วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทที่ 8 จิตใจของสตรี

บทที่ 8 จิตใจของสตรี



ใจของ’เนี่ยหลี’สั่นสะท้านเมื่อประคองข้อเท้าขาวเนียนประดุจหยกของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ ‘เนี่ยหลี’พิจารณาเห็นน่องนุ่มตึงเนียนนั้นสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
“อย่าได้เข้าใจผิดไป ฉันเพียงแต่รักษาเธอเท่านั้น คนที่ฉันชอบคือเหย่จื่อหวิน แน่นอนว่าได้พบเธอนั้นเป็นความสุขชนิดหนึ่ง แต่ฉันหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ต่อไป”
‘เนี่ยหลี’อธิบายขณะจับจ้องใบหน้าทรงเสน่ห์ของนาง ฟังคำของ’เนี่ยหลี’แล้ว สองบ่าของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’สะท้านเล็กน้อย นางพยักหน้าก่อนพูดเบาๆ
“อื้อ”
นับตั้งแต่เกิดมา ‘เนี่ยหลี’เป็นชายเพียงคนเดียวที่ได้แตะต้องนาง นอกเหลือจากบิดาของนาง หาก’เนี่ยหลี’กลับชมชอบ’เหย่จื่อหวิน’ เพียงคิด ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา ‘เนี่ยหลี’ประคองเท้าของนางแน่น ใช้นิ้วโป้งค่อยๆนวดลงไปยังจ้ำเลือดนั้นอย่างนุ่มนวล
“อ๊ะ”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ร้องครางขึ้นอย่างไม่อาจข่มกลั้น
“ครั้งแรกคงเจ็บสักหน่อย อดทนสักนิดนะ”
‘เนี่ยหลี’ว่า
เด็กหนุ่มพลันคิดอะไรบางอย่างที่น่าอับอาย ประคองข้อเท้าของหญิงงามไว้แล้วเอ่ยวาจาเช่นนี้ฟังดูประหลาดอยู่บ้าง แม้’เซียวหนิงเอ๋อร์’จะเป็นเด็กหญิงเยาว์วัย หากนางเติบโตในสกุลยศฐาและมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างบุรุษสตรีอยู่บ้าง เด็กหญิงในวัยเดียวกันหลายคนตบแต่งออกเรือนไปแล้วด้วยซ้ำ
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ก้มศีรษะลง สองแก้มนางแดงซ่าน ความรู้สึกประหลาดก่อตัวขึ้นในใจ ใบหน้าที่ขวยเขินของเด็กหญิงนั้นน่าหลงใหล หัวใจของ’เนี่ยหลี’แทบจะกระโดดออกจากตัว ความงามของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’นั้นไม่ด้วยกว่า’เหย่จื่อหวิน’
แม้นางยังมีอายุเพียงสิบสามก็ยังงดงามถึงเพียงนี้ ชาติก่อน’เซียวหนิงเอ๋อร์’กับ’เหย่จื่อหวิน’เป็นเช่นเทพธิดาที่บุรุษทุกผู้ใฝ่ฝันถึง ‘เหย่จื่อหวิน’นั้นงามสง่าสูงส่ง ส่วน’เซียวหนิงเอ๋อร์’นั้นเย็นชาประหนึ่งนางงามแกะสลัก ยิ่งทำให้พวกนางเป็นคนรักในฝันของบุรุษทุกรูปนาม
แต่เมื่อคิดถึง’เหย่จื่อหวิน’ ‘เนี่ยหลี’ก็เลิกฟุ้งซ่านและตั้งใจทำการรักษา’เซียวหนิงเอ๋อร์’ต่อไป  ภายใต้การนวดอย่างนุ่มนวลของ’เนี่ยหลี’ ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในเบื้องต้น หากความเจ็บปวดก็ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความร้อนที่ส่งจากนิ้วมือถึงเท้าของนาง ก่อเกิดความรู้สึกเหมือนมีมดไชอยู่ใต้เท้า เป็นความคันสลับกันความรู้สึกชา ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’เปล่งเสียง
“อ๊า”
ออกมาเบาๆซึ่งทำให้นางรู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
จ้ำเลือดนี้เป็นอยู่ราวหกเจ็ดเดือนแล้ว เป็นมันเองที่ทำให้นางเจ็บปวดอยูตลอดเวลา ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’อดทนความเจ็บปวดนี้ด้วยแรงใจที่กล้าเกินคน อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะอดทนมากเพียงใด ความเจ็บปวดนี้ก็ทรมานนางอยู่ตลอดเวลา
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’เคยคิดว่าการรักษาจ้ำเลือดนี้ต้องไม่สบายตัวและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่นิ้วมือของ’เนี่ยหลี’นั้นนุ่มนวลมาก นางรู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดที่ทรมานนางอยู่ตลอดนั้นเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด สองตาของเด็กหญิงรื้นด้วยน้ำตา ไม่มีใครรู้ว่านางแอบซ่อนความเจ็บปวดเจียนตายนี้
นางต้องแอบร้องไห้อยู่แทบทุกคืน หลังปาดน้ำตา นางทำได้เพียงบำเพ็ญเพียรต่อ นางไม่เคยคิดว่าหลังถูกนวดด้วยมือของเนี่ยหลี ความเจ็บปวดนั้นจะลดลงมากเช่นนี้ ในใจของนางเต็มไปด้วยความขอบคุณ ใบหน้าของเนี่ยหลีแจ่มชัดใต้แสงจันทร์ ความเคร่งขรึมจริงจังที่ฉายอยู่ใบหน้าของ’เนี่ยหลี’สร้างคลื่นกระเพื่อมในใจของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ ทำให้ใจของนางยากจะสงบลง
“สำเร็จ”
‘เนี่ยหลี’ว่าเมื่อเสร็จการนวด เด็กชายหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า
“ในไม่กี่วันนี้ เธอจะยังรู้สึกปวดอยู่บ้าง แค่พักสักหน่อยก็จะหายดีแล้ว”
“อื้อ”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’กล่าวพลางผงกศีรษะ สองแก้มของนางแดงซ่านโดยพลัน กล่าวว่า
“ฉันยังมีจ้ำเลือดที่อื่นอีก เธอจะนวดให้ฉันได้ไหม?”
“ที่อื่น?”
‘เนี่ยหลี’คิดในใจอยู่ชั่วครู่ ‘แน่นอนว่าต้องมีที่อื่นอีก จ้ำเลือดที่ขาอย่างเดียวคงไม่ทำให้นางนอนซมอยู่สองปี คงต้องมีจ้ำเลือดที่ใหญ่กว่านี้อีก’
“ที่ไหนหรือ?”
เขาถาม ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’พลันรู้สึกขัดแย้งในใจ
“หากเนี่ยหลีเพียงนวดคลึงที่ขา นั่นยังพอรับไหว แต่ถ้าเป็นที่นั่น….”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’กระวนกระวาย ใบหน้านางแดงซ่านด้วยความเขินอาย
“ถ้าไม่สะดวกก็…”
‘เนี่ยหลี’พูดเมื่อเห็นทีท่าของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ เขารู้ในพลันว่าจ้ำเลือดรอยนั้นคงอยู่ในที่หวงแหน
“เนี่ยหลี นายชอบเหย่จื่อหวินจริงๆหรือ?”
“ใช่”
‘เนี่ยหลี’พยักหน้า ความทรงจำทุกๆขณะในชาติก่อนไหลย้อนมา สถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่เขาฝ่าฟันมาด้วยกัน ดวงใจนั้นเติมเต็มไปด้วยความสุขเพียงนึกถึงมัน เมื่อถือกำเนิดใหม่ เขาย่อมต้องปกป้อง’เหย่จื่อหวิน’สุดกำลัง
ฟังคำของ’เนี่ยหลี’ ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ก็รู้สึกถึงความรู้สึกประหลาดในใจ ‘เนี่ยหลี’เป็นบุรุษคนแรกที่สามารถโยกคลอนใจนาง หาก’เนี่ยหลี’กลับไม่ได้ชมชอบนาง เขาชมชอบ’เหย่จื่อหวิน’ดวงตาของเด็กหญิงทอแววผิดหวัง นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนถามว่า
“เช่นนั้นเหย่จื่อหวินชมชอบนายหรือ?”
‘เหย่จื่อหวิน’ในขณะนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ’เนี่ยหลี’ ไม่ชิงชังรังเกียจนับเป็นโชคของเด็กชายแล้ว ‘เนี่ยหลี’ส่ายหน้า ยิ้มให้กับนางก่อนกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า
“นางต้องตกหลุมรักฉัน”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’หัวเราะ นึกในใจว่า ‘เช่นนั้น’เนี่ยหลี’คงเป็นคนรักเขาข้างเดียวแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาเอาความเชื่อมั่นเช่นนั้นมาจากที่ใด จึงมั่นใจหนักหนาว่า’เหย่จื่อหวิน’ต้องตกหลุมรักเขา’
ไม่ใช่ว่า’เซียวหนิงเอ๋อร์’คิดว่า’เนี่ยหลี’ไม่ควรค่ากับความรักของ’เหย่จื่อหวิน’ แต่ทั้งสองไม่มีทางเข้าใจกันได้ โอกาสที่จะได้อยู่ใกล้กันนั้นน้อยอย่างยิ่ง ‘เหย่จื่อหวิน’คนปัจจุบันยิ่งไม่รู้จัก’เนี่ยหลี’เลย นางย่อมไม่มีความรู้สึกใดต่อเขา แต่ถ้าวันใด’เหย่จื่อหวิน’ได้รู้จักเด็กชาย นางจากตกหลุมรักเขาเข้าจริงๆ
จวบจนบัดนี้ ยังไม่มีผู้ใดตระหนักถึงพรสวรรค์ของ’เนี่ยหลี’ แต่สักวันหนึ่ง ‘เนี่ยหลี’จะเปล่งประกายโชติช่วง เมื่อเวลานั้นมาถึง นางเกรงว่าแม้แต่คนที่ทะนงตัวเช่น’เหย่จื่อหวิน’ยังต้องยอมศิโรราบแก่’เนี่ยหลี’
ในสายตาของคนอื่น ‘เนี่ยหลี’เป็นแค่เด็กโง่เขลา แต่’เซียวหนิงเอ๋อร์’รู้ดีว่าพรสวรรค์ของ’เนี่ยหลี’นั้นสูงล้ำจินตนาการของผู้คนจะคาดคิด ‘เนี่ยหลี’จะบรรลุระดับชั้นตำนานเช่นท่านจ้าว’เหย่ม่อ’ได้แน่ๆ และอาจจะเหนือล้ำไปกว่านั้น กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเกินจินตนาการ
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ชะงักงันไปชั่วขณะ ‘ถ้าโรคนี้ไม่ได้รับการรักษา ฉันคงถูกทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆจากกลุ่มอัจฉริยะในรุ่น’ ด้วยคนที่ช่วยรักษานางคือ’เนี่ยหลี’ นั่นคงยอมรับได้ไม่ยากนัก เด็กหญิงกัดฟันพลางถอดกระดุมเสื้อ ‘เนี่ยหลี’อดเขินอายไม่ได้เมื่อได้เห็นท่าทีของนาง เด็กชายเอามือลูบจมูก กล่าวว่า
“นี่คงไม่ดีกระมัง ฉันเป็นเพียงคนธรรมดาหรอกนะ”
เด็กชายมอง’เซียวหนิงเอ๋อร์’ถอดเสื้อออกช้าๆ เรือนร่างที่ยากจะปฏิเสธพลันปรากฏแก่สายตา
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’จ้องมอง’เนี่ยหลี’เขม็ง คิดว่า ‘เขาจะคิดว่าฉันเป็นสตรีใจง่ายหรือไม่?’ หากไม่ใช่เพื่อการรักษาแล้ว นางไม่มีทางยอมปลดเสื้อออกเด็ดขาด ขณะปลดกระดุมออกช้าๆ สองมือของนางสั่นเทิ้ม ปรากฏชัดถึงความขัดแย้งในจิตใจ  ‘เนี่ยหลี’คิดอยู่ครู่หนึ่ง ‘ฉันรู้ว่านี่เป็นไปเพื่อการช่วยเหลือนาง ฉันไม่ควรคิดอกุศลเป็นอันขาด ฉันจะปล่อยให้ความหวังของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’พังทลายไปด้วยโรคภัยไม่ได้’
บรรยากาศโดยรอบปลุกเร้ายั่วยวนถึงขีดสุด กระดุมเม็ดแรก เม็ดที่สอง ผิวขาวเนียนไร้ไขมันส่วนเกินของนางปรากฏออกมาโดยพลัน ผิวขาวเรืองแสงอยู่ใต้แสงจันทร์ หลังกระดุมเม็ดที่ห้าหลุดออก ส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบของนางก็เปล่งประกายเจิดจ้า หน้าอกตูมตั้งพันไว้ด้วยผ้าแถบขาว ‘เนี่ยหลี’กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อได้เห็นฉากนี้ เด็กชายคิดย้อนไปชาติก่อน
แม้’เซียวหนิงเอ๋อร์’แต่งตัวมิดชิดอย่างยิ่ง หากเรื่อนร่างของนางนั้น แม้เพียงแรกเห็นก็ทำให้บุรุษแทบทุกรูปนามคลั่งไคล้อีกไม่นาน เมื่อเติบโตขึ้น ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’จะกลายเป็นสตรีที่งดงามและดึงดูดใจยิ่ง ภาพลักษณ์ที่เยือกเย็นและสูงศักดิ์ของนางทำให้นางกลายเป็นเป้าหมายที่ชายหลายคนหมายพิชิต
‘เนี่ยหลี’สงบใจลงครู่หนึ่ง ดวงตาของชายในร่างเด็กมองไปยังชายโครงของเด็กหญิง ที่บริเวณนั้นมีจ้ำเลือดที่เมื่อเห็นแล้วให้ตกใจ ขนาดแม้เพียงนิ้วโป้ง แต่วางตัวฝังลงไปลึกยิ่ง หัวใจของเขารู้สึกสงสาร’เซียวหนิงเอ๋อร์’ ‘เด็กหญิงที่น่าสงสาร นางทนความเจ็บปวดเช่นนี้ได้อย่างไร?’ เด็กชายถามตัวเอง
‘เนี่ยหลี’วางมือบนจ้ำเลือดและคลึงเบาๆ ผิวของนางเย็นเหมือนน้ำแข็ง เรือนร่างที่สมส่วน ผิวกายที่เนียนนุ่มจนเพียงสัมผัส เด็กชายก็ใจสั่นสะท้าน เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ นางอับอายจนหน้าแดงจนเสมือนเป็นนางงามเมามายนางหนึ่ง กอปรเป็นความงามที่ยากอธิบาย
มองจากมุมนี้ เด็กชายเพ่งพิจไหล่ขาวเนียนดุจหยกของนาง และได้กลิ่นกายสาวโชยมาจางๆทั้งสองเงียบงันไม่กล่าววาจา ป่านั้นก็เงียบงันเฉกเช่นกัน ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของ’เนี่ยหลี’ ตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่มีชายต้องแตะเรือนร่างของนาง
ขณะนี้เสื้อของนางถอดออกอยู่ครึ่งหนึ่ง เผยผิวเปลือยเปล่าบริเวณกว้าง แม้นางเป็นเด็กหญิงที่เข้มแข็ง หากในคืนเงียบงัน ใจนางกลับอ้างว้างยิ่ง เมื่อความเจ็บปวดที่ยากทนทานปรากฏในร่างของนาง นางเพียงหวังให้มีที่พึ่งพิงสักน้อย หากในครอบครัวนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือพี่ชายเองก็ไม่อาจให้นางพึ่งพิงได้ นางจึงเห็นว่าขณะนี้’เนี่ยหลี’เป็นที่พึ่งพาเดียวของนาง
ส่วนสงวนของนางปรากฏแก่เด็กชาย หากเมื่อนางมองไปยังเด็กชายจึงได้ตระหนักว่า’เนี่ยหลี’นั้นตั้งใจนวดคลึงจ้ำเลือดของนางอย่างยิ่ง ความจริงจังนี้ทำให้นางรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็รู้สึกเหมือนนางพลาดสิ่งใดไป
เมื่อนิ้วของ’เนี่ยหลี’สัมผัสกับจ้ำเลือดของนาง เด็กชายสัมผัสแขนขาวเนียนท่อนนั้นเป็นระยะๆ ความรู้สึกนั้นทำให้เด็กชายเสียสมาธิไปชั่ววูบ หากกลับมาได้เมื่อนึกถึงค่ำคืนอันพึงระลึกของเขากับ’เหย่จื่อหวิน’
‘เหย่จื่อหวิน’ครั้งกระนั้นเติบโตมากกว่า’เซียวหนิงเอ๋อร์’ในตอนนี้ หากขณะนี้เด็กหญิงนั้นยังเยาว์ เมื่อนางเติบใหญ่ นางคงไม่แตกต่างกับ’เหย่จื่อหวิน’นัก ภาพลักษณ์อันงดงามของ’เหย่จื่อหวิน’ปรากฏในห้วงความคิดของเด็กชายเป็นระยะ เขาย่อมจดจำได้ว่านางสละชีพเพื่อปกป้องเขา ดังนั้นเมื่อเกิดใหม่ ‘เนี่ยหลี’ไม่อาจปล่อยให้นางเสียใจอีก คิดได้ดังนั้น’เนี่ยหลี’ก็สงบลง
ขณะที่’เนี่ยหลี’นวดเรือนร่างของนาง เขาก็กดไปบนจุดสะท้อนสำคัญตามร่างกาย ด้วยเรือนร่างสมส่วนของเด็กหญิง เนี่ยหลีจำเป็นต้องนวดจุดสัมผัสที่อ่อนไหวอยู่หลายครั้ง จุดเหล่านั้นให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม ทำให้’เนี่ยหลี’รู้สึกอายอยู่เล็กน้อย
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’รู้สึกถึงคลื่นความร้อนของ’เนี่ยหลี’เมื่อฝ่ามือนั้นลูบไล้ไปตามแนวชายโครง ทำให้นางรู้สึกถึงความชาระยิบระยับ มือของ’เนี่ยหลี’สัมผัสผ่านปลายยอดเขาทั้งสองที่ไม่เคยมีชายใดบุกเบิกมาก่อนเป้นระยะ ยิ่งทำให้แก้มของนางแดงซ่านยิ่งขึ้น ใบหน้าแดงงามนั้นยิ่งเพิ่มความน่าหลงใหลจนถึงขีดสุด เสน่ห์ของนางทำให้บุรุษนั้นไม่อาจทำอย่างไรได้นอกจากโอบนางเข้ามาในอ้อมกอด นี่คือการทดสอบที่ยากเข็ญยิ่ง ในที่สุดเมื่อผ่านเวลาอย่างยาวนานดุจกัปกัลป์ ‘เนี่ยหลี’ก็ถอนหายใจออกมา ยิ้มพลางกล่าวว่า
“สำเร็จ”
เมื่อ’เนี่ยหลี’ถอนมือออก เด็กหญิงพลันรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่าง นางยอมรับโดยดุษฏีว่าทักษะการนวดของ’เนี่ยหลี’นั้นไร้เทียมทาน ความเจ็บปวดที่เฆี่ยนตีนางมายาวนานบรรเทาลงในที่สุด
“ขอบคุณ”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’กระซิบพลางสวมเสื้อดังเดิม เมื่อเห็นว่าแขนขาวผิวกายเนียนนั้นเลือนไปจากคลองจักษุ อารมณ์ที่สับสนของ’เนี่ยหลี’ก็สงบลง  ‘เนี่ยหลี’ทำหน้านิ่ง กล่าวว่า
“พักผ่อนให้มากสักหลายวัน อาการปวดจะดีขึ้น ฉันจะช่วยเธอนวดทุกๆสามวัน อีกไม่กี่ครั้งรากของโรคนี้ก็จะถูกถอน ก่อนจะบรรลุชั้นสำริด อย่าเพาะสร้างพลังในยามค่ำคืนอีก ดึงดูดแสงจันทร์ไปปริมาณมากแล้ว หากเธอปรับตัวไม่ได้ มันจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงใหญ่หลวง”
“อื้ม”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’พยักหน้า เด็กหญิงไม่กล้าฝึกฝนอีกแล้ว หากไม่มีเนี่ยหลี นางจินตนาการได้ว่าในอนาคตจะยากลำบากเพียงใด ความพยายามทั้งสิ้นทั้งปวงจะกลายเป็นสูญเปล่าในทันที
เมื่อ’เนี่ยหลี’เห็นว่า’เซียวหนิงเอ๋อร์’ไม่มีเรื่องอื่นใดแล้ว เด็กชายลุกขึ้นยืนกล่าวว่า
“ควรแก่เวลาแล้ว”
“โอ๊ะ”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ไม่อาจอธิบายความรู้สึกของนางได้ เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเงียบงันก่อนกล่าว
“เนี่ยหลี นายช่วยฉันไว้ ถ้าต่อไปนายอยากให้ฉันช่วยอะไร ฉันจะช่วยนายสุดกำลัง”
เห็น’เซียวหนิงเอ๋อร์’จริงจังแบบนี้ ‘เนี่ยหลี’ยิ้มแล้วพยักหน้า
“ได้เลย ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ ฉันจะไปหาเธอเป็นคนแรก”
ความเป็นจริงก็คือ ‘เนี่ยหลี’ต้องการให้’เซียวหนิงเอ๋อร์’หลุดพ้นจากความรู้สึกต้อยต่ำในใจเท่านั้น เด็กชายไม่ได้หวังอะไรตอบแทนแม้แต่น้อย ‘เนี่ยหลี’หมุนกายเดินจากไป เงาร่างเลือนหายไปในป่ากล้าง ‘เซียงหนิงเอ๋อร์’จับจ้องเงาร่างที่จากไปของ’เนี่ยหลี’ นางยืนอยู่ที่เดิมครู่ใหญ่ รู้สึกได้ว่าความเจ็บป่วยเหล่านั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์ของนางก็ดีขึ้น
“เนี่ยหลี นายเป็นคนอย่างไรกันแน่?”
เด็กหญิงพึมพำ มองเงาหลังของ’เนี่ยหลี’จนไม่อาจมองเห็นได้อีก นางหมุนตัวกลับ เดินไปยังทางออกจากสนามฝึกฝน  จันทราคืนนั้นเช่นเงาน้ำ แสงจันทร์สาดส่อง แผ่กระจายประหนึ่งม่านปกคลุมทั่วค่ำคืน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น