ มีเรื่องอันใดให้ต้องกลัวกัน”แม้ว่าจะถูกกั้นไว้ด้วยผ้าไหมบาง ๆ เนี่ยลี่ ยังรู้สึกได้ถึงผิวอันนุ่มนวลของเซี่ยวหนิงเอ๋อ




                 แก้มของเซี่ยวหนิงเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยท่าทีเอียงอาย ความมีเสน่ห์ที่นางแสดงออกมานั้นทำให้เด็กผู้ชายรอบตัวนางนั้นจ้องมองด้วยความงงงวย เซี่ยวหนิงเอ๋อรู้สึกซาบซึ้งจนเอ่อล้นภายในหัวใจนาง เพื่อนางแล้ว เนี่ยลี่ เต็มใจที่จะมีเรื่องกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์




                 “ปล่อยมือของเจ้าซะ!” เมื่อได้เห็นท่าทีเอียงอายของเซี่ยวหนิงเอ๋อแล้ว เสิ่นเฟยอดไม่ได้เลยที่จะรู้สึกโกรธอย่างหึงหวงและผลักมือข้างหนึ่งออกไปยังเนี่ยลี่




                 เนี่ยลี่ และเซี่ยวหนิงเอ่อที่กำลังใกล้ชิดกันนั้น ดูเหมือนว่ากำลังตบหน้าเสิ่นเฟยในที่สาธารณะ เกือบทุกคนรู้ว่าเซี่ยวหนิงเอ่อเป็นคู่หมั่นของเสิ่นเฟย แต่การแสดงออกกลับไปของนางต่อเนี่ยลี่ ดูเหมือนกับว่ากำลังทำให้เขาขายหน้าอยู่




                 เมื่อรู้สีกได้ถึงฝ่ามือของเสิ่นเฟยที่กำลังเข้ามา เขาได้เคลื่อนตัวและได้ดึงแขนขวาของเขา เขาหลบซึ่งฝ่ามือของเสิ่นเฟยโดยที่เซี่ยวหนิงเอ๋อยังอยู่ในแขนของเขาทั้งสองสิ่งนี้เขาทำได้ในเวลาเดียวกัน และเขาได้ผลักมือข้างหนึ่งออกไปที่เสิ่นเฟย




                 เสิ่นเฟยไม่รู้เลยว่าเนี่ยลี่ นั้นสามารถหลบพ้นได้อย่างไร และชั่วขณะถัดไป ฝ่ามือหนึ่งได้เข้ามา เป็นเหตุให้ตัวเขาต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ตาของเขาเบิกกว้าง จ้องไปที่เนี่ยลี่ เขาเริ่มรู้สึกได้ว่าเขาประมาทเนี่ยลี่ มากเกินไป ทุกคนต่างรู้ว่าเสิ่นเฟยนั้นได้ถึงระดับซิลเวอร์สามดาวแล้ว เนี่ยลี่ ยังคงสามารถหลบการโจมตีของเขาได้และยังสวนกลับด้วยฝ่ามือได้อีก




                 เหล่าผู้ที่มองอยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง เสิ่นเฟยนั้นมาจากชั้นเรียนผู้มีพรสวรรค์ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังพ่ายแพ้ให้แก่เนี่ยลี่ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ทุก ๆ คนต่างสงสัยว่าในตอนนี้นั้นเนี่ยลี่ อยู่ที่ระดับเท่าใดกันแน่?




                 “เจ้าคือเนี่ยลี่ รึ?” ตาของเสิ่นเฟยปรากฏแสงไฟวูบวาบ มองอย่างเย็นชาไปที่เนี่ยลี่




                 “ข้าเอง และเจ้าเป็นใคร?” เนี่ยลี่ ถามกลับ โดยแสร้งทำเป็นไม่สนใจว่ามือขวาของเขานั้นกำลังจับที่ข้อมือของเซี่ยวหนิงเอ๋ออยู่ เนี่ยลี่ ตั้งใจทำซึ่งเรื่องอันกำกวมนี้ โดยมุ่งหวังไปที่เสิ่นเฟยให้ความเกลียดชังปรากฏบนตัวเขา การทำให้เสิ่นเฟยคิดว่าเขาเป็นผู้หนึ่งที่ได้ล่วงเกิน(ให้คิดถึงขั้นไหนก็ไม่แน่ใจน่ะครับ)เซี่ยวหนิงเอ๋อไปแล้วนั้น แบบนี้แล้วเสิ่นเฟยคงจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเซี่ยวหนิงเอ๋ออีก




                 แม้ว่านางนั้นจะมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับเนี่ยลี่ มาก่อน แต่การถูกคว้าข้อมือโดยเนี่ยลี่ ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ทำให้หน้าของเสี่ยวหนิงเอ๋อรู้สึกร้อนผ่าว




                 เหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านข้างพวกเขาต่างแสดงท่าทีชื่มชมปรากฏบนใบหน้าของเขา เนี่ยลี่ กล้าที่จะทำเรื่องอวดดีต่อหน้าสาธารณะและคว้าข้อมือคู่หมั้นของบุคคลอื่นโดยที่ไม่รู่ว่าคู่หมั้นของนางนั้นเป็นใคร และพวกเขายังสังเกตุเห็นบางสิ่งอีกว่า เซี่ยวหนิงเอ๋อไม่ได้ต่อต้านเนี่ยลี่ เมื่อเขานั้นคว้าข้อมือนางไว้ มันดูเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองจะไม่ธรรมดาเลย




                 เมื่อได้ยินคำของเนี่ยลี่ เสิ่นเฟยแทบระเบิดด้วยความโกรธ ดวงตาทั้งสองของเขาเปิดกว้าง เส้นเลือดมากมายบนคอของเขาปูดขึ้น เขามองอย่างมุ่งร้ายไปที่เนี่ยลี่ และพูดว่า “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี ข้าชื่อเสิ่นเฟย เป็นคู่หมั้นของของหนิงเอ๋อ”




                 “คู่หมั้นของหนิงเอ๋อ? ใครกัน? หนิงเอ๋อเจ้ามีคู่หมั้นแล้วรึ?” เนี่ยลี่ มองไปทางหนิงเอ๋อและได้ถามขึ้น




                 โดยไม่เปิดโอกาสให้นางตอบกลับ เขายิ้ม มองไปทางเสิ่นเฟยและพูดว่า “เห็นหรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าเป็นใคร” หมาวัดคิดจะหมายดอกฟ้าเช่นนั้นหรือ ตื่นได้แล้ว! เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะมาเป็นคู่หมั้นกับหนิงเอ๋อของข้า?”


            เซี่ยวหนิงเอ๋องุนงง นางไม่แม้กระทั้งมีโอกาสที่จะตอบกลับเหล่าผู้ชมด้านข้างต่างรู้สึกงุนงงไปด้วย เนี่ยลี่ ชักจะอุกอาจมากเกินไปแล้ว เขาไม่ได้ให้แม้กระทั่งโอกาสแก่เทพธิดาหนิงเอ๋อได้พูดเลย !


                 “เขาไม่ใช่คู่หมั้นของข้า ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย !” เซี่ยวหนิงเอ๋อประกาศ นางมองไปที่เสิ่นเฟย ดวงตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ นางรู้ชัดว่าเสิ่นเฟยนั้นเป็นคนแบบใด เมื่อก่อนช่วงหนึ่ง เสิ่นเฟยได้เล่นกับเด็กนักเรียนสามัญสองคนแต่โยนความคิดผิดไปให้ผู้หนึ่ง จนรอดพ้นจากการรับโทษ ที่ผ่านมานางไม่กล้าพิสูจน์มันเพราะการกดดันของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามนางจะไม่ยอมให้กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแม้เพียงครั้งเดียว



                 เมื่อได้ยินที่เซี่ยวหนิงเอ๋อกล่าว ตาของเสิ่นเฟยมีความเย็นชา เขาหัวเราะอย่างโมโหร้าย “เซี่ยวหนิงเอ๋อ นี่คือสิ่งที่เจ้าประกาศออกมา อย่าได้เสียใจภายหลัง!” ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลปีกมังกรกำลังพยายามที่จะต่อต้านตระกูลศักดิ์สิทธิ์ มันก็เหมือนกำลังต่อต้านกับสวรรค์อยู่
                 เมื่อได้ฟังคำพูดของเสิ่นเฟย หน้าของเซี่ยวหนิงเอ๋อเปลี่ยนเป็นซีดลงไปบ้าง นางเข้าใจดีว่าด้วยกำลังของตระกูลปีกมังกรในตอนนี้ มันเป็นไปไม่แด้แน่นอนที่จะเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์แม้ตระกูลของนางต้องถูกกดดัน แต่นางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเพราะถ้านางต้องได้อยู่ร่วมกับเขา นางจะมีความรู้สึกเกลียดชังอยู่ตลอดเวลา
                 เมื่อได้ยินชัดเจนซึ่งบทสนทนาระหว่างเซี่ยวหนิงเอ๋อกับเสิ่นเฟย ผู้คนที่มองอยู่รอบ ๆ ต่างเข้าใจ เสิ่นเฟยได้ใช้กำลังของตระกูลศักดิ์สิทธิ์เพื่อบังคับให้เซี่ยวหนิงเอ๋อแต่งงานกับเขา เซี่ยวหนิงเอ๋อเองไม่ได้ชอบเสิ่นเฟยแม้แต่น้อย



                 “ เลวทราม!”

                 “ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เป็นคนแบบนี้เองเหรอ!”

                 “ไม่ต้องสงสัยเลย การที่เซี่ยวหนิงที่เป็น

คู่หมั้นของเสิ่นเฟย ไม่เคยเต็มใจที่จะพบปะกับเสิ่นเฟยเลยสักครั้ง มันเป็นเพราะเหตุเช่นนี้เอง!”

                 ผู้คนรอบ ๆ ที่มองดูเหตุการณ์นี้อยู่กำลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะนี้การมองของพวกเขาต่อเนี่ยลี่ นั้นไม่มีความมุ่งร้ายอีกต่อไป ในทางตรงกันข้ามพวกเขาได้ชื่นชมเนี่ยลี่ นอกจากเนี่ยลี่ แล้วใครกันจะกล้าต่อต้านตระกูลศักดิ์ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ได้ ? ผู้ใดจะกล้าพอที่จะช่วยเหลือเทพธิดาหนิงเอ๋อออกมาจากขุมนรกกัน?



                 เมื่อได้ยินการวิพากษ์วิจารญ์ของชาวเมืองกลอรี่ ใบหน้าที่หมดหวังของเสิ่นเฟยยิ่งน่าเกลียดขึ้นไปอีก สายตาอันเย็นชากวาดมองไปยังผู้คนรอบ ๆ ผู้คนรอบ ๆ เกิดกลัวขึ้นในทันทีทันใดและไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก

             


 “ถ้ายังมีสิ่งใดอีกเข้ามาหาข้าคนนี้ได้เลย ไปหาเรื่องกับผู้หญิงเจ้าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน? ไม่ว่าเจ้าจะมาไม้ไหน ข้า เนี่ยลี่ จะเป็นผู้จัดการเจ้าเอง!” เนี่ยลี่ ประกาศด้วยความภาคภูมิพร้อมกับมองไปที่เสิ่นเฟย บุคคลเช่นเสิ่นเฟยได้ถูกชะตากำหนดไว้ให้เป็นดังเช่นก้อนหินที่ถูกเนี่ยลี่ ก้าวผ่าน



                 “สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับเนี่ยลี่ ทั้งหมดล้วนเป็นความคิดของข้า!” ตาของเซี่ยวหนิงเอ๋อมองอย่างแน่วแน่ไปที่เสิ่นเฟย “เสิ่นเฟย แม้ข้าจะต้องตาย ข้าก็จะไม่ขออยู่ร่วมกับเจ้า”



                 เซี่ยวหนิงเป็นบางคนที่ยอมตายเสียดีกว่าถ้าต้องอยู่อย่างอัปยศอดสู แม้ว่านางดูอ่อนแอแต่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวยิ่งนักมิเช่นนั้นแล้วนางคงไม่วิ่งไปสู่ป่าอสูรทมิฬก่อนพิธีแต่งงานเริ่มขึ้น

                 โศกนาฏกรรมแบบนี้ในชีวิตที่แล้วของนาง เนี่ยลี่ จะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ตั้งแต่เริ่มต้นที่เขาได้รักษาโรคของเซี่ยวหนิงเอ๋อจนถึงบัดนี้ พวกเขาทั้งสองมีความคุ้นเคยซึ่งกันและกันมากขึ้น เนี่ยลี่ ยังคงมีความประทับใจหลายอย่างซึ่งความสวยงาม ความใจกว้างและความเข้มแข็งของนาง เขาปฏิบัติต่อนางเหมือนกับน้องสาวของเขาเอง

                 “หึ เรื่องนี้มิได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า!” เสิ่นเฟยหัวเราะอย่างเย็นชา


                 “เสิ่นเฟย ข้าจะเข้าไปยังพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ ถ้าข้าสามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้แม้จะเป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้”  เซี่ยวหนิงเอ๋อประกาศอย่างภาคภูมิใจ

                 “หึหึหึ เซี่ยวหนิงเอ๋อ เจ้ากำลังคิดไกลไปมาก เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธ์แห่งสวรรค์? ในระยะกว่าร้อยปีที่ผ่านมานี้ มีเพียง สาม คนเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้!” เสิ่นเฟยพูดอย่างล้อเลียน

                 พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เป็นดินแดนลึกลับภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปยังพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้เมื่อครั้นผู้ใดนั้นได้ผ่านซึ่งการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์แล้ว พวกเขาจะกลายมาเป็นยอดฝีมือที่เจิดจรัสสูงสุดของเมืองกลอรี่ และแม้กระทั่งมีโอกาสที่จะได้กลายมาเป็นศิษย์ของร่างทรงอสูรในตำนานท่านเอียมัว!


                 การที่จะเข้าสู่พรมแดนแห่งสวรรค์ได้นั้น ผู้นั้นจะต้องมีอายุต่ำกว่า สิบห้า ปี ด้วยคุณสมบัตินี้ เซี่ยวหนิงเอ๋อมีอยู่ แต่เซี่ยวหนิงเอ๋อคิดจริง ๆ หรือว่าความสามารถของนางนั้นสามารถไปถึงระดับที่มาก เช่นนั้นได้?

                 ตลอดประวัติศาตร์ของเมืองกลอรี่ที่ผ่านมา มีเพียง สาม คนเท่านั้นที่สามารถจัดการจนผ่านการทดสอบของพรมแดนแห่งสวรรค์ได้ หนึ่งในนั้นคือท่านเอียมัว และอีกสองคนคือได้จบชีวิตลงแล้วในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามพวกเขาได้อยู่ในจุดสุงสุดของร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงระดับในตำนาน!
                 พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์นี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก

                 ถ้าเซี่ยวหนิงเอ๋อสามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์นี้ไปได้ ตระกูลศักด์สิทธิ์จะไม่สามารถทำสิ่งใดต่อตระกูลปีกมังกรได้อีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น