วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 40 ตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพราย

Tales of Demons & Gods บทที่ 40 ตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพราย


   

เซิ่นหลินเจี่ยนและคณะได้มาถึง ณ บริเวณทางทหาร ด้วยความที่พื้นแห่งนี้มีความราบเรียบยิ่ง ทำให้สามารถถูกสังเกตได้อย่างง่ายดาย



           

“จงขุดลึกลงไป สาม เมตร!”



           

      คนของเซิ่นหลินเจี่ยนเริ่มนำเครื่องไม้เครื่องมือของพวกเขาออกมาและได้เริ่มลงมือขุด





พระราชวังใต้ดิน



           

     “เนี่ยลี่ทางออกนั้นอยู่ที่แห่งใดกัน?” เอียจื่ออวิ๋นถาม พวกเขาได้ค้นหาซึ่งทางออกมาประมาณ สอง วันแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาทางออกได้แต่อย่างใด



           

    “ทางออกนั้นไม่มีอยู่หรอก” เนี่ยลี่สั่นหัวของเขาแล้วพูดว่า “ถ้าเกิดว่าทางออกนั้นมีอยู่ พวกคนเหล่านั้นคงไม่ติดอยู่ซึ่งที่แห่งนี้และได้จบชีวิตลงที่ห้องโถงหลัก”



           

      “ไม่มีทางออก?” เอียจื่ออวิ๋นชะงักไปชั่วครู่และถามอย่างเศร้าใจว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงไม่สามารถจักออกไปจากที่นี่ได้งั้นหรือ?”



           



        “พวกเรานั้นไม่ต้องหาซึ่งทางออกเองหรอก เหล่าผู้คนจากห้องโถงหลักได้เข้ามาที่แห่งนี้ได้จากภายนอก ซึ่งนั่นหมายความว่า เหล่าคนจากภายนอกนั้นจักสามารถขุดเข้ามาซึ่งทำให้ทางออกปรากฏ พวกเราได้แต่เพียงหวังว่า เซิ่นหลินเจี่ยนนั้นจะสามารถช่วยพวกเราขุดหาทางออกเจอ ถ้าเกิดความคิดของข้านั้นถูกต้อง ทางออกจักตั้งอยู่ที่บริเวณฝึกทหาร” เนี่ยลี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “พวกเขาจะต้องหาสถานที่นี้ได้อย่างแน่นอน!”



           



        “แล้วเจ้ารู้แน่ได้อย่างไรว่าพวกเขานั้นจะสามารถหาซึ่งสถานที่แห่งนี้พบ” เอียจื่ออวิ๋นถามกลับ เนี่ยลี่นั้นดูจะมีความมั่นใจเป็นอย่างมากเหมือนกับว่าเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งอย่างให้เป็นไปตามที่ของต้องการได้ เขาแม้กระทั่งคิดอย่างดื้อดึงว่านางจะตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน ถ้าทุกสิ่งอย่างไปเป็นตามที่เขาคาดหวังดังนั้นเขาไม่ได้เปรียบดั่งเทพเจ้าเช่นนั้นหรือ?



           

เพียงแต่เมื่อเอียจื่ออวิ๋นพูดจบลง ผนังกำแพงหินเหล่านี้สั่นขึ้นเล็กน้อยทันทีทันใด



           

     “มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว” เนี่ยลี่ยิ้มเล็กน้อย เขาสามารถคาดเดาตำแหน่งซึ่งทางออกนั้นตั้งอยู่ได้จากการสั่นไหวที่เกิดขึ้น เขาหันไปและพูดกับเอียจื่ออวิ๋นว่า “ไปกันเถอะ”



           

หลังจากพูดเสร็จเนี่ยหลี่ก็เริ่มเดินไป



           

         เอียจื่ออวิ๋นอ้าปากกว้าง นางนั้นไม่สามารถประเมินเขาได้เลย เนี่ยลี่คนนี้จักต้องเป็นปีศาจอย่างแน่นอน! เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้เช่นไร ? จะมีวันนั้นจริง ๆ หรือวันที่นางจักต้องตกเป็นของเขา ? เอียจื่ออวิ๋นไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรทำให้แก้มทั้งสองของนางรู้สึกร้อนผ่าวขึ้น หลังจากนั้นนางได้เดินก้มหน้าอย่างเงียบ ๆ



           

ตึง ตึง ตึง !

           

 “เซิ่นหลินเจี่ยนและกลุ่มของเขากำลังขุดกันอย่างขมักเขม่น”

           



       “นั่นไงทางออกอยู่ที่แห่งนั้น!” เนี่ยลี่พูดกับเอียจื่ออวิ๋น ทั้งคู่เดินไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้นและได้หยุดอยู่ที่หน้ากำแพงหินอันหนึ่ง เขาพิจารณากำแพงอันนี้อยู่ชั่วครู่ กำแพงนี้น่าจะมีประตูลับซ่อนอยู่ ก่อนหน้านั้นเมื่อพวกเขาได้ผ่านซึ่งที่แห่งนี้ พวกเขาไม่สังเกตุเห็นซึ่งสิ่งใดเลย



           

        เนี่ยลี่ได้ว่างมือทั้งสองของเขาไปที่กำแพงหินและค่อยผลักมันช้า ๆ

           

           

ครืน ครืน ครืน!



           

        เจ้ากำแพงหินนี้ค่อย ๆ เปิดออก ห้องสมบัติที่ทำจากหินขนาดมหึมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเนี่ยลี่และเอียจื่ออวิ๋น ภายในห้องสมบัตินี้มีทางเดินเชื่อมต่อสู่เบื้องบน อย่างไรก็ตามทางออกนั้นถูกปิดไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่และที่ด้านหลังของมันนั้นมีเสียงดังบางอย่างอยู่จำนวนมาก มีใครบางคนกำลังพยายามที่จะเปิดทางเข้านี้



           

      สิ่งของซึ่งอยู่ภายในห้องสมบัติเหล่านี้ทำให้ทั้งเนี่ยลี่และเอียจื่ออวิ๋นตกใจเป็นอย่างมา



           

         สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งของระดับบรอนซ์และเกราะระดับซิลเวอร์ แม้กระทั่งตำราอักขระก็มีอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก คริสตัลอสูร ขนสัตว์และเขาของสัตว์มากมาย มันยังคงเต็มไปด้วยโลหะมีค่าและกองเหรียญทองหลายกอง สิ่งเหล่านี้น่าจะใช้สำหรับเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนของอาณาจักรศักดิ์สิทธ์ และยังคงมีสิ่งของมากมายที่ไม่สามารถระบุค่าได้ ซึ่งของเหล่านี้นั้นคงจะเป็นสมบัติล้ำค่าของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน



           

         ถ้ามีใครบางคนนำทรัพย์สมบัติเหล่านี้กลับไปยังเมืองกลอรี่เพื่อขายแล้ว พวกเขานั้นจักสามารถกลายเป็นเศรษฐีได้อย่างแน่นอนจากการขายมัน



           



       “จื้ออวิ้น เจ้าไปเก็บซึ่งของบางสิ่งบ้างสิ !” เนี่ยลี่มองไปที่เอียจื่ออวิ๋นและพูดขึ้น จำนวนของทรัพย์สมบัตินี้มีมากมายมหาศาล แหวนห้วงมิติของเขานั้นไม่สามารถเก็บซึ่งของเหล่านี้ได้ทั้งหมด และถ้าพวกเขาเก็บซึ่งสมบัติเหล่านี้ทั้งหมดไป มันจะเลี่ยงไม่ได้ที่เซิ่นหลินเจี่ยนและคณะจะเกิดความสงสัยขึ้น



           

          เนี่ยลี่นั้นไม่ได้โลภมากแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ต้องการหยิบของที่ซึ่งเขาต้องการเท่านั้นและทิ้งไว้ซึ่งของที่เหลือ



           

           สายตาของเนี่ยลี่ได้ไปตกอยู่ที่แท่นหินขนาดใหญ่ เขาได้สังเกตุเห็นว่าบนแท่นหินนี้นั้นตะเกียงอันหนึ่งกำลังส่องแสงกระพริบไปมา และแสงนั้นช่างน่าลึกลับยิ่งนัก



           

         เมื่อได้เห็นตะเกียงอันนี้ หน้าของเนี่ยลี่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข มันคือตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพรายอย่างแน่นอน

           

           



      อสูรเงาพรายนั้นเป็นสัตว์อสูรที่หายากและลึกลับยิ่ง มีเรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งอาณาจักรหิมะเหมันต์ได้สูญสิ้น มีเพียงแค่ เจ็ด ดวงจิตแห่งอสูรเงาพรายที่เหลืออยู่และได้ถูกนำไปทำเป็นตะเกียง เจ็ด ชิ้น ทั้งหมดนั้นได้ถูกนำไปวางไว้ภายในวัดซึ่งอยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้น ตะเกียงเหล่านี้ได้ถูกขโมยโดยกลุ่มโจรบางพวกและสูญหายไปจากโลกใบนี้



           

        เหตุผลที่เนี่ยลี่สนใจซึ่งตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพรายนี้เป็นเพราะว่าเขาต้องการจิตอสูรเงาพรายที่อยู่ภายในนั้น!



           



        หลังจากที่เขาได้ถึงระดับซิลเวอร์แล้ว เนี่ยลี่นั้นจะสามารถรวมร่างกับจิตอสูรหนึ่งดวงได้ ด้วยเทคนิคการเคลื่อนพลังพระเจ้าแห่งสวรรค์นั้น สามารถยอมให้เนี่ยลี่รวมร่างกับจิตอสูรที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด เจ็ดตน ดังนั้นสำหรับจิตอสูรตนแรก เนี่ยลี่ไม่คาดหวังว่าจะเป็นแค่เพียงจิตอสูรธรรมดา! อย่างไรก็ตาม หากจิตอสูรนั้นแข็งแกร่งเกินไปเนี่ยลี่ก็ไม่สามารถรวมร่างกับมันได้ ด้วยเหตุดังนี้จิตอสูรเงาพรายจึงเหมาะสมที่สุดแล้ว



           



        แม้ว่าจิตอสูรเงาพรายนั้นไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่มันก็ยังเป็นจิตอสูรที่ลึกลับที่สุด มันมีความสามารถเฉพาะตัวมากมาย แม้ว่าหลังจากที่ได้รวมกับจิตอสูรนี้ และเนี่ยลี่ได้ก้าวผ่านไปถึงจุดสุดแล้ว จิตอสูรเงาพรายนี้นั้นก็ยังคงมีบทบาทที่ทรงพลังให้เขาใช้อยู่



           

เมื่อรวมกับจิตอสูรเงาพราย เนี่ยลี่สามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้บางประเภทได้!



           



     ในชีวิตที่แล้วของเขา ตะเกียงจิตอสูรเงาพรายได้ตกอยู่ในมือของเสิ่นเอีย และมันได้ถูกขายภายในการประมูลที่เสิ่นเอียจัดขึ้น แต่ในชาตินี้นั้นมันได้ตกอยู่ซึ่งมือของเนี่ยลี่



           



     เนี่ยลี่เก็บตะเกียงแล้ววางมันลงไปยังแหวนห้วงมิติ เขาหันไปมองทางเอียจื่ออวิ๋น ด้วยความที่นางมีอัญมณีพิศวงอยู่ นางนั้นไม่สนใจซึ่งอัญมณีอื่นใดอีก นางได้เลือกเพียงคริสตัลอสูรและกำไลข้อเท้าเขี้ยวอสูร



           



      เอียจื่ออวิ๋นนั้นสายตาเฉียบแหลมยิ่ง คริสตัลอสูรจำนวนหนึ่งที่นางถืออยู่เป็นคริสตัลของสัตว์อสูรระดับแบล็คโกลด์ สัตว์อสูรระดับนั้นหาได้ยากยิ่ง ถ้าคริสตัลเหล่านั้นได้นำไปทำซึ่งอาวุธหรือเกราะแล้ว มีโอกาสที่พวกมันจะได้เป็นซึ่งอาวุธและเกราะระดับแบล็คโกลด์



           

        สำหรับกำไลข้อเท้าเขี้ยวอสูร มันเป็นเศษชิ้นส่วนของกระดูกสัตว์อสูรวายุเหมันต์ระดับตำนาน แม้มันจะเป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนของกระดูก มันก็ยังคงหาได้ยากยิ่งและสามารถเสริมพลังวิญญาณอสูรได้



           

         หลังจากเก็บซึ่งสมบัติ * บูม * ผนังกำแพงขนาดใหญ่ได้เปิดออกปรากฏทางเข้า สาดแสงสุกสว่างตรงสู่ห้องเก็บสมบัติ เซิ่นหลินเจี่ยนและคณะในไม่ช้าก็ได้ลงมาลงมาอยู่ภายในรอบ ๆ ห้อง



           

         

          “เป็นพวกเจ้าเองเหรอ?” เซิ่นหลินเจี่ยนพูด ชะงักไปชั่วขณะเมื่อเขาเห็นเอียจื่ออวิ๋นและเนี่ยลี่ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเนี่ยเหลี่และเอียจื่ออวิ๋นจะเป็นสิ่งแรก(คาดหวังพบสมบัติซึ่งเป็นสิ่งของ)ที่เขาพบหลังจากการเข้ามาในที่แห่งนี้ เมื่อได้มองเอียจื่ออวิ๋น เซิ่นหลินเจี่ยนรู้สึกโล่งอก ถ้าเกิดมีสิ่งใดได้เกิดขึ้นกับเอียจื่ออวิ๋น แม้เขาจะนำสมบัติเหล่านี้กลับไปได้ แต่เขาจะยังคงต้องพบกับความพิโรธของเจ้าเมืองและท่านเอียมัว แต่เมื่อเอียจื่ออวิ๋นได้ปลอดภัยแล้ว นั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลซึ่งเรื่องเหล่านั้นอีก



           

    “หัวหน้า พวกเรากำลังจะรวยแล้ว! มีสมบัติมากมายเหลือเกิน!”



           

      คนของเซิ่นหลินเจี่ยน อุทาน สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่เต็มไปหมดในห้องสมบัตินี้ ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก



           

       ชู่หยวนและกลุ่มคนต่างเข้ามาและชะงักไปกับภาพเบื้องหน้าของพวกเขาเช่นกัน ของเหล่านี้ได้ถูกกองสูงอยู่ดังภูเขาขนาดย่อม ๆ สิ่งของมากมายที่นี่ล้วนแล้วแต่ล้ำค่ายิ่ง พวกเขาสามารถขายได้เป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านหรือแม้กระทั่งเป็นพันล้านซึ่งของเหล่านี้



           



       “เนี่ยลี่ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ของพวกเรา เจ้าจักเป็นคนเลือกซึ่งสิ่งของเป็นคนแรก” เซิ่นหลินเจี่ยนมองไปที่เนี่ยลี่และพูด เขาเป็นคนหนึ่งที่ยึดถือในคำมั่นของเขา และเขานั้นได้ให้คุณค่าของมิตรภาพระหว่างเขาและเนี่ยลี่



           



     “ข้านั้นได้เลือกเรียบร้อยแล้ว” สมบัติทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของท่าน!” เนี่ยลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวขึ้น ซึ่งภูเขาสมบัติเหล่านี้นั้นดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อเขาแต่อย่างใด



           



    “ข้าก็ได้เลือกแล้วซึ่งของบางสิ่ง” เอียจื่ออวิ๋นพูด





“ข้านั้นก็ไม่ต้องการซึ่งทรัพย์สมบัติเหล่านี้อีกเช่นกัน”



           



     เซิ่นหลินเจี่ยนผงกศรีษะรับและสั่งให้คนของเขาเก็บทรัพย์สมบัติลงสู่แหวนห้วงมิติของพวกเขา



           



           ชู่หยวนเดินไปข้าง ๆ เซิ่นหลินเจี่ยน ลดเสียงของเขาลงและพูดว่า “นายน้อยเซิ่น ท่านตั้งใจเช่นนี้จริง ๆ รึ? พวกเขาทั้งสองได้อยู่ที่นี่เป็นเวลานานนัก พวกเขาต้องเก็บซึ่งสิ่งของล้ำค่ามากมายไปแล้วอย่างแน่นอน! พวกเขาน่าจะได้เก็บของที่มีค่ามากที่สุดไปแล้วด้วยเหตุนี้พวกเขานั้นจึงไม่สนใจซึ่งสมบัติเหล่านี้เลย”



           



“เจ้ากำลังบอกถึงซึ่งสิ่งใดกัน?”เซิ่นหลินเจี่ยนขมวดคิ้วของเขา จ้องไปที่ชู่หยวน



           



          ชู่หยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านต้องเรียกพวกนั้นทั้งสองให้นำทุกสิ่งอย่างของพวกเขาออกมาเพื่อตรวจสอบก่อนจะออกไปจากที่แห่งนี้ ของชิ้นที่มีค่ามากที่สุดน่าจะอยู่ในมือของพวกเขา”



           



       เมื่อได้ยินคำพูดของชู่หยวน เซิ่นหลินเจี่ยนพ่นลมหายใจออกและพูดว่า “พวกเขานั้นได้มาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา และพบซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นกลุ่มแรก แม้พวกเขาจะนำซึ่งสมบัติเหล่านี้ทั้งหมดไป พวกเราก็มิสามารถจะพูดอะไรได้ พวกเขาทิ้งไว้ซึ่งของมากมายไว้ให้แก่พวกเราแล้ว สิ่งนี้นั้นได้แสดงแล้วถึงความมีน้ำใจของพวกเขาแล้ว!”



           



   “นายน้อยเซิ่น ข้ารับรองได้เลยว่าของที่พวกนั้นได้ไป ทุก ๆ สิ่งนั้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้! ท่านไม่เสียดายมันหรืออย่างไร?” ชู่หยวนพูดอย่างเป็นกังวล



           



      “ไปตายซะ เจ้าไม่คิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดซึ่งสิ่งใดอยู่ เจ้านั้นมีเรื่องขัดแย้งกับเนี่ยลี่และต้องการใช้ข้าเป็นดั่งตัวกลาง เลวมาก!” เซิ่นหลินเจี่ยนยกเท้าของเขาและได้เตะไปที่คางของชู่หยวน ทำให้เขากระเด็นไป



           



“พ่าง” หน้าของชู่หยวนตกลงก่อนและฟันของเขาซี่หนึ่งได้กระเด็นออก ภายในปากของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด



           



     ชู่หยวนยกหัวของเขาขึ้นมาอย่างดุร้ายและจ้องไปที่เซิ่นหลินเจี่ยน แต่ในไม่ช้าก็ความโกรธเขาก็ลดลง เซิ่นหลินเจี่ยนเป็นถึงสมาชิกของตระกูลหลัก สืบเชื้อสายตรงมาจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เขาจะมีเรื่องกับเซิ่นหลินเจี่ยนได้เช่นไร?



           



'เนี่ยลี่ เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด! ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!'



           



       เซิ่นหลินเจี่ยนได้ทำให้ห้องสมบัติว่างเปล่า แม้ว่าเนี่ยลี่ได้เก็บตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพรายและเอียจื่ออวิ๋นได้เก็บซึ่งของบางสิ่งไปแล้วเช่นกัน แต่ยังคงมีของล้ำค่ามากมายเหลืออยู่และสามารถนำไปขายทำกำไรได้ ดังนั้นการเก็บของเหล่านี้ได้ยังคงเป็นผลดีต่อเขาอย่างมาก



           



       เซิ่นหลินเจี่ยนแตะที่ไหล่ของเนี่ยลี่และพูดว่า “ น้องชาย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าที่แนะนำให้ข้ามาซึ่งพื้นที่ทหารแห่งนี้ ข้าคงไม่สามารถเก็บได้ซึ่งของมากมายเหล่านี้ ในครั้งนี้นั้น ข้าเซิ่นหลินเจี่ยนได้ติดหนี้เจ้าอยู่หนึ่งครั้ง ถ้าหากมีสิ่งใดในภายภาคหน้า ขอเพียงแค่ให้เจ้าเข้ามาหาข้าได้โดยตรง!”



           





      เซิ่นหลินเจี่ยนไม่เคยถามซึ่งสิ่งใดเกี่ยวของที่เนี่ยลี่ได้ไป แต่เพียงแค่ขอบคุณเขา สิ่งนี้ทำให้เนี่ยลี่รู้สึกประทับใจในตัวเขาอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เซิ่นหลินเจี่ยนจะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นท่ามกลางเหล่าขุนนางของตระกูลหลักทั้งสาม



           



“ตกลง” เนี่ยลี่ได้พูดต่อไปว่า “พวกท่านต้องรีบและนำสมบัติไป พวกเราต้องออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว”



           



 “ทำไมกัน” เซิ่นหลินเจี่ยนถามด้วยความสงสัย



           



      “ข้าได้วิ่งไปพบบางคนที่มาจากสมาคมทมิฬ พวกเขานั้นกำลังตามหาพวกเราอยู่!”เนี่ยลี่พูด “โชคดีที่เจ้าอสูรวานรยักษ์ฟ้าผสานวิญญาณได้ขวางทางพวกมันเอาไว้” ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถหลบหนีออกมาได้!”



           



  เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ เซิ่นหลินเจี่ยนตกใจเล็กน้อย เขารู้ว่าพวกคนจากสมาคมทมิฬเป็นเช่นไร ถ้าพวกเขาถูกพบโดยสมาคมทมิฬ มันจะเกิดปัญหาได้

           



      “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเราพบอสูรวานรยักษ์ฟ้าผสานวิญญาณได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเพราะเหตุนี้เอง” คนของเซิ่นหลินเจี่ยนพูด



           



      ด้วยความโชคดีที่พื้นที่ของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นค่อนข้างกว้างใหญ่ คนเหล่านั้นจากสมาคมทมิฬจึงไม่ทราบว่าพวกเขาอยู่บริเวณใด มีความเป็นไปได้ที่คนกลุ่มนั้นกำลังค้นรอบ ๆ ที่แห่งนี้อยู่เพื่อตามหาซึ่งพวกเขา ซึ่งหมายความว่าพวกเขานั้นต้องรีบออกจากที่แห่งนี้ในเร็วพลัน



           

 เซิ่นหลินเจี่ยนมองไปยังทิศทางซึ่งมุ่งสู่พระราชวังใต้ดิน

             “ที่แห่งนั้นไม่เหลือซึ่งอะไรอยู่ ข้าได้สำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” เนี่ยลี่พูด เซิ่นหลินเจี่ยนผงกศรีษะรับ และได้หันศรีษะของเขาไปเผชิญหน้าฝูงชนและตะโกนว่า“ไปกันได้แล้ว!” จบตอน..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น