วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตอนที่ 16 : ทักษะมาร

ตอนที่ 16 : ทักษะมาร

                เหย่จื่อหวินดึงม้วนอาคมสองม้วนออกจากแหวนมิติ
                เหล่าผู้เข้มแข็งมักบันทึกทักษะยุทธ์ของตนไว้ในลวดลายอาคม จารลงในม้วนอาคม เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ พวกมันสามารถประจุพลังลงในม้วนอาคมเพื่อปลดปล่อยทักษะยุทธ์อันร้ายกาจได้รวดเร็วกว่าการใช้ทักษะด้วยตนเอง แต่ปัญหาคือม้วนอาคมนั้นมีราคาสูงยิ่ง ม้วนอาคมเปล่าธรรมดาก็มีราคาหลายร้อยเหรียญจิตมารแล้ว ม้วนอาคมระดับสำริดมีราคาหลายพันเหรียญ ขณะที่ม้วนอาคมเงินขาวอาจมีราคาหลักหมื่น มิพักต้องเอ่ยถึงระดับทองคำที่ราคายากจะประเมินประมาณได้
                ม้วนอาคมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่คนธรรมดามิกล้าวาดหวังถึง
                “ม้วนอาคมสองม้วนนี้จารลายอาคมสายลมหิมะไว้” นิ้วมือขาวซีดของเหย่จื่อหวินเปิดม้วนคาถาระดับสำริดช้าๆ “ข้าคิดว่าม้วนคาถาทั้งสองนี้มีที่ผิดพลาดขณะจารคาถา เมื่อข้าพยายามประจุพลังลงในลายอาคมจึงไม่อาจสำแดงพลังได้ แต่ข้ายังไม่รู้ว่าต้นตอของปัญหาอยู่ที่ไหน?”
                เนี่ยหลีกวาดสายตามองม้วนคาถาทั้งสอง แน่นอนว่ามันพบปัญหาแล้ว
                เนี่ยหลีใช้เวลาในชาติก่อนอยู่ในห้วงมิติของหนังสือภูติห้วงกาลลี้ลับ ความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับลายอาคมคาถาของเนี่ยหลีนั้นบรรลุถึงจุดสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นม้วนคาถาธาตุใด สำหรับมันแล้วล้วนง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ การชี้จุดผิดพลาดของม้วนคาถาระดับสำริดนั้นไม่ได้สร้างความยากลำบากแก่มันแม้แต่น้อย
                “แม้คณาจารย์ไม่อาจบ่งชี้ต้นตอของปัญหาในม้วนคาถาทั้งสองได้ ท่านไม่ได้ถามบิดาของท่านหรือ?” เนี่ยหลีถามพลางมองหน้าเหย่จื่อหวิน
                ในดวงตาสีม่วงนั้นทอประกายแห่งความเสียใจออกวูบหนึ่ง
                เนี่ยหลีนึกรู้โดยพลัน เหย่จื่อหวินเองไม่มีมารดาตั้งแต่แรกคลอด ส่วนบิดาของนางคือจ้าวนครคนปัจจุบันผู้ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุน ปู่ของนางคือจอมภูติในตำนานผู้จำต้องนำเหล่าบริวารบุกเบิกเทือกเขาบูรพชน ชิงกำจัดสิ่งคุกคามต่อนคร ดังนั้นเหย่จื่อหวินจึงไม่เหลือใครให้ถามไถ่อีก
                คิดได้ดังนั้น เนี่ยหลีสงสารเหย่จื่อหวินยิ่ง กล่าวว่า “ต่อไปหากมีปัญหาใด ท่านก็มาพบข้าที่นี่เวลานี้เถอะ!”
                กล่าวจบ เนี่ยหลีก็หันมองม้วนอาคมทั้งสองก่อนชี้ไปยังม้วนอาคมใบแรก กล่าวว่า “ม้วนอาคมนี้คืออาคมสายลมหิมะ <<ลมหิมะดังมีดดาบ>> (เฟิงเสวียหรูเตา) ลายอาคมไม่มีอันใดผิดพลาด ปัญหาคือตัวม้วนคาถา”
                “ม้วนคาถา?” เหย่จื่อหวินตื่นตะลึง
                “ถูกต้อง นี่เป็นม้วนคาถาปลอมที่จัดทำโดยยอดฝีมือด้านนี้ หากผู้ซื้อไม่มีสายตาคมกล้าพอ ม้วนคาถานี้นับว่าแนบเนียนยิ่ง” เนี่ยหลีกล่าวกลั้วหัวเราะ “ลมหิมะดั่งมีดดาบ อาคมนี้เดิมต้องใช้โลหิตของหนอนวิญญาณลมหิมะ(ฟงเสวียหลิงฉง) เลือดของมันมีสีเทาเงิน หาใช่สีแดงเงินประกายเช่นนี้ไม่ ข้าคิดว่าม้วนคาถานี้ใช้โลหิตของตัวอ่อนหนอนวิญญาณลมหิมะเสียมากกว่า เลือดของตัวอ่อนนั้นไม่มีพลังมากพอ นั่นทำให้ << ลมหิมะดังมีดดาบ>> ม้วนนี้ไม่อาจใช้งานได้”
                หนอนวิญญาณลมหิมะมีโลหิตสีเทาเงินเมื่อเป็นตัวเต็มวัย ขณะที่ตัวอ่อนมีเลือดสีแดงเจือเงินประกาน เหย่จื่อหวินไม่คิดมาก่อนว่าปัญหาเกิดจากสิ่งนี้เอง นางนำม้วนอาคมนี้สอบถามคณาจารย์ทั้งสำนัก แม้แต่รองเจ้าสำนักเอง แต่ไม่มีผู้ใดเลยทราบว่าคำตอบของปัญหานี้อยู่ที่ใด เนื่องจากลายเส้นอาคมนี้ถูกต้องทุกประการ
                ความสงสัยนี้ซ่อนอยู่ในใจของนางมาเป็นเวลานาน จวบกระทั่งวันนี้เองที่ความลี้ลับนี้ถูกไขออก
                นั่นหมายความว่านางผิดพลาดแล้ว ลายอาคมไม่มีปัญหา นางจะหาตำหนิจากสิ่งดีพร้อมได้อย่างไร?
                ปัญหาเช่นนี้ เนี่ยหลีกลับบอกได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว คนผู้หนึ่งต้องกอปรด้วยความรู้ลึกล้ำเพียงใดจึงบรรลุถึงระดับนี้? นี่หมายความว่าองค์ความรู้ของคณาจารย์และรองเจ้าสำนักด้อยกว่าคนแซ่เนี่ยผู้นี้หรือ?
                เหย่จื่อหวินยอมรับเนี่ยหลีจากก้นบึ้งของหัวใจ นางลดทีท่าระแวดระวังลง “เมื่อมีความรู้ในระดับนี้ นิสัยของมันคงไม่ย่ำแย่นักหรอกกระมัง?”
                “เช่นนั้นม้วนนี้เล่า?” เหย่จื่อหวินชี้นิ้วไปยังม้วนคาถาม้วนที่สอง ขณะชี้ นางเหลือบมองเนี่ยหลีอีกครั้ง เด็กชายสูงกว่านางเล็กน้อย ใบหน้าคมสัน คิ้วเรียว ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า มันพอจะมีดีที่หน้าตาอยู่บ้าง
                ก่อนนี้ เนี่ยหลีแทบไร้ตัวตนในชั้นเรียน กระทั่งวันนี้เองที่เหย่จื่อหวินพอจะมองเห็นธาตุแท้ของมันอยู่บ้าง ในใจนางเห็นว่าเด็กผู้นี้ควรค่าแก่การคบหาอยู่
                “ลายอาคมนี้คืออาคม <<ลมหนาวหิมะพลัน>> (หลิ่นเฟิงโจ่วเสวีย) ลมหนาวหิมะพลันแต่เดิมเป็นอาคมชั้นเงินขาว แต่เมื่อผ่านพ้นยุคมืดมา อาคมนี้ไม่ได้รับการสืบทอดอย่างครบถ้วน ดังนั้นผู้คนพยายามทำการแก้ไข และทำให้อาคมนี้ลดระดับเหลือเพียงชั้นสำริด” เนี่ยหลีกล่าว
                เหย่จื่อหวินงงงวย นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามีเรื่องราวเช่นนี้ เป็นตำราเล่มไหนที่บันทึกไว้? ใยนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน?
                เนี่ยหลีกล่าวต่อว่า “นอกจากจะลดระดับของอาคมเหลือเพียงสำริดแล้ว การแก้ไขลมหนาวหิมะพลันนี้ยังทำให้เกิดปัญหาในเชิงโครงสร้าง นั่นทำให้อาคมนี้เกิดอาการด้านอยู่บ่อยครั้ง แก้ไขเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถใช้งานได้ดังเดิม”
                “แก้ไขโครงสร้าง? ท่านทำได้อย่างไร?” ดวงตาของเหย่จื่อหวินเต็มไปด้วยความสงสัยใจ แม้แต่ท่านปู่ของนางเองยังไม่บังอาจยุ่งวุ่นวายกับโครงสร้างของคาถา อาคมบทหนึ่งเมื่อผ่านการสืบทอดจากโบราณกาล ย่อมต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้ว แม้ว่าท่านปู่ของนางจะเป็นจอมภูติชั้นตำนานผู้สามารถรังสรรค์อาคมของตนได้ การแก้ไขอาคมที่มีมายังคงเป็นสิ่งยากลำบากยิ่ง”
                “มีพู่กันหรือไม่?” เนี่ยหลีถามเหย่จื่อหวิน
                เหย่จื่อหวินขยับมือขวา เสกพู่กันเขาเงินออกจากแหวนมิติ พู่กันนี้ทำจากเขาของแพะมีเขาเอง
                ขณะเนี่ยหลีเอื้อมไปรับพู่กันจากมือของนาง ปลายนิ้วของเด็กชายกระทบถูกฝ่ามือของนางโดยบังเอิญ การสัมผัสแผ่วเบานี้ทำให้หัวใจนางเต้นระรัว
                เหย่จื่อหวินดึงมือกลับโดยพลัน เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ตื่นตระหนกจ้องมองเนี่ยหลี นางเห็นว่าเนี่ยหลีฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ แต่ที่นางพบคือเนี่ยหลีนั้นถือพู่กันด้วยท่าที่จริงจัง
                นางอาจคิดมากไปเอง แต่การสัมผัสเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาด
                เนี่ยหลีตวัดวาดลายเส้นบนกระดาษ ลวดลายอาคมที่ดูสมบูรณ์ยิ่งกว่าลมหนาวหิมะพลันฉบับเดิมก็ปรากฏขึ้น ลายเส้นนั้นลงน้ำหนักอย่างสมบูรณ์แบบ ประหนึ่งภาพพิมพ์
                เนี่ยหลีจัดการวาดอาคมที่ซับซ้อนด้วยลายเส้นที่ดูสับสนไม่กี่ลาย ความสามารถที่ตื่นตะลึงเช่นนี้สะท้อนใจนางยิ่ง ลมหนาวหิมะพลันฉบับแก้ไขดูซับซ้อนและเข้าใจยากยิ่งกว่าเดิม เหย่จื่อหวินมองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
                “นี่คืออาคมลมหนาวหิมะพลันฉบับสมบูรณ์” เนี่ยหลีกล่าวพลางมองเหย่จื่อหวิน “นี่เป็นคาถาระดับเงินขาว”
                เหย่จื่อหวินเพ่งมองม้วนอาคมลมหนาวหิมะพลัน สองคิ้วขมวดมุ่น ลมหนาวหิมะพลันฉบับดัดแปลงโดยเนี่ยหลีดูซับซ้อนขึ้นเป็นเท่าตัว ตัวนางขณะนี้บอกไม่ได้ว่าลายอาคมนี้ทรงอำนาจเพียงไหน หากไม่มีผู้สร้างมันออกมาเป็นม้วนอาคม
                นางไม่เคยเห็นลายอาคมเช่นนี้มาก่อน
                “ลายอาคมนี้ประกอบด้วยสามสิบหกรูปแบบพื้นฐาน” เนี่ยหลีอธิบาย “นี่คือลักษณะที่เสถียรที่สุด ก่อนหน้านี้ยังขาดความเสถียรอยู่บ้าง”
                เหย่จื่อหวินอุทานดังอา นางไม่ป้อนคำถามต่อ เพียงซุกเก็บม้วนคาถาทีถูกแก้ไขโดยเนี่ยหลีไว้ เตรียมมอบให้ผู้คนจัดสร้างขึ้นเป็นม้วนคาถาเพื่อทดสอบว่าเป็นเช่นที่เนี่ยหลีกล่าวจริงหรือไม่
                เหย่จื่อหวินสอบถามเพิ่มเติมในปัญหาเกี่ยวกับลายอาคมสายลมหิมะ รวมไปถึงวิธีการสั่งสมพลัง คำตอบของเนี่ยหลีนั้นสงบและลื่นไหล ภายใต้การชี้แนะของมัน เหย่จื่อหวินคลายความสงสัยในตัวของเนี่ยหลี ยอมรับมันยิ่งกว่าเดิม ต้องใช้เวลาทุ่มเทลงไปเพียงไหนจึงจะมีความรู้ลึกล้ำเช่นนี้?
                “ขอบคุณที่สหายร่วมชั้นแซ่เนี่ยช่วยเหลือ อย่าลืมสัญญาวันพรุ่งนี้ ไม่พบไม่เลิกรา” เหย่จื่อหวินยิ้มให้มันด้วยรอยยิ้มประหนึ่งมุกกลมเม็ดงาม
                รอยยิ้มสดใสเช่นนี้เองกระชากขวัญของเนี่ยหลีชั่วครู่ เหย่จื่อหวินโบกมืออำลา ภาพนางจากเบื้องหลังนั้นช่างเย้ายวนและสง่างาม
                เนี่ยหลีอารมณ์ดีขึ้นกะทันหัน มันพึงพอใจที่ได้สนทนากับเหย่จื่อหวินยิ่ง
                ขณะที่เนี่ยหลีกำลังจะเดินออกไปนั้นเอง มือเล็กๆข้างหนึ่งพลันกระชากคอเสื้อของมัน
                “เจ้า” เนี่ยหลีกวาดสายตามอง ท่าทีเคร่งเครียดลง เจ้าของมือนั้นคือเสิ่นเยว่เอง
                มือขวาของเสิ่นเยว่จับคอเสื้อของเนี่ยหลีไว้ มันถลึงตามองเนี่ยหลีอย่างดุดัน “เหย่จื่อหวินพูดอะไรกับเจ้า?”
                “ปล่อยมือ หาไม่เราจะได้เห็นดีกัน” เนี่ยหลีตอบเสียงเย็น
                “เฮอะๆ เห็นดี? ข้า? เนี่ยหลี เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? คิดว่าตัวเจ้าสูงส่งเพียงเพราะรู้อาคมเพียงนิดหน่อยหรือ? เจ้ามันเป็นตัวต่ำต้อย! ไอ้ลูกหมาบัดซบ! ถอยห่างจากเหย่จื่อหวินเสีย หาไม่เจ้าจะพบว่าคำมีชีวิตอยู่มิสู้ตายเป็นอย่างไร!” เสิ่นเยว่ข่มขู่
                ตู้เจ๋อ ลู่เปียวและพวกทั้งสามเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้ามา ขณะเดียวกันสมุนหกเจ็ดคนของเสิ่นเยว่ก็ตั้งท่า สายตาจ้องมองพวกตู้เจ๋ออย่างดุดัน จิตคุกคามเปล่งออกไม่ปิดบัง
                นักเรียนในหอสมุดคนอื่นๆเห็นเช่นนี้ก็เริ่มถอยห่าง เกรงจะโดนลูกหลงไปด้วย
                “เกิดอะไรขึ้น?”
                “ฟังว่าเสิ่นเยว่กับเนี่ยหลีทะเลาะกันเรื่องเทพธิดาแซ่เหย่ พวกมันกำลังจะตีกันแล้ว”
                “เนี่ยหลีเป็นใครถึงกล้าท้าทายเสิ่นเยว่จากสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์!”
                “เนี่ยหลีเสียสติแล้ว ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เสิ่นเยว่กำลังจะบรรลุสำริดหนึ่งดารา เนี่ยหลีจะทำอะไรมันได้?”
                ในสายตาของเสิ่นเยว่ ด้วยความแข็งแกร่งของมัน รับมือกับเนี่ยหลีเป็นเรื่องง่ายราวพลิกฝ่ามือ ด้วยกำลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนก็เพียงพอจะสะกดเนี่ยหลีลงแล้ว
                เนี่ยหลีมองเสิ่นเยว่ผู้ผยองด้วยสายตาเหยียดหยัน ในสายตาของมัน เสิ่นเยว่เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง มันไม่เป็นว่าเสิ่นเยว่เป็นสิ่งคุกคามแม้แต่น้อย “แม้แต่ตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ายังได้แต่เล่นสนุกกับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”
                แม้ว่าในเชิงของความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังวิญญาณนั้น เนี่ยหลีด้อยกว่าเสิ่นเยว่ช่วงใหญ่ อย่างไรเสียเสิ่นเยว่เพิ่งจะได้ฝึกฝนพลังเทพวิถีฟ้าเพียงสองวันเท่านั้นเอง หากแต่ในสายตาของเนี่ยหลี วิธีใช้พลังของเสิ่นเยว่นั้นไร้ความแยบคายโดยสิ้นเชิง ประหนึ่งมนุษย์ถ้ำตนหนึ่ง”
                “แม้ข้าจะมีความแข็งแกร่งแค่สามสิบแปดจุด พลังวิญญาณเพียงสามสิบสอง แต่ให้จัดการเจ้าจนหมอบนั้นเหลือเฟือนัก”
                “เจ้าคิดว่ามีสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังแล้วสามารถกระทำตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? ถือครองเวิ้งวิญญาณเขียวแล้วนับเป็นอัจฉริยะหรือ? เจ้ายังอ่อนเชิงนัก!” เนี่ยหลีคว้าข้อมือของเสิ่นเยว่ กดนิ้วกลางลงไปบนข้อมือ ส่งแรงออกจากนิ้วกลางไปยังข้อมือเพื่อคลายการจับของเสิ่นเยว่ช้าๆ
                เสิ่นเยว่ตื่นตะลึงเมื่อพบว่าเนี่ยหลีคว้าข้อมือของมันไว้ แขนทั้งข้างพลันรู้สึกชาด้าน ทั้งไร้เรี่ยวแรง ไม่ว่าจะพยายามใช้พลังเพียงใด มือของมันยังมิอาจต้านแรงของเนี่ยหลีได้
                มือของเนี่ยหลีทรงพลังประหนึ่งคีมเหล็ก บีบรัดลงไปบนมือของเสิ่นเยว่ ความเจ็บปวดสุดทนทานที่เกิดขึ้นทำให้ใบหน้าของเสิ่นเยว่บิดเบี้ยว
                “มันทำได้อย่างไร? ความแข็งแกร่งของข้าเหนือกว่ามันอย่างเห็นได้ชัด ไยข้ามิอาจต่อต้าน?”
                ในความเห็นของเสิ่นเยว่ เนี่ยหลีเป็นเพียงมดปลวกชนชั้นต่ำตัวหนึ่ง ไร้เวิ้งวิญญาณระดับสูง ทั้งอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงถือมีดฆ่าไก่ ในขณะที่มันเป็นถึงอัจฉริยะผู้ถือครองเวิ้งวิญญาณเขียว ทั้งได้รับการบำเพ็ญเพียรควบคู่กับยาวิเศษแต่วัยเยาว์ พลังของมันควรจะเหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นในทุกด้าน
                แต่ในการประมือเพียงชั่วครู่ มันกลับไม่อาจล้มเนี่ยหลีลงได้
                ตัวบัดซบผู้นี้ใช้ทักษะภูตผีอันใดกัน?!
                เนี่ยหลีแค่นเสียงเบาๆ แม้พลังของมันไม่อาจเพิ่มขึ้นกว่านี้ได้อีก ทักษะควบคุมพลังของเนี่ยหลีย่อมเหนือกว่าเสิ่นเยว่อย่างชัดแจ้ง เด็กชายใช้ปลายนิ้วส่งพลังลงบนจุดชีพจรที่ข้อมือของเสิ่นเยว่ ทำให้แขนของเด็กชายนั้นไร้เรี่ยวแรงลงโดนพลัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น