วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทที่10 คัมภีร์อสนีบาต



บทที่10 คัมภีร์อสนีบาต


เมื่อเห็นว่าอาหารเช้าน่าอร่อยถูก’เนี่ยหลี’และพวกทั้งสามเก็บกวาดจนเกลี้ยง เด็กทั้งหลายก็รู้สึกเหมือนใจแหลกสลาย ร่ำร้องต่อฟ้าว่าเหตุใดพวกมันจึงไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นบ้าง                 ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’เองก็รับประทานขนมไปพอประมาณ เพียงได้เห็นนางรับประทานอย่างสบายอารมณ์ก็ถือเป็นฉากที่ปลอบประโลมใจอย่างหนึ่ง
เมื่อพูดคุยกับ’เนี่ยหลี’ระยะหนึ่ง ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ก็กลับไปยังที่นั่งของตน ‘ลู่เปียว’ตบบ่าเด็กชาย กระพริบตาก่อนถามว่า
“เจ้าไปสร้างสัมพันธ์กับนางตอนไหน? สารภาพมาเสียเจ้าโจรร้าย”
‘เนี่ยหลี’ส่ายหน้า กล่าวว่า
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“บัดซบ เชื่อก็โง่แล้ว”
‘ตู้เจ๋อ’กับ’ลู่เปียว’ต่างมอง’เนี่ยหลี’ด้วยสายตาเหยียดหยัน
“เพื่อนธรรมดาที่ไหนเขาทำอาหารเช้าให้เจ้ากัน?”
‘ตู้เจ๋อ’ถาม
ทั้งสองไม่เชื่อ’เนี่ยหลี’ไม่ว่าเด็กชายจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ตาม เด็กจากสกุลสูงหลายคนมองไปยัง’เนี่ยหลี’ ใบหน้าของพวกมันแสดงความประสงค์ร้ายอย่างเต็มเปี่ยม ‘เนี่ยหลี’ฉกนางฟ้าไปครองได้หนึ่งนาง จะให้พวกมันนิ่งเฉยได้อย่างไร
“นางเพียงต้องการให้ข้าช่วยเหลือ”
‘เนี่ยหลี’ตอบ
‘’เนี่ยหลี’ ไอ้ตัวเลวร้ายนี่ช่างปากแข็ง’ ‘ตู้เจ๋อ’คิด
ไม่ว่าทั้งสองจะพยายามง้างปาก’เนี่ยหลี’อย่างไร เด็กชายก็ไม่ยอมบอกอะไรออกมาสักอย่าง พวกมันทั้งสองได้แต่ยอมแพ้ไปเอง หากแต่สัญญาว่าพวกมันจะสืบเสาะความสัมพันธ์ของทั้งสองให้ได้ เมื่อระฆังเริ่มชั้นเรียนดังขึ้น เสิ่นซิ่วก็สะบัดก้นเดินเข้ามาในห้องเรียง หากที่ต่างกับทุกครั้งคือรอยยิ้มบนใบหน้านางแย้มเสมือนดอกเบญจมาศ
“พวกเธอสามคนกลับมานั่งที่!”
‘เสิ่นซิ่ว’กล่าวพลางกวาดตามองไปยังพวก’เนี่ยหลี’ทั้งสาม วันนี้มีบุคคลสำคัญมาชมชั้นเรียน นางย่อมไม่บังอาจกลั่นแกล้งเด็กทั้งสาม
“วันนี้ฉันจะสอนเรื่องรูปแบบของลายอาคม ไม่ว่าจะเป็นนักรบหรือผู้ใช้ภูติ ลายอาคมก็ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เราสามารถแบ่งลายอาคมออกเป็นสองแบบ คือลายอาคมเสริมพลัง และลายอาคมศึก ลายอาคมเสริมพลังนั้นใช้วาดลงบนอาวุธยุทธภัณฑ์ซึ่งจะทำให้พลังในการรบของพวกมันเพิ่มขึ้นมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อใช้โดยผู้ใช้ภูติ ลายอาคมนั้นจะสามารถเปล่งพลังออกมาได้มหาศาล ส่วนลายอาคมศึกนั้นใช้วาดลงในม้วนหนัง เมื่อใช้งานพวกมันก็จะสามารถเปล่งพลังออกมาได้!”
นี่นับเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกเมื่อ’เสิ่นซิ่ว’นั้นสามารถสอนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้
“ลายอาคมนั้นลึกล้ำและลี้ลับสุดหยั่ง พวกมันปรากฏตั้งแต่ยุคอาณาจักรลมหิมะและถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่องๆ เพียงแต่ในยุคมืดนั้น ทวีปหลักถูกจู่โจมโดยเหล่าสัตว์ภูติอย่างต่อเนื่อง นครเรืองโรจน์เรารับสืบทอดลายอาคมมาเพียงน้อยนิดจากสามประเภท นั่นคือลายอาคมลมหิมะ(เฟิงเซวะ) เพลิงวิเศษ(เสิ้งฮว่อ) คมประยุทธ์(จ้านเฟิง) ซึ่งเป็นธาตุลมหิมะ ไฟ และไร้ธาตุ”
“วันนี้เราจะได้เรียนอาคมเสริมพลัง”
‘เสิ่นซิ่ว’กล่าวอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงของนางนั้นอ่อนช้อยเมื่อเทียบกับปกติ นอกห้องเรียน ชายชราสามคนนั่งฟังการสอนด้วยกัน
“องค์ความรู้ของคนในตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์ช่างลึกล้ำ ให้นางสอนเด็กเหล่านี้นับว่าเกินพอ”
ผู้เฒ่าท่านหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาคือ’เหย่เสิ้ง’ รองเจ้าสำนักของสถานศึกษาเอง
“เด็กในชั้นหลายคนยังมีความสามารถ ทั้งเหย่จื่อหวิน เสิ่นเยว่ หรือแม้แต่เซียวหนิงเอ๋อร์”
ชายชราอีกคนหนึ่งว่าด้วยความปลาบปลื้มใจ เขาคือปราชญ์ในสถานศึกษานามว่า’ลู่เหย่’  ชายชราอีกคนนั่งอยู่ข้าง’เหย่เสิ้ง’ เขาอยู่ในชุดคุมสีเทา แม้นั่งอยู่เฉยๆ ท่วงท่าของเขาก็เปล่งรัศมีที่สูงส่งออกมา ทำให้ลู่เหย่ระมัดระวังคำพูด เขาไม่กล้าทำอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย
“เป็นอย่างไรบ้างท่าน”
‘เหย่เซิง’ถามพลางมองไปยังผู้เฒ่าในชุดคลุมสีเทา
“อืม”
ผู้เฒ่านั้นตอบผ่าน   ‘ลู่เหย่’พูดในใจ ‘ชายชราชุดเทาผู้นี้คือผู้ใดกัน มันสามารถทำตัวเทียบเท่ารองเจ้าสำนักเหย่ได้ ความเป็นมาคงไม่ต้อยต่ำ ข้าเกรงว่าศักดิ์ฐานะนั้นคงเหนือกว่าเจ้าสำนักด้วยซ้ำ’ คิดได้ดังนี้ ‘ลู่เหย่’ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
นักเรียนในชั้นเรียนไม่รู้เลยว่ามีผู้เฝ้ามองอยู่นอกห้องจึงเห็นว่าการที่เสิ่นซิ่วสอนเป็นเรื่องเป็นราวนั้นประหลาดยิ่ง ทุกคนตั้งใจเรียนในควัน ‘เสิ่นซิ่ว’แอ่นอกขึ้นเล็กน้อย เชิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจกล่าวว่า
“วันนี้ฉันจะกล่าวถึงลายอาคมเพลิงวิเศษ ในด้านการศึกษาลายอาคมประเภทนี้ ตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์เราเป็นที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย”
“อาคมเพลิงวิเศษมีทั้งหมดหกสิบหกลวดลายพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่นลวดลายนี้….”
‘เสิ่นซิ่ว’ขีดวาดตราอันประกอบด้วยลายเส้นมากมายลงบนกระดานดำ
“นี่คืออาคมระเบิดเพลิงสีชาด (ชี่เอี้ยนเหยียนเป้า) อาคมนี้สร้างขึ้นโดยรุ่นแรกของบ้านสกุลเสิ่น นี่คือลวดลายที่แกร่งที่สุดในระดับสำริด ลวดลายนี้ประกอบด้วยสามสิบหกรูปแบบพื้นฐานรวมกัน นี่ยังเป็นอาคมระดับสำริดที่ซับซ้อนที่สุด ดังนั้นต่อไปเราจะกล่าวถึงอาคมพื้นฐานทั้งสามสิบหก”
‘เสิ่นซิ้ว’พูดไม่หยุดพัก
นักเรียนส่วนใหญ่ในห้องล้วนให้ความสนใจอย่างยิ่ง แต่’เนี่ยหลี’กลับเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้สนใจรูปแบบพื้นฐานทั้งหลายแม้แต่น้อย นอกจากนี้รูปแบบพื้นฐานของอาคมเพลิงวิเศษนั้นมีปรากฏมากกว่าหกร้อยแบบ หาใช่มีเพียงหกสิบหกรูปไม่
หากไม่ใช่เพื่อ’เหย่จื่อหวิน’และสมบัติประจำสถานศึกษาแล้ว ‘เนี่ยหลี’ไม่มีทางนั่งจมอยู่ในชั้นเรียนที่ไร้แก่นสารของเสิ่นซิ่วเป็นอันขาด ในความเห็นของเขา ความรู้ของนางนั้นเต็มไปด้วยช่องโหว่ คำสอนของนางเชื่อถือไม่ได้ แค่คำที่บอกว่าอาคมระเบิดเพลิงสีชาดนั้นเป็นอาคมระดับสำริดที่แกร่งที่สุดก็เป็นเพียงการโอ้อวดไร้ความหมายแล้ว
‘เสิ่นซิ่ว’กวาดตามองไปรอบชั้นเรียน ก่อนสะดุดอยู่ที่’เนี่ยหลี’ ก่อนหน้านี้’เนี่ยหลี’ทั้งต่อต้านทั้งหยามหยันนาง มันกล้าแม้แต่จะท้าพนันกับนาง นั่นทำให้นางเกลียดชัง’เนี่ยหลี’เข้ากระดูกดำ เมื่อนางเห็นว่า’เนี่ยหลี’ไม่สนใจเรียน หญิงสาวก็หัวเราะร่าในใจ ในที่สุดนางก็มีโอกาสแล้ว! ‘เสิ่นซิ่ว’ยังคงพล่ามสอนรูปแบบพื้นฐานทั้งสามสิบหก หาก’เนี่ยหลี’ไม่ใส่ใจฟังแม้แต่น้อย เด็กชายยังนอนฟุบบนโต๊ะต่อไป
ขณะนั้นรองเจ้าสำนัก’เหย่เซิง’ผู้นั่งสังเกตุการณ์อยู่เบื้องนอกก็ขัดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหย่เซิงมองผู้เฒ่าชุดเทาข้างกาย นี่เป็นบุคคลสำคัญที่สละเวลามาเยี่ยมชมชั้นเรียน กลับมีนักเรียนนอนหลับในชั้น มันกล้าทำให้สถานศึกษาเสียหน้า ‘เหย่เซิง’ไม่รู้จักเด็กคนนี้ หากรู้ล่ะก็ มันคงไล่เด็กคนนี้ออกจากสถานศึกษาแล้วไม่ให้กลับมาเหยียบย่ำที่นี่อีก
เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าเสื้อเทาไม่ได้สนใจกับท่าทีของ’เนี่ยหลี’ นั่นทำให้’เหย่เซิง’สบายใจขึ้นพอควร ‘ลู่เหย่’ผู้นั่งอยู่เบื้องหลังทั้งสองพูดอย่างจริงจังว่า
“ในชั้นเรียนนักรบฝึกหัดย่อมมีทั้งนักเรียนที่ดีร้ายปะปนกันไป ข้าจะลงทัณฑ์เด็กคนนั้นในภายหลัง ทางบ้านจ่ายเงินมากมายให้มันมาเรียน ไม่ใช่ให้มาหลับ!”
‘เหย่เซิง’ผงกศีรษะ ‘ลู่เหย่’รู้หน้าที่ดีเหลือเกิน
เนื่องจาก’เนี่ยหลี’หลับในชั้นเรียน ทุกคนสังเกตเห็นว่าใบหน้าของ’เสิ่นซิ่ว’เคร่งเครียด การที่มีนักเรียนนอนหลับในชั้นเรียนหมายความว่าการสอนของนางนั้นน่าเบื่อใช่หรือไม่?
“เนี่ยหลี!”
‘เสิ่นซิ่ว’พูดเสียงเข้มพลางเดินเข้าไปหา’เนี่ยหลี’ เด็กชายนั้นนอนหลับฝันดีด้วยว่าเขาไม่ได้หลับอย่างสบายอารมณ์มาก่อนทั้งสัปดาห์ เด็กชายลืมตาปรือถามว่า
“มีอะไร?”
เห็นดังนั้น กลุ่มเด็กจากสกุลสูงหัวเราะคิกคัก พวกมันอยากเห็นเนี่ยหลีอยู่ในสภาพย่ำแย่ยิ่ง ใครใช้ให้มันคว้าเทพธิดาของพวกมันไปกันเล่า
“หมอนั่นตายแน่!”
‘ตู้เจ๋อ’กับ’ลู่เปี่ยว’ยิ้มเจื่อนให้กัน ถึงอย่างไรการหลับในชั้นเรียนไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองกล้าทำท่าทีของ’เนี่ยหลี’ยิ่งทำให้’เสิ่นซิ่ว’เกรี้ยวกราด นางพูดเสียงเข้มว่า
“เจ้ากล้าหลับในชั้นเรียนของข้า นั่นหมายความว่าเจ้าเรียนรู้เรื่องนี้แจ่มแจ้งแล้วใช่หรือไม่?”
“อือ”
‘เนี่ยหลี’ตอบ
“เจ้า….”
‘เสิ่นซิ่ว’ไม่มีคำพูด ตั้งแต่เริ่มช้นเรียน ‘เนี่ยหลี’ก็หลับตลอด มันกลับกล้าบอกว่ามันรู้หมดแล้ว ผู้ใดยินยอมเชื่อกัน? ‘เสิ่นซิ่ว’แค่นเสียงอย่างเย็นชา
“ถ้าเจ้ารู้หมดแล้ว ทำไมไม่บอกพวกเรามาว่าลายอาคมบนกระดานนั้นคือสิ่งใด?”
‘เนี่ยหลี’กวาดสายตามองบนกระดาน กล่าวว่า
“นั่นคืออาคมเพลิงวิเศษระดับต่ำ อาจจะพอนับเป็นชั้นสำริดได้ ด้วยลวดลายพื้นฐานทั้งสามสิบแปด พลังทำลายของมันนั้นอ่อนด้อย แต่พอใช้ต้มน้ำร้อนแล้ว”
ฟังคำของ’เนี่ยหลี’ ทุกคนในชั้นเรียนก็ระเบิดเสียงหัวร่อดังลั่น
“ฮ่าๆๆ ขำจะตายแล้ว ไอ้เจ้านั่นมันไม่ได้ฟังที่อาจารย์หญิงสอนเลยแม้แต่น้อย มันกล้าบอกว่าอาคมระเบิดเพลิงสีชาดมีสามสิบแปดรูปแบบพื้นฐาน ทั้งๆที่อาจารย์หญิงพูดก่อนหน้านี้ว่ามีสามสิบหกรูปแบบ”
“ข้าหัวเราะจนน้ำตาจะไหลแล้ว มันกล้าบอกว่าอาคมนี้ใช้ต้มน้ำ ฮ่าๆๆ”
เด็กชายอีกคนว่าขณะหัวเราะ
‘เหย่จื่อหวิน’เองก็ยิ้มขัน ส่วน’เสิ่นเยว่’ยิ่งโกรธา ‘เนี่ยหลี’บอกว่าลายอาคมที่สืบทอดมาในตระกูลนั้นใช้ได้แค่ต้มน้ำร้อน นั่นยากจะทนทานนัก ในหมู่นักเรียน มีเพียง’เซียวหนิงเอ๋อร์’เท่านั้นที่ยังสงบสติลงได้ เด็กหญิงรู้ดีว่า’เนี่ยหลี’ไม่ได้พยายามทำให้คนอื่นๆรู้สึกไม่ดี พวกมันเองที่ไม่รู้ว่า’เนี่ยหลี’มีพรสวรรค์สูงล้ำเพียงใด ขณะเดียวกันนอกห้องเรียน ‘ลู่เหย่’เองก็หัวเราะกล่าวว่า
“เด็กคนนี้ตลกจริงๆ ไอ้เด็กอวดฉลาดกล้าพูดว่ามันประกอบจากสามสิบแปดรูปแบบพื้นฐานในโครงสร้างของระเบิดเพลิงสีชาด มันยังกล้าบอกว่าอาคมนี้ใช้ต้มน้ำ”
แต่พร้อมกันนั้น ‘ลู่เหย่’สังเกตุเห็นว่าทั้งรองเจ้าสำนักและชายชุดเทาหาได้หัวร่อด้วยไม่ มันได้แต่กล้ำกลืนเสียงหัวเราะกลับลงท้องเท่านั้น
“มีสิ่งใดน่าขัน ระเบิดเพลิงสีชาดประกอบด้วยสามสิบแปดรูปแบบพื้นฐานจริงๆ”
รองเจ้าสำนัก’เหย่เสิ้ง’กล่าว
ในระดับของมันกับชายชุดเทา เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้วจะพบว่ามีรูปแบบพื้นฐานสองรูปแบบที่ไม่ได้มาจากสอง แต่เป็นสี่รูปแบบพื้นฐาน แต่ที่ทำให้ทั้งสองตะลึงคือคำพูดนี้มาจากเด็กนักเรียนเท่านั้น เด็กคนนี้เผลอเดาถูกหรือไม่ สำหรับผู้เชี่ยวชาญเช่นพวกมัน ระเบิดเพลิงสีชาดนั้นเป็นอาคมสวะที่ใช้แค่ต้มน้ำได้จริงๆ ผลของมันในการรบนั้นต่ำต้อยมาก ดวงตาของชายชราชุดเทาทอประกายวูบ หายมันกลับไม่พูดอะไร ยังคงนิ่งเงียบต่อไป
“บัดซบ!”
‘เสิ่นซิ่ว’คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ใบหน้านางบิดเบี้ยว ในฐานะสมาชิกของตระกูล นางไม่อาจทนทานการเหยียดหยามอาคมระเบิดเพลิงสีชาดต่อหน้าเด็ดขาด ‘เนี่ยหลี’หาได้ใส่ใจเสียงหัวเราะเหล่านั้นไม่ เด็กชายกล่าวต่อว่า
“อาคมนี้มีที่มาจากคัมภีร์อสนีบาต(เหลยฮว่อเซิ่งเตี่ยน)เล่มที่เจ็ด ชื่อเดิมของอาคมนี้เรียกว่าระเบิดเพลิงอสนีบาต (เหลยฮว่อเหยียนเป้า) ประกอบด้วยหกสิบรูปแบบพื้นฐานซึ่งนับว่าซับซ้อนอยู่เล็กน้อย แต่มีไอ้ตัวอวดฉลาดบางคนตัดทอนลายอาคม เปลี่ยนแปลงมัน แล้วก็บอกว่ามันเป็นอาคมระเบิดเพลิงสีชาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุที่มันไม่สามารถใช้ได้ในการรบ มันใช้แค่ให้ผู้ฝึกฝนอาคมสายเพลิงวิเศษฝึกฝนเท่านั้น”
คัมภีร์อสนีบาตคืออะไร? เด็กในชั้นหันมามองหน้ากัน
‘เนี่ยหลี’บอกว่ารุ่นแรกของตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นไอ้ตัวอวดฉลาด? ‘เสิ่นซิ่ว’โกรธจนไม่รู้จะพูดอะไร นางไม่รู้จักคัมภีร์ไฟสายฟ้าหรือว่าอะไรที่บันทึกไว้ในเล่มที่เจ็ดแม้แต่น้อย
“สามหาว! หนังสือบัดซบเช่นนั้นไม่มีบนโลกนี้มาก่อน!”
‘เสิ่นซิ่ว’คิดชั่วครู่ก่อนจะตวาดออกมา ‘คัมภีร์อสนีบาตเล่มที่เจ็ดอะไร? ไอ้เจ้าเด็กบัดซบเนี่ยหลีปั้นแต่งขึ้นเองชัดๆ!!’

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น