วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 43 นักปรุงยาผู้รอบรู้

Tales of Demons & Gods บทที่ 43 นักปรุงยาผู้รอบรู้

           


               อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับคำขอของเนี่ยลี่ เสี่ยว หลานไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะว่ามีข้อกำหนดตายตัวระบุไว้ในสมาคมนักปรุงยา ว่าสำหรับระดับของผู้ฝึกหัดเริ่มต้น และผู้รอบรู้เบื้องต้นการสอบทั้งสองนั้นเปิดกว้างไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ใดก็ตามที่มาเพื่อทดสอบ ก็สามารถมาสอบได้โดยไม่จำกัดอายุ พวกเขาเพียงแค่ต้องจ่ายเงินจำนวน สองร้อยเหรียญจิตมารสำหรับการทดสอบนี้

             
    ผู้ฝึกหัดระดับสูงบางคนมายังที่แห่งนี้และเข้ารับการทดสอบทุกเดือน ถ้าพวกเขาผ่านการทดสอบได้ทั้งหมดจะได้รับตำแหน่งผู้รอบรู้ขั้นต้น ตำแหน่งและสถานะของเขานั้นจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สั่นโลกใบนี้ได้

      อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านการสอบการปรุงยาในระดับผู้รอบรู้นี้ โดยทั่วไปแล้วรอบแรกของการสอบของผู้คนจำนวนนับร้อย จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เหลืออยู่ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับรอบที่สอง และรอบที่ สาม นั้นก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

             
    “การเข้าร่วมการทดสอบสำหรับนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นี้ เจ้าจำเป็นต้องจ่ายเงินล่วงหน้าจำนวนสองร้อยเหรียญจิตมาร และต้องจ่ายก่อนที่จะเข้ารับการทดสอบ” แม่นางเซี่ยว หลานพูดพร้อมกับมองไปยังเนี่ยลี่

     “เพียงแค่สองร้อยเหรียญจิตมารเท่านั้นหรือ? ได้เลย นำทางข้าไป!” เนี่ยลี่พูดกับเสี่ยว หลาน เขาหันหน้าไปทางเซี่ยวหนิงเอ๋อและพรรคพวกพวกเจ้าจงรออยู่ที่นี้ เมื่อข้าเสร็จซึ่งการทดสอบแล้ว ข้าจะมาหาพวกเจ้า” เนี่ยลี่พูดอย่างสบาย ๆ

             
   “ตกลง พวกเราจะไปทานอาหารเย็นด้วยกันหลังจากเจ้าสอบเสร็จแล้ว” ลู่เพียวหัวเราะ เขาดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวของเนี่ยลี่เป็นอย่างมาก

             
  “เนี่ยลี่โชคดีนะ” เซี่ยวหนิงเอ๋อพูดอย่างสุภาพ นำมือทั้งสองข้างของนางไปวางด้านหน้าของหน้าอกขงนาง(พนมมือ)

             
      เมื่อได้ยินการสนทนาของเนี่ยลี่และลู่เพียว เสี่ยวหลานกรอกตานางไปมา นี่คือการสอบของนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นะ ไม่ใช้การสอบของระดับผู้ฝึกหัด เนี่ยลี่และพวกของเขาช่างน่าขันเสียจริง พวกเขาคิดว่าการสอบเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นี้เป็นเรื่องง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ? เงินจำนวนสองร้อยเหรียญจิตมารที่เนี่ยลี่จ่ายไปจะสูญเปล่า อย่างไรก็ตามมันคือเงินของเนี่ยลี่ไม่ใช่ของนาง ดังนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาของนางแต่อย่างใด นางแค่ต้องการทำหน้าที่ของนางให้ถูกต้องเท่านั้น

             
“ตามข้ามา” เสี่ยวหลานอารมณ์บูดบึ้ง ไม่พูดซึ่งอะไรอีก


      การสอบของนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นั้นได้ตั้งอยู่ตามทางยาว ๆ ทางหนึ่งที่ยาวออกไป แต่ละด้านของทางเดินล้วนมีห้องเล็ก ๆ หลายห้องเรียงอยู่ ผู้เข้ารับการทดสอบทุกคนต้องเข้าไปในห้องหนึ่งของห้องเหล่านี้เพื่อทำให้เสร็จสิ้นซึ่งการสอบเกี่ยวกับความรู้การปรุงยาอันแสนซับซ้อน หลังจากสอบเสร็จคำตอบของเขาจะถูกตรวจสอบด้วยนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นพวกหนึ่งก่อนที่จะผ่านไปสู่รอบต่อไปของการทดสอบ

             
   การทดสอบในรอบนี้มีจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น หก คน ภายในคนทั้ง หก นี้ สามคนนั้นมีอายุเกินกว่า สามสิบปีและอีกสองคนก็มีผมขาว ๆ เต็มไปทั่วศรีษะของพวกเขา

             
เมื่อพวกเขาได้เห็นเสี่ยวหลานนำเนี่ยลี่เข้ามาภายใน พวกเขาทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความงุนงงเล็กน้อย

             
คนหนึ่งในกลุ่มผู้ชายที่มีอายุเกินกว่าสามสิบปีได้จับตามองมาที่เนี่ยลี่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยและพูดว่า

             
“เจ้ามาทำอะไรในที่แห่งนี้”

             
  เนี่ยลี่เงยศรีษะของเขาขึ้นและมองไปยังชายผู้นั้นและพูดเบา ๆ ว่า “ข้าก็เหมือนกับท่าน ข้ามาทีแห่งนี้เพื่อเข้ารับการทดสอบ”

             
    ผู้ชายคนนั้นมองที่เสื้อผ้าของเนี่ยลี่ เมื่อมองดูจากการแต่งตัวแล้ว เขาสามารถเห็นได้ชัดว่าเนี่ยลี่ไม่ใช่คนของตระกูลหลักทั้งสามแต่อย่างใด เขาหัวเราะอย่างดูถูก “ฮ่าฮ่า! เด็กคนหนึ่งมาที่นี่เพื่อเข้ารับการทดสอบนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้อย่างงั้นรึ เด็กน้อย เจ้ามาอยู่ผิดที่เสียแล้ว เจ้าควรไปยังการสอบของนักปรุงยาระดับฝึกหัดซะมากกว่า”

             
  เด็กคนหนึ่งที่มีอายุเพียงสิบสามถึงสิบสี่ปีมาที่นี่ได้เข้ามาเพื่อเข้ารับการสอบนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้จริง ๆ เหรอ? มันเป็นธรรมดาที่จะสร้างความกวนใจให้แก่พวกเขา

             
“ท่านเป็นใครกัน?” เนี่ยลี่ชำเลืองมองเล็กน้อยไปทางชายผู้นั้น

             
 "ข้ามาจากตระกูลนักปรุงยา ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลชู่ นามของข้านั้นคือ ชู่หนิง” ชู่หนิงพูดอย่างภาคภูมิใจ

             
   “ตระกูลนักปรุงยาเช่นนั้นเหรอ? ตระกูลชู่สามารถเรียกตัวเองได้ว่าตระกูลนักปรุงยาได้ด้วยหรือ?” เนี่ยลี่ดูหมิ่นอย่างเย้ยหยัน เขาจำขึ้นได้ในทันทีว่าชู่หยวนผู้ที่เป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาวที่เขามีเรื่องขัดแย้งกันที่นครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ เขานั้นก็มาจากตระกลูชู่เช่นกัน

             
  “ตระกูลชู่ของข้านั้นมี นักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นสูงจำนวน สามคน ระดับผู้รอบรู้ขั้นกลางมีจำนวนอยู่ หก คน และอีกมากกว่า ยี่สิบ คนที่อยู่ระดับผู้รอบรู้ขั้นต้น เช่นนี้แล้วทำไมถึงไม่สามารถจัดว่าเป็นตระกูลแห่งนักปรุงยาได้กันเล่า” ชู่หนิงประกาศอย่างภาคภูมิใจ

             
  “เรื่องของเจ้าที่ได้เล่ามานี้ เมืองกลอรี่ที่ผ่านมานั้นนั้นเป็นไปตามลมปากของเจ้าเช่นนั้นเหรอ?*ในตอนนี้น่ะเหรอ? ตระกูลชู่มีเพียงนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นเพียง หนึ่ง คนเท่านั้น เนี่ยลี่ดูถูกพลางหัวเราะไปด้วย

             
        ชู่หนิงไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้เช่นเนี่ยลี่จะรู้อย่างถ่องแท้ในเรื่องตระกูลของเขา

             
  “ฮืม แล้วทำไมกันล่ะ? ข้า ชู่หนิง จักต้องกลายเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ผู้หนึ่งได้อย่างแน่นอน เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ้นน้ำนมอย่างเจ้า ไปไปซะ ที่นี่คือสนามสอบของนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ไม่ใช่สถานที่ให้เจ้านั้นเข้ามาวิ่งเล่นได้!" ชู่หนิงดูถูกกลับ

             
 แม้ว่าเขาจะเข้ารับการทดสอบมาแล้วสองครั้งก่อนหน้านี้ เขานั้นก็ยังมีความมั่นใจอย่างยิ่งในรอบที่สามของเขานี้

             
  เมื่อได้ยินคำของชู่หนิง กลุ่มคนจำนวนหนึ่งข้าง ๆ เขาหัวเราะออกมาเบา พวกคนอย่างเขาได้อยู่บนเส้นทางของนักปรุงยามาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ก็เพิ่งได้มาเข้ารับการทดสอบนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ ถ้าเจ้าหนูอย่างเนี่ยลี่สามารถผ่านการทดสอบนี้ไปได้ มันจะไม่ใช่เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมากแก่พวกเขาหรือ?

             
เนี่ยลี่ยักไหล่ของเขาและพูดอย่างไม่กังวลว่า “เดี่ยวพวกเราก็จะได้เห็นกัน”

             
เขาผลักประตูออกและได้เดินเข้าไปข้างใน

             
 ชู่หนิงยิ้มเยาะ เขาไม่เชื่อว่าเจ้าเด็กน้อยนี้สามารถฝึกฝนการเป็นนักปรุงยามาแล้วอย่างหนักก่อนเข้ามาสู่ห้องนี้

             
  หลังจากที่เนี่ยลี่เข้ามาภายในห้อง มีนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้อยู่สองคนที่เบื้องหน้า พวกเขาทั้งคู่อายุราวห้าถึงหกสิบปี ข้างตัว ๆ คือโต๊ะและเก้าอี้อย่างละตัว บนโต๊ะตัวนั้นวางไว้ซึ่งกองตำราและปากกาเขาแกะอยู่หนึ่งด้าม

             
  เมื่อมองเนี่ยลี่ที่ได้เข้ามา ทำให้หนึ่งในนักปรุงยาผู้รอบรู้ขั้นต้นชะงักไปชั่วขณะ เต็มไปด้วยความสงสัย เขาได้ถามว่า “นักเรียนผู้นี้ เจ้านั้น กำลังอยู่ในสถานที่ที่ผิดหรือเปล่า?ที่นี่คือการสอบของนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นะ”

             
  “ท่านผู้รอบรู้อันทรงเกียรติทั้งสอง ข้านั้นไม่ได้อยู่ผิดที่แต่อย่างใด ข้ามาที่นี่เพื่อเข้ารับการทดสอบนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้” เนี่ยลี่พูดด้วยความสุภาพ สำหรับผู้คุมสอบ มันเป็นเรื่องดีที่สุดที่จะต้องสุภาพให้มากต่อพวกเขา

             
   นักปรุงยาผู้รอบรู้ทั้งสองต่างมองซึ่งกันและกัน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเด็กคนนื้คือใคร เด็กคนนี้ตั้งใจมาทดสอบของนักปรุงยาระดับผู้รอบนี้แน่หรือ ในไม่ช้านี้ เขาจะได้รู้ว่าการสอบเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นั้นมันยากเพียงใด ถ้าเขาไม่เคยผ่านเส้นทางของนักปรุงยามาอย่างน้อยสักหลายสิบปีแล้วล่ะก็ เขาไม่สามารถที่จะมาเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบได้เลย

             
“ตกลง ถ้าเช่นนั้น” มีจำนวนหน้ามากกว่า สามร้อยหกสิบ หน้าภายในตำราเล่มนี้

             
   เจ้าจงสุ่มเลือกซึ่งบางหน้าของตำราเล่มนี้ โดยในแต่ละหน้านั้นจะมีคำถามทุกชนิดเกี่ยวกับการปรุงยา เจ้าจงเขียนคำตอบลงบนกระดาษ และเจ้าต้องเลือกมาทั้งหมดยี่สิบหน้าและตอบคำถามเหล่านั้นให้เสร็จภายในสองชั่วโมง ถ้าคำตอบของเจ้าถูกเกิน เก้าส่วน เจ้าจะสามารถผ่านไปสู่การทดสอบในรอบถัดไปได้” หนึ่งในนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้อธิบาย

             
  “ผู้รอบรู้อันทรงกียรติ ช่วยข้าเลือกตำราที่ใช้สอบตามจำนวนด้วยขอรับ” เนี่ยลี่พูด พร้อมกับมองไปที่นักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ ถ้ากระดาษถูกหยิบโดยนักปรุงยาผู้รอบรู้นี้จะสามารถขจัดข้อสงสัยที่เป็นไปได้ว่าเขาได้โกงการสอบ

             
  นักปรุงยาผู้รอบรู้ผู้นั้นมองไปยังตาที่ใสซื่อของเนี่ยลี่ ผงกศรีษะและพูดว่า “ตกลง!” เขาสุ่มเลือก ยี่สิบ หน้ากระดาษออกมาและวางมันลงที่หน้าของเนี่ยลี่ “เจ้าสามารถเริ่มทำมันเหล่านี้ได้”

             
   เนี่ยลี่หยิบปากกาเขาสัตว์ขึ้นมา สายตาของเขากวาดผ่านไปทั่วคำถามบนกระดาษเหล่านี้ ที่มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย คำถามเหล่านี้นั้นช่างแสนง่ายนักสำหรับเขา มันเหมือนกับนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ผู้หนึ่งกำลังทำคำถามของนักปรุงยาระดับฝึกหัดอยู่ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปรุงยาของเนี่ยลี่ได้ก้าวผ่านระดับของนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ไปไกลแล้ว เขากังวลว่าเหล่านักปรุงยาผู้รอบรู้เหล่านี้จะไม่สามารถเข้าใจได้ถ้าคำตอบของเขานั้นซับซ้อนเกินไป เขาตอบคำถามอย่างเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ คำตอบบางข้อของเขา ต่อคำถามบางข้อมีผิดไปบ้าง(เมื่อเรียนรู้ลึกซึ้ง แต่ในเบื้องต้นหลายคนในที่นี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว ) อย่างไรก็ตามเนี่ยลี่สามารถตอบได้แต่แนวทางเช่นนี้เพราะว่าเหล่านักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นี้ยังไม่ก้าวผ่านไปถึงระดับนั้น

             
ปากกาของเนี่ยลี่กำลังเคลื่อนตัวรวดเร็วอย่างกับมันสามารถบินได้ โดยการเขียนอย่างหวัด ๆ ไปมาและเขาได้ตอบถามหลายข้อเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว

             
  นักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ทั้งสองนั้นเริ่มแรกได้คิดว่าเนี่ยลี่นั้นไม่มีทางที่สามารถจะตอบคำถามเหล่านั้นได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าเนี่ยลี่จะสามารถเขียนตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้! หลังจากเขาตอบเสร็จไปหลายคำถาม พวกเขาคิดว่าเนี่ยลี่เพียงแค่ทำการเขียนหวัด ๆ ไปอย่างมั่ว ๆเท่านั้น (ด้วยความประหลาดใจ)พวกเขาได้ยืดศีรษะของพวกเขาขึ้นเพื่อมองไปที่เนี่ยลี่

             
“คำถามแรกเกี่ยวกับวิธีใช้ สิบหกวิธี อย่างของ หญ้าหยวนหลิง(หญ้าแห่งแกนจิตอสูร)โอ้ คำตอบนี้ตอบได้ดีเลยทีเดียว ไม่ผิดเลยสักจุดเดียว!.

             
“คำถามข้อที่ สอง เกี่ยวกับการกระบวนการปรุงยาให้บริสุทธ์ของยาทิพย์เพิ่มพลังจิตอสูร” กระบวนการทั้ง ยี่สิบ ขั้นตอนเขียนได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์เป็นอย่างมาก

             
   นักปรุงยาผู้รอบรู้ทั้งสองต่างมองหน้ากันไปมา การสนองตอบสิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือเนี่ยลี่คนนั้นกำลังโกงการสอบ! เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กวัยเยาว์อายุสิบสี่ถึงสิบสี่ ปีจะสามารถทำความเข้าใจกระบวนการเหล่านี้อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้? เป็นความจริงที่แค่เพียงหนึ่งหน้ากระดาษที่ทำได้เป็นเรื่องที่แสนง่ายยิ่งนัก อย่างไรก็ตามคำถามของหน้ากระดาษแผ่นนี้ได้ถูกเลือกออกมาจากสมุนไพรกว่าหนึ่งหมื่นชนิดและอีกกว่าหลายพันสูตรของยาทิพย์ ผู้ที่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างง่าย ๆ ได้จะมีความรู้ลึกซึ้งเพียงใดกัน?

             
        แต่กระดาษเหล่านี้ถูกหยิบออกมาโดยหนึ่งในนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ ซึ่งขจัดข้อสงสัยที่ตามมาทั้งหมดว่าเนี่ยลี่โกงการสอบ

             
        เด็กน้อยอายุสิบสี่ถึงสิบสี่ปี แม้กระทั่งเขาเริ่มต้นอ่านตั้งแต่เขายังอยู่ในครรภ์มารดาก็มิสามารถที่จะอ่านตำรามากมายเหล่านี้ได้จบ

             
       นักปรุงยาผู้รอบรู้ทั้งสองต่างมองหน้ากันไปมาและยิ้มออกมาเล็กน้อย สามารถเป็นซึ่งสิ่งนั้นได้หรือไม่ ภายในโลกนี้ยังมีอัจฉริยะที่มีความรู้ลึกซึ้ง ซึ่งได้ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด?

             
      ภายในสถานการณ์ทั่วไป บุคคลทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย สิบห้านาทีเพื่อตอบคำถามเสร็จหนึ่งแผ่น การที่จะตอบคำถามเสร็จได้ ยี่สิบ แผ่นภายในเวลาที่กำหนดนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ยาก ผู้คนส่วนมากจะติดอยู่กับคำถามที่ยากบางข้อ

             
 อย่างไรก็ตามระหว่างการตอบคำถามเหล่านั้นเนี่ยลี่สามารถทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดเลย เขาได้ตอบคำถามไปแล้วสามหน้าโดยใช้เวลาเพียง สิบห้า นาทีเท่านั้น

             
ก่อนที่ชั่วโมงแรกจะผ่านไป กระดาษทั้ง ยี่สิบ แผ่นล้วนเต็มไปด้วยคำตอบมากมายเรียบร้อยแล้ว

             
   หลังจากที่ทุก ๆ หน้ากระดาษได้ตอบเสร็จไปแล้วนั้น พวกนักปรุงยาผู้รอบรู้ทั้งสองได้ตรวจสอบพวกมัน มันช่างน่ากลัวยิ่ง กระดาษทั้งสิบแผ่นนี้ไม่มีคำตอบใดที่ผิดเลยและบางคำถามได้ถูกตอบอย่างสร้างสรรค์อีกด้วย คำตอบเหล่านี้ได้ก้าวผ่านซึ่งการบันทึกไว้ของหนังสือไป สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้พวกเขารู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก

             
อัจฉริยะ !

             
อัจริยะคนหนึ่ง อัจฉริยะ!

             
  นักปรุงยาผู้รอบรู้ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก อารมณ์ของพวกเขากำลังตื่นเต้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาต้องรายงานไปที่กลุ่มผู้อาวุโสอย่างแน่นอน อายุของเนี่ยลี่ยังน้อยนักแต่เขาก็มีพร้อมซึ่งความรู้ที่น่ากลัวเช่นนี้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้กัน?

             
    เนี่ยลี่อาจจะเป็นผู้ที่ทำให้สมาคมปรุงยาพัฒนาก้าวไปข้างหน้า! เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว ในเวลานั้นใครบางคนซึ่งได้ระบุไว้ที่กระดาษของเนี่ยลี่(ว่าเป็นผู้มีอัจฉริยะ)ก็จะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงไปด้วย

             
“ข้าขอถามได้ไหมว่านายน้อยนั้นมาจากที่แห่งใดกัน” หนึ่งในชายชรากล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้านั้นมีนามว่าฮูเหยียน หมิง ส่วนเขานั้นคือมู่ หยาง พวกเราเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้น”

             
  “อาจารย์ผู้ทรงเกียรติ พวกท่านสามารถเรียกเพียงแต่ชื่อของข้าก็ได้ ข้าคือเนี่ยลี่ มาจากตระกูลบันทึกสวรรค์” เนี่ยลี่พูดอย่างถ่อมตัว ยังคงมีบุคคลอื่นอีกด้วยที่ชื่อขึ้นต้นว่า ฮูเหยียน เนี่ยลี่สงสัยว่าเขานั้นมาจากตระกูล ฮูเหยียน หรือไม่


    เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ ฮูเหยียน หมิง และมู่หยางเลื่อนตาขึ้นด้วยความยินดี ด้วยการกล่าวของเนี่ยลี่ว่าอาจารย์ผู้ทรงเกียรติทำให้เขาทั้งสองมีความสุข ไม่เลว ไม่เลวเลยสำหรับหนุ่มน้อยเยาว์วัยคนนี้ เขามีความรู้ที่มหาศาลแต่ยังคงถ่อมตน ถ้าเนี่ยลี่ได้ฉายแสงภายในสมาคมปรุงยานี้แล้วล่ะก็ การกล่าวว่าพวกเขาเป็นอาจารย์ผู้ทรงเกียรตินี้จะทำให้สถานะของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก  จบตอน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น