วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทที่ 3 ทัณฑ์ยืน

บทที่ 3 ทัณฑ์ยืน


*** แซ่เย่ แก้เป็นแซ่เหย่ (也) นะครับ จำเสียงผิด ส่วนแซ่นี่ (聂) คือแซ่เนี่ยของเนี่ยฟงครับ ขอเปลี่ยนไปใช้เสียงเนี่ยครับขออภัยครับ ***
เมื่อได้ฟังสิ่งที่’เนี่ยหลี’พูด สายตาของคนไร้ยศในห้องก็ลุกโชน พวกเขาล้วนรับรู้เรื่องราวของเหย่ม่อ เขาคือตัวอย่างของทุกคนที่ต้องการกลายเป็นผู้ทรงพลัง หากแต่คำพูดของ’เสิ่นซิ่ว’ทำร้ายจิตใจคนเกินไป นั่นทำให้พวกเขาหดหู่ยิ่ง
“เจ้า… ในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีของนครเรืองโรจน์ ท่านจ้าวเหย่ม่อเป็นคนเดียวที่สามารถบรรลุถึงระดับเช่นนั้นด้วยพลังของตนเพียงอย่างเดียว”
‘เสิ่นซิ่ว’ชะงักก่อนรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“แต่อาจารย์หญิงเสิ่นกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่หรือ เหตุใดอาจารย์หญิงจึงกล่าวขัดแย้งในตัวเองเช่นนี้?”
‘เนี่ยหลี’เอ่ยเสียงเย็น
“ท่านจ้าวเหย่ม่อเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ไม่ว่าเป็นสามัญชนคนมียศ ความสามารถของทุกคนนั้นไร้ขีดจำกัด เพียงแต่ยินดีทุ่มเทแรงกายแรงใจเท่านั้น”
‘เสิ่นซิ่ว’แทบระเบิด เด็กคนนี้ประสงค์ร้ายชัดๆ เอาแต่จับผิดช่องว่างในคำพูดของนางแล้วฉวยโอกาสโจมตี เขาไม่มีความเคารพต่อวัยวุฒิแม้แต่น้อย นางมอง’เนี่ยหลี’เยียบเย็น มันกล้าจะต่อต้านนางต่อหน้าฝูงชนอย่างเปิดเผย นางจะไม่ปล่ยให้มันมีชีวิตที่สะดวกดายนักหรอก
ไม่ห่างออกไป ‘ตู้เจ๋อ’มอง’เนี่ยหลี’ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ แม้’เนี่ยหลี’เองจะมาจากสกุลยศฐา เขายังกล้าที่จะต่อต้านอาจารย์เพื่อพูดแทนสามัญชน เด็กหนุ่มประทับใจอย่างยิ่ง ดวงใจของเด็กหนุ่มนั้นซื่อตรงนัก และนั่นทำให้เขานับ’เนี่ยหลี’เป็นเพื่อนคนหนึ่ง
‘เสิ่นซิ่ว’หัวเราะเยาะ
“ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วความจริงจะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ เธอดูแต่ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของท่านจ้าว ทำไมไม่มองคนที่ล้มเหลวเล่า ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้ใช้ภูติ แม้แต่นักรบเอง การเลื่อนขั้นยังยากลำบากนัก เธอชื่อเนี่ยหลีใช่ไหม สายเลือดของเธอนับเป็นสกุลยศฐา ในเมื่อไม่รู้กาลเทศะ ฉันจะดูว่าเธอมีพรสวรรค์แค่ไหนกันแน่”
‘เสิ่นซิ่ว’ก้มหน้ามองแผ่นหนังแกะในมือ หลังมองเนื้อหาจบก็เปล่งเสียงหัวเราะถากถาง
“เนี่ยหลี เวิ้งวิญญาณชาด พลังวิญญาณ 5 ความแข็งแกร่ง 21 ด้วยความสามารถของเธอ เป็นได้แค่นักสู้ระดับทองแดงชั่วชีวิต หวังเป็นผู้ใช้ภูตินั้นเป็นไปไม่ได้ เธออ่อนด้อยยิ่งว่าสามัญชนบางส่วนด้วยซ้ำ ฉันไม่แปลกใจที่เธอกล้าพูดแบบนี้ เธอแค่จะซ่อนความอ่อนด้วยของเธอแค่นั้น”
ระดับของเวิ้งวิญญาณแบ่งออกตามสี ชาด ส้ม เหลือง เขียว คราม ฟ้า ม่วง ในสีทั้งเจ็ด ชาดคือระดับต่ำที่สุด อ่อนด้อยที่สุด แม้แต่คนทั่วไปยังมีระดับส้มหรือเหลือง เวิ้งวิญญาณเขียวหรือครามถือว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว เวิ้งวิญญาณฟ้าหรือม่วงปรากฏแค่ในตำนานเท่านั้น
หลังได้ยินคำพูดของ’เสิ่นซิ่ว’ เหล่านักเรียนที่มาจากครอบครัวสามัญชนรู้สึกเสียใจแทน’เนี่ยหลี’มาก เมื่อเทียบในเหล่าสกุลยศฐา ความสามารถของเนี่ยหลีนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน พวกเขาเกรงว่า’เนี่ยหลี’คงประสบความสำเร็จในชีวิตได้ยากยิ่ง
‘เหย่จื่อหวิน’มอง’เนี่ยหลี’แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ แม้ว่านางไม่ประทับใจเนี่ยหลีนัก แต่เมื่อรู้ว่าความสามารถของเขาต่ำต้อย  นางก็ได้แต่เสียใจแทนเขา ‘เสิ่นเยว่’ที่นั่งอยู่ข้าง’เหย่จื่อหวิน’เผยอมุมปากเหยียดหยาม ถ้ารู้แต่แรกว่า’เนี่ยหลี’อ่อนด้อยขนาดนี้ เขาคงไม่ต้องสนใจ’เนี่ยหลี’นัก ด้วยทักษะของ’เนี่ยหลี’ เขาเป็นได้เพียงชนชั้นต่ำของนครเท่านั้น ในขณะที่เขามาจากสามสกุลหลัก ด้วยสายเลือดตรงของสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ ‘เนี่ยหลี’จะแข่งกับเขาได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะ’เหย่จื่อหวิน’ ทำไมเขาต้องเข้าเรียนในชั้นเรียนขยะแล้วสุงสิงกับสวะอย่าง’เนี่ยหลี’  ‘เสิ่นซิ่ว’พูดต่อย่างกราดเกรี้ยว
“ด้วยความสามารถของเธอ แม้แต่ครอบครัวก็ไม่สนใจ แต่เธอยังผยองและหยาบคายกับผู้ใหญ่!”
คำพูดของ’เสิ่นซิ่ว’ทำให้’เนี่ยหลี’นึกถึงชาติที่แล้ว ก่อนนครจะล่มสลาย ‘เนี่ยหลี’อ่อนแอมาก เขาบรรลุได้ถึงระดับสามดาวทองแดง และก็ตันอยู่ที่ระดับนั้น ไม่มีใครสนใจเขา ทั้งในสถานศึกษาและครอบครัว เขากลายเป็นเพียงฝุ่นธุลีในสายตา
ถ้าไม่ใช่’เนี่ยหลี’ปกป้อง’เหย่จื่อหวิน’อย่างไม่สนใจชีวิต เขาไม่มีทางได้รับความชื่นชมจากเทพธิดา ในขณะนั้นเหย่จื่อหวินบรรลุขั้นหนึ่งดาวทองแล้ว ระยะห่างของทั้งสองห่างกันไกล แม้แต่ในตอนท้าย ‘เนี่ยหลี’ก็ไม่สามารถต่อสู้เคียงข้างนางและได้แต่มองนางถูกสังหารด้วยกรงเล็บของสัตว์ภูติต่อหน้าต่อตา ได้แต่มองร่างของนางร่วงหล่นสู่พื้นทราย
นี่เป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงจิตใจของ’เนี่ยหลี’อยู่ตลอดเวลา ด้วยความโชคดีมหาศาล เนี่ยหลีจึงรอดจากทะเลทรายไร้ที่สุดได้ ‘เนี่ยหลี’ได้พบกับปรากฎการณ์ลึกลับมากมาย ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์พลังวิญญาณนั้นพัฒนาได้
ถ้าเป็นชาติที่แล้ว ‘เนี่ยหลี’คงไม่มีความกล้าที่จะโต้การดุด่าของอาจารย์ แต่ครั้งนี้ต่างไปแล้ว เขามั่นใจว่าวันหนึ่งเขาจะให้พวกที่ดูถูกเขาได้รับรู้ว่าเขาจะบรรลุถึงระดับที่พวกมันไม่คาดคิด เขากลับมาแล้วและเขาไม่มีวันพ่าย แม้นั่นจะแหลว่าเขาต้องสังหารเทพมารตนใดที่บังอาจขวางทาง
ทุกคนตื่นตะลึงที่พบว่าแม้’เนี่ยหลี’จะถูกอาจารย์หญิง’เสิ่นซิ่ว’ดุด่า แต่เขากลับไม่ปรากฏรอยร่องแห่งความอับอายแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน สายตาของเด็กชายจับจ้องไปยัง’เสิ่นซิ่ว’ ก่อนเอ่ย
“อาจารย์หญิงเสิ่น ท่านคงเห็นว่าเวิ้งวิญญาณของแต่ละคนเป็นสิ่งกำหนดอนาคตใช่หรือไม่? ด้วยนิสัยที่น่ารักเกียจของท่าน ท่านจะเข้าข้างคนมีพรสวรรค์ ข่มขู่คนธรรมดา แต่ท่านยังคงเอ่ยเป็นหลักการออกมา นั่นคือการพยายามปกปิดตัวตนที่น่ารังเกียจ”
ร่างของ’เสิ่นซิ่ว’สั่นสะท้านด้วยความโกรธหลังฟังคำของ’เนี่ยหลี’ นางไม่เคยเจอนักเรียนแบบนี้มาก่อน นักเรียนที่ต่อต้านนางถึงที่สุด คำพูดของเนี่ยหลีแทงใจดำและทำให้นางเดือด ตวาดว่า
“หุบปาก! เจ้าเป็นใครที่จะมาว่าร้ายข้า!?”
‘เนี่ยหลี’เผยมุมปากเหยียด
“ผมอับอายอย่างยิ่งที่มีครูอย่างคุณ ผมรับประกันได้ว่าในชั้นเรียนนี้ สามัญชนจำนวนมาก มากกว่าที่คุณจินตนาการ ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดไม่ถึง แต่แทนที่คุณจะชักนำพวกเขา คุณกลับใช้คำพูดร้ายกาจเหยียดหยาม ข่มความมั่นใจของพวกเขา คุณไม่สมควรที่จะเป็นครูด้วยซ้ำ ถึงพรสวรรค์ของผมจะอ่อนด้อยแล้วอย่างไร วันหนึ่งผมจะเป็นผู้ใช้ภูติในตำนานเช่นท่านจ้าวเหย่ม่อและตบแต่งสตรีที่งามที่สุดในนคร!!”
ขณะพูด สายตาของ’เนี่ยหลี’จับจ้องไปยังเหย่จื่อหวินที่นั่งห่างออกไป ดวงตาเด็กหนุ่มฉายฉานไปด้วยความมุ่งมั่น
เมื่อเห็นสายตาของ’เนี่ยหลี’ นางพลันรู้สึกใจเต้นแรงไม่รู้เหตุผล สองแก้มแดงซ่าย นางไม่คิดว่า’เนี่ยหลี’จะซื่อบื้อแล้วพูดอะไรแบบนี้มากลางชั้นเรียน หลังเห็นสายตาของ’เนี่ยหลี’ นางรู้ว่าความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนยิ่ง เว้นแต่ว่าในใจของนาง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเนี่ยหลีเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ในใจนางก่อเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ ‘เสิ่นเยว่’หน้าถอดสีเมื่อได้เห็นท่าทีของ’เหย่จื่อหวิน’ แม้ว่าเขากับ’เนี่ยหลี’จะอยู่คนละชั้น แต่เขากลับรู้สึกถึงการคุกคามจาก’เนี่ยหลี’
“ฮ่าๆๆๆๆ น่าขำ เวิ้งวิญญาณชาดที่ฝันเป็นผู้ใช้ภูติในตำนาน แม้แต่ท่านจ้าวเหย่ม่อเองเมื่อยังเยาว์ก็ยังแสดงพรสวรรค์สูงเทียมฟ้า ท่านมีเวิ้งวิญญาณคราม ส่วนเจ้า! เจ้าคิดว่าความสำเร็จนั้นเกิดแต่โชคเพียงอย่างเดียวหรือ? น่าหัวร่อ”
‘เสิ่นซิ่ว’หยามหยันอย่างไร้ปราณี
“แทนที่จะเอ่ยวาจาไร้สาระ ทำไมไม่ตั้งใจเรียนเสียตั้งแต่ตอนนี้?”
หากประโยคถัดไปของ’เนี่ยหลี’กลับทรงพลังและสะท้านจิตใจคนฟังยิ่งกว่า
“ผมรู้ว่าความคิดของท่านนั้นเต็มไปด้วยอคติ แต่วันหนึ่งผมจะทำให้อาจารย์หุบปากด้วยความจริงที่โต้เถียงไม่ได้ พรสวรรค์ไม่ได้ตัดสินความสำเร็จของคน เราใช้อ่อนต้านแข็งเพื่อต้านฟ้าอยู่แล้ว เราเหล่าผู้ฝึกฝนต่างท้าทายวิถีฟ้าที่ยากโต้แย้งอยู่แล้ว!”
เด็กชายประกาศกร้าว
“หากไร้ใจสู้ ไร้ความกล้าที่จะเผชิญกับความเป็นไปได้อันน้อยนิด แม้มีพรสวรรค์ล้ำฟ้าก็ไร้ค่า นับตั้งแต่ข้า เนี่ยหลี ถือกำเนิด ข้าก็ท้าทายความเป็นไปไม่ได้นานับประการแล้ว อาจารย์หญิงเสิ่นกล้าท้าพนันกับผมหรือไม่?”
แม้’เนี่ยหลี’จะมีประสบการณ์ความล้มเหลวมากมายจากอดีตชาติ เขาไม่เคยยอมแพ้ เมื่อฟ้าเบื้องบนให้โอกาสที่สองแก่เขา ชาตินี้เขาจะปีนป่ายภูเขาแห่งความพยายามอย่างรวดเร็วจนคาดไม่ถึง
“พนันอะไร?”
‘เสิ่นซิ่ว’แค่นเสียง
“เราพนันกันด้วยผลการสอบอีกสองเดือนข้างหน้า ผมจะเลื่อนขึ้นชั้นทองแดง ถ้าผมล้มเหลว ผมยินดีลาออกจากสถานศึกษา ถ้าผมสำเร็จ อาจารย์หญิงต้องเอ่ยคำอำลา แบบนี้เป็นอย่างไร?”
‘เนี่ยหลี’ประกาศก้อง สองตาจ้องมองไปที่’เสิ่นซิ่ว’ ฟังคำของ’เนี่ยหลี’แล้ว ทุกคนถึงกับผงะ เหล่านักเรียนตื่นตะลึงในความกล้าของ’เนี่ยหลี’ แม้พวกเขาจะคาดหวังให้’เนี่ยหลี’ชนะ แต่ก็ไม่เห็นว่า’เนี่ยหลี’จะชนะด้วยทางใด
“ฮ่าๆๆ เธอกล้าเอ่ยวาจาไร้สาระว่าจะก้าวสู่ชั้นทองแดงในสองเดือน เธอคิดว่าพลังวิญญาณของเธอจะเลื่อนขึ้นจาก 5 เป็น 100 ได้ในสองเดือนหรือ”
ใบหน้านางเต็มไปด้วยความรังเกียจ ‘เนี่ยหลี’บ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
“คำถามของผมมีเพียงว่าอาจารย์หญิงกล้ารับคำท้าหรือไม่?”
‘เนี่ยหลี’ไม่สนใจคำพูดของ’เสิ่นซิ่ว’แม้แต่น้อย
“ทำไมฉันจะไม่กล้า ฉันไม่เชื่อว่าเด็กที่มั่นใจในตัวเองจนโง่เขลาอย่างเธอจะทำอะไรได้ เธอคิดว่าเธอกำลังกำแหงกับใคร?”
‘เสิ่นซิ่น’แค่นเสียงอย่างเคียดแค้น
“หยาบช้าต่อครูอาจารย์ นับจากนี้ไปอีกสองเดือน เธอจงยืนเรียนอยู่หลังห้องเถอะ”
‘เสิ่นซิ่ว’นั้นขึ้นชื่อในความไร้เหตุผลอย่างยิ่ง ‘เนี่ยหลี’มองเสิ่นซิ่วด้วยสายตาที่ไร้ความเคารพนับถือ ยืนหลังห้องแล้วอย่างไร โทษทัณฑ์แค่นี้ไม่สำคัญเลยในสายตาของเขา
“หากอาจารย์หญิงกล้ารับคำท้า เช่นนั้นโปรดอย่าเสียใจทีหลัง”
‘เนี่ยหลี’พูดขณะเดินไปยังหลังห้องช้าๆ
“ฉันจะเสียใจ? น่าหัวเราะ อย่าร้องไห้กับฉันทีหลังแล้วกัน”
‘เสิ่นซิ่ว’หัวเราะ เด็กจากสกุลยศฐาหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบนินทาทันทีที่เห็น’เนี่ยหลี’ยืนหลังห้อง
“ว่าที่ผู้ใช้ภูติในตำนานถูกยืนหลังห้องว่ะ”
“หึๆ มันก็กลัวถูกไล่ออกเหมือนกันสินะ”
“เมื่อกี้เอ็งก็เป็นเหมือนมันไม่ใช่รึ?”
“ใช้เวลาสองเดือนเพาะสร้างพลังวิญญาณจาก 5 ไป 100 มันคิดว่ามันเป็นใครกัน? แม้แต่ท่านจ้าวเองเมื่อเยาว์วัยยังไม่มีความสามารถระดับนี้เลย”
‘เสิ่นซิ่ว’หยามหยัน
‘เนี่ยหลี’กำแหงหาญแล้วเป็นอย่างไร นางยังคงเป็นผู้กุมชะตาของคนในห้องเรียนนี้อยู่ดี นางไม่ได้ใส่ใจคำพูดของ’เนี่ยหลี’ด้วยซ้ำ สองเดือนกับความก้าวหน้าระดับนั้น นางเห็นเป็นเพียงเรื่องขำขันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ นางเพียงรอวันไล่’เนี่ยหลี’ออกเท่านั้นเอง
‘ตู้เจ๋อ’เห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็เงียบไป เด็กชายกัดฟันแน่นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนข้าง’เนี่ยหลี’ ‘เนี่ยหลี’พูดจาแทนสามัญชน เขาย่อมต้องยืนเคียงข้างเด็กชาย เห็นเหตุการณ์ดังนี้ ดวงตาของ’เสิ่นซิ่ว’ก็หรี่ลง คำรามว่า
“ชอบยืนนัก ก็ยืนไปกับมันนั่นแหละ”
‘เนี่ยหลี’กับ’ตู้นเจ๋อ’มองหน้ากัน ดวงตาทอประกายยอมรับก่อนยิ้มน้อยๆให้แก่กัน
ชั่วพริบตานั้น ‘เนี่ยหลี’เสมือนกลับไปยังชาติก่อนซึ่งเขากับ’ตู้เจ๋อ’เป็นเพื่อนตาย ‘ตู้เจ๋อ’คือตู้เจ๋อจริงๆ เห็น’ตู้เจ๋อ’แสดงความกล้า ‘ลู่เปียว’จมจ่อมลงในห้วงความคิดชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจเช่นเดียวกัน ‘เนี่ยหลี’ยิ้มพลางถาม
“นายมาทำไม?”
‘ลู่เปียว’ยักไหล่
“นั่งเฉยๆมันน่าเบื่อ ยืนเจ๋งกว่า ไม่ได้รึไง?”
“ฮ่าๆ สมเป็นนาย”
‘เนี่ยหลี’หัวเราะ
‘ลู่เปียว’เองก็เป็นเหมือนเดิม ถึงจะปากดีไปหน่อย แต่ก็จงรัก การลงทัณฑ์นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับ’ลู่เปียว’ แต่เมื่อเห็น’เนี่ยหลี’เป็นเพื่อน เพื่อนก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุข หลังจากนั้นมีเด็กอีกสามคนตามมายืนข้าง’เนี่ยหลี’
‘เนี่ยหลี’เป็นคนของสกุลยศฐา แต่กลับเสี่ยงตายพูดแทนพวกเขาอย่างน่าประทับใจ พวกเขาได้แต่ช่วยประคับประคองกัน เมื่อมีพี่น้องอยู่ข้างกาย ‘เนี่ยหลี’พลันเห็นว่า’ทัณฑ์’นี้ไม่แย่นัก เด็กชายอารมณ์ดีขึ้นทันตา ‘เสิ่นซิ่ว’หน้าเสียทันควันเมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ นางรีบทำหน้าเฉยก่อนสอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หลังการทดสอบ ในประดานักเรียนกลุ่มนี้ เหย่จื่อหวินถือครองเวิ้งวิญญาณคราม พลังวิญญาณ 86 เสิ่นเยว่และเซียวหนิงเอ๋อร์มีเวิ้งวิญญาณเขียวทั้งคู่ พลังวิญญาณ 78 เท่ากัน ทั้งสามถือว่าเข้าใกล้ระดับหนึ่งดาวทองแดงแล้ว ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า”
‘เสิ่นซิ่ว’เอ่ย สายตาของนางมองไปที่’เนี่ยหลี’ พรสวรรค์ที่แท้เป็นเช่นนี้ ‘เนี่ยหลี’เทียบเทียมได้อย่างไร ฟังคำพูดของ’เสิ่นซิ่ว’ เหล่านักเรียนร้องด้วยความตื่นเต้น เวิ้งวิญญาณคราม พลังวิญญาณ 86 คนที่น่าอัศจรรย์แบบนี้ นางจะกลายเป็นผู้ใช้ภูติในตำนานอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับ’เสิ่นเยว่’และ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ พรสวรรค์ล้ำเกินสามัญ ความสำเร็จของพวกเขาย่อมคาดไม่ได้เช่นกัน ‘เหย่จื่อหวิน’มีชาติกำเนิดลี้ลับ นางประกอบด้วยรูปลักษณ์งดงามสดใส พรสวรรค์สูงล้ำ เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ ยิ่งทำให้นางกลายเป็นคนที่เปล่งประกายที่ชุดในชั้นเรียน เช่นเดียวกับ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ รูปร่างของนางไม่ได้อ่อนด้วยกว่า’เหย่จื่อหวิน’ เพียงแต่พรสวรรค์ของนางด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไร คนธรรมดาย่อมมิอาจคาดหวังจะอาจเอื้อมทั้งสองแน่นอน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น