วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 44 ผ่านได้...

Tales of Demons & Gods บทที่ 44 ผ่านได้...



      ตระกูลบันทึกสวรรค์เช่นนั้นรึ นักปรุงยาผู้รอบรู้ทั้งสองคนต่างระลึกเรื่องราวประทับใจของตระกูลบันทึกสวรรค์ ตระกูลบันทึกสวรรค์เป็นตระกูลที่มีขนาดเล็กอย่างมากท่ามกลางตระกูลเหล่าขุนนางต่าง ๆ  และยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนักและอีกทั้งกำลังก็มีไม่มากอีกด้วย

               
        ทั้งคู่ต่างยิ้ม ถ้าเนี่ยลี่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือตระกูลหลักแล้ว แม้พวกเขาได้แสดงว่าเนี่ยลี่เป็นผู้ที่เจิดจรัสผู้หนึ่ง เนี่ยลี่ก็จะไม่รู้สึกใส่ใจกับมันแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อเนี่ยลี่นั้นมาจากตระกูลเล็ก ๆ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ

               

         ผู้รอบรู้ทั้งสองได้สนทนากับเนี่ยลี่อยู่ชั่วครู่หนึ่งและตระหนักแล้วว่า เนี่ยลี่นั้นไม่ได้เชี่ยวชาญแต่เฉพาะหลักการของการปรุงยาเท่านั้น แต่ยังคงช่ำชองเป็นอย่างดีเกี่ยวกับกระบวนการทำให้ตัวยาบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์

               
น่ากลัว!

               
      พวกเขาทั้งสองได้กลายมาเป็นนักปรุงยามาเป็นเวลาหลายสิบปี และก้าวถึงระดับแค่เพียงผู้รอบรู้ขั้นต้นเท่านั้นตอนที่อายุได้ สี่ถึงห้าสิบปีปี เมื่อคิดถึงเกี่ยวกับอายุของเนี่ยลี่อีกครั้ง ช่วยไม่เลยที่พวกเขาทั้งสองจะมีความรู้สึกอับอายเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่น่าผิดผวัง! เนี่ยลี่ที่มีอายุเพียงเท่านี้? เขาก็มีความรู้ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเสียแล้ว

               
ความรู้นั้นไม่ได้สะท้อนไปที่อายุของผู้ใดจริง ๆ!

               
    มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองต้องไม่ทำใหญ่ทำโตต่อเนี่ยลี่

               

       ผู้รอบรู้ทั้งสองได้รวบรวมกระดาษคำตอบทั้งหลายของเนี่ยลี่ เตรียมตัวเพื่อที่จะนำเสนอเป็นส่วนตัวต่อท่านประธาน พวกเขาจะปล่อยให้อัจฉริยะผู้นี้นั้นหลุดมือของพวกเขาไปได้อย่างไร?

               

      “เนี่ยลี่ เจ้าจงรออยู่ที่นี่สักชั่วครู่” พวกเราทั้งสองจะไปพบท่านประธาน ข้าจะไปลองถามดูว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเราจะนำเจ้าเข้าสู่สมาคมปรุงยาโดยตรงและไม่ต้องผ่านซึ่งการสอบอื่น ๆ อีก” ผู้รอบรู้ทั้งสองกล่าวและหัวเราะออกมา

               

     “ข้าคงต้องมอบให้เป็นปัญหาของท่านผู้รอบรู้อันทรงเกียรติทั้งสองแล้วล่ะ” เนี่ยลี่พูดด้วยท่าทีที่สุภาพมากกว่าเดิม และโค้งคำนับเล็กน้อย

               
    จากการที่ได้เห็นท่าทีของเนี่ยลี่ ผู้รอบรู้ทั้งสองต่างรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นพร้อมกับกุมกระดาษคำตอบและออกไปอย่างรีบเร่ง

               
    ห้องถัดไปด้านข้าง

               
        ชู่ หนิงกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการตอบถาม หนึ่งชั่วโมงได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้วและเขาเพิ่งตอบเสร็จไปเพียง สาม แผ่นเท่านั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาเข้ารับการสอบเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ ในครั้งที่สองก่อนหน้านี้ คะแนนเขาไม่ถึงแม้เพียง หกส่วน ของคำตอบที่เสร็จแล้วและยังคงเหลือคำถามอีก สาม แผ่นที่เขาไม่สามารถทำให้เสร็จได้ ก่อนที่เขาจะมาสอบนี้เขาได้ศึกษาในเรื่องที่เขาไม่คุ้นเคยมาเรียบร้อยแล้ว และเข้ามาทดสอบอีกครั้ง

               
     ก่อนมาที่นี่ เขาได้สาบานแก่ตัวเองแล้วว่าเขานั้นจะต้องผ่านการทดสอบในรอบนี้ให้ได้!

               
     อย่างไรก็ตาม การสอบในครั้งนี้ยากยิ่งกว่าคราวที่แล้ว

               
      ชู่หนิงรู้สึกเศร้าใจไม่หยุดหย่อน ก่อนเข้ามาที่นี่ เขาได้วางกระดาษคำตอบมากมายลงไปในแหวนห้วงมิติของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อมีนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ทั้งสองคอยมองดูเขาอยู่ เขาไม่สามารถหาโอกาสเพื่อโกงการสอบได้เลย เวลาหนึ่งชั่วโมงได้ผ่านเรียบร้อยแล้วและกระดาษหลายแผ่นของเขายังคงมีเพียงคำตอบเล็กน้อยเท่านั้น

               

       เมื่อเห็นคำตอบของชู่หนิง นักปรุงยาผู้รอบรู้ซึ่งคุมสอบทั้งสองต่างช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัวของพวกเขา คำตอบของเขานั้นอย่างมากที่สุดก็ถูกต้องเพียงหกส่วน เท่านั้น ในการที่จะเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นั้น เขาต้องได้คะแนนถูกต้องอย่างน้อย เก้าส่วน ขึ้นไป

               

      ไม่มีความจำเป็นใดที่จะพูด ชู่หนิงรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถผ่านการสอบรอบนี้ได้อย่างแน่นอน เขายืนขึ้นด้วยจิตใจหดหู่และเดินออกไป   ด้วยความล้มเหลวนี้ เขาจะต้องรอไปอีกหนึ่งปีถึงสามารถมาเข้ารับการสอบเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ได้อีกครั้ง

               

        ในทางเดินด้านนอก พวกที่เข้ารับการทดสอบทีละคนค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาก มีเพียงชายผู้หนึ่งซึ่งอายุประมาณ สามสิบปี ปีที่ออกมาพร้อมกับความสุข ส่วนพวกที่เหลือมีแต่ความเศร้าปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา การทดสอบครั้งแรกนี้ยากมากเกินไป

               
ห้องโถงของสมาคมปรุงยา อาวุโส

               
      “ท่านประธาน มองที่กระดาษคำตอบนี่สิขอรับ!”

               

     ภายในสมาคมปรุงยาทั้งหมด มีนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นสูงเพียงแค่สองคนเท่านั้น กู้เหยียนเป็นหนึ่งคนในนั้นและในขณะเดียวกันเขาก็เป็นประธานของสมาคมปรุงยา แห่งนี้ด้วย ผมของเขามีสีขาวและเขามีอายุมากกว่า หกสิบ ปี

               

        มันเป็นเพียงแค่ชุดของกระดาษคำถามและพวกนักปรุงยาระดับรอบรู้ขั้นต้นทั้งสองเหล่านี้ยังคงต้องการเร่งให้เขามองสิ่งนี้ ด้วยขณะนั้นกู้เหยียน กำลังอยู่ในกระบวนการทำยาทิพย์ให้บริสุทธิ์อยู่และการถูกขัดจังหวะนี้เป็นเหตุให้อารมณ์ของเขาไม่ใคร่ดีนัก

               

     “ท่านประธาน เหล่านี้คือกระดาษของนักเรียนผู้หนึ่ง โปรดมองดูด้วย!”

               

       ฮูเหยียน หมิงกล่าว ด้วยท่าทีตื่นเต้น แม้ว่าเขานั้นเห็นแล้วว่าอารมณ์ของประธานกู้เหยียนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พวกเขาทั้งสองยังคงไม่สนใจและยื่นกระดาษเหล่านี้ให้แก่เขา

               

        กู้เหยียนพ่นลมหายใจออกมาด้วยหน้าตาเย็นชาในขณะที่ทำการมองไปที่กระดาษและกล่าวขึ้นว่า “นักเรียนผู้นี้ทำได้ยอดเยี่ยมมาก คำตอบทั้งหมดล้วนถูกต้อง คำตอบบางข้อนั้นเป็นคำตอบที่สร้างสรรค์ยิ่ง จงนำเขาไปสู่การสอบรอบที่สองต่อไป!” ใบหน้าของกู้เหยียนผ่อนคลายลงเล็กน้อย เท่าที่ผ่านมา มีคนจำนวนไม่มากเท่าไหร่จะที่สามารถตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้อย่างถูกต้อง

               

       ฮูเหยียน หมิงและมู่หยางต่างคนต่างมองหน้ากันและยิ้ม ฮูเหยียน หมิงขึ้นไปและพูดว่า “ข้าต้องการร้องขอให้ท่านประธานอนุญาติให้เขาผู้นี้ผ่านการทดสอบที่เหลือและนำเขาเข้าสู่สมาคมปรุงยาโดยตรงเลยครับท่าน”

               

      “ผ่านการสอบและเข้าเป็นสมาชิกโดยตรงรึ?” คิ้วของกู้เหยียน เริ่มขมวด เขาได้ส่ายหัวของเขาและพูดว่า “นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพื่อที่จะเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นนี้ นอกจากต้องมีความรู้อย่างมากเกี่ยวกับทฤฎีการปรุงยาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ยังต้องมีด้วยนั้นก็คือความเชี่ยวชาญซึ่งขั้นตอนการทำให้ตัวยาบริสุทธิ์” แม้เขาผ่านมาได้ซึ่งรอบแรกแต่ถ้าหากเขาไม่มีประสบการณ์ฝึกฝนอย่างแท้จริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลายมาเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้น!”

               

         “ท่านประธาน จะเป็นเช่นไรถ้าหากบุคคลผู้นั้นคือเด็กที่มีอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้นล่ะท่าน? แม้ว่าเขาไม่มีซึ่งประสบการณ์เกี่ยวกับการปรุงยาเลย พวกเราก็สามารถเสริมให้เขาได้! ถ้าหากเราเสียอัจฉริยะผู้นี้ไป พวกเราจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน” มู่หยางที่อยู่ด้านข้างได้กล่าวขึ้น

               
    เมื่อได้ยินคำของมู่หยาง น้ำเสียงที่สงบนิ่งของกู้ หยางได้เปลี่ยนมาเป็นเสียงที่ตื่นเต้น

               
     “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? เขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุสิบสาม ปีเท่านั้นรึ?”

               
      “ใช่แล้ว ท่านประธาน! มู่หยางและฮูเหยียน หมิงพูดพร้อมกันพร้อมผงกศรีษะของพวกเขา”

               

       “ท่านทั้งสองกำลังร่วมมือกันแกล้งข้ารึ? เป็นเป็นได้เยี่ยงไรที่เด็กน้อยอายุสิบสาม ปีสามารถจะจำได้ซึ่งหนังสือมากมายเกี่ยวกับการปรุงยาและได้ตอบคำถามอย่างถูกต้องในกระดาษคำถามสำหรับนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นนี้?” กู้หยานนั้นมีท่าทีเฉียบแหลม ดวงตาทั้งสองกวาดไปทั่วที่มู่หยาง และฮูเหยียน หมิง


“มีหรือที่พวกเราจะกล้าหลอกลวงท่านประธานได้?”


        “จงนำตัวเขามาที่นี้ นอกจากนี้ เชิญผู้อำนวยการหยางมาที่นี่ในทันทีด้วย เรื่องนี้จะต้องไม่บอกแก่ผู้ใดไม่แม้แต่กระทั่งผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ด้วย เข้าใจมั้ย? กู้เหยียนพูดพร้อมกับมองไปที่มู่หยาง และฮูเหยียน หมิง ถ้ามีเช่นอัจฉริยะแบบนี้ เขาจะต้องเป็นผู้คอยเลี้ยงดูเขาผู้นี้จนกลายมาเป็นหนึ่งในคนที่จงรักภักดีต่อเขา(ใคร ๆ ก็จะหาประโยชน์กับเนี่ยลี่แต่หารู้ไม่ว่าเนี่ยลี่นั้นจะเป็นคนที่..)

             
“ขอรับ!” ใจของฮูเหยียน หมิงและมู่หยางเต้นแรง ความตื่นเต้นเต็มไปทั่วหน้าของเขาทั้งสอง

             
      ภายในสมาคมปรุงยา  มีผู้อาวุโสทั้งสิ้น หกคนซึ่งรวมถึงกู้เหยียนด้วย ผู้อาวุโสทุกคนต่างมีผลประโยชน์เป็นของตัวเอง การเก็บรักษาซึ่งความลับของกู้เหยียนไว้ ยังหมายความว่าจากแต่นี้ไปพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้อาวุโสคนนี้ด้วย

             
       มู่หยางเดินทางไปหาผู้อำนวยการหยาง ในขณะที่ฮูเหยียน หมิงเร่งรีบไปเรียกเนี่ยลี่

             
บนทางเดิน

             
        ชู่หนิงได้เดินออกมาแล้ว มีท่าทีเสียใจเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นเนี่ยลี่ซึ่งได้อยู่ข้างนอกมานานแล้ว คิ้วทั้งสองของเขากระตุกขึ้นทันใด

             
  ผู้คนจำนวนหนึ่งข้าง ๆ ตัวเขากำลังแหย่เนี้ยลี่อยู่ในขณะนี้

             
    “น้องชาย มีคำถามกี่ข้อกันที่เจ้าทำเสร็จแล้ว?” ผู้ชายคนหนึ่งพูดและได้หัวเราะเสียงดัง เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถผ่านการทดสอบได้

             
    เนี่ยลี่ยักไหล่ของเขา และพูดว่า “คำถามเหล่านั้นช่างแสนง่ายเหลือเกิน ข้าไม่รู้สึกท้าทายแต่อย่างใด”

             
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ ทุก ๆ คนต่างมองหน้ากัน

             
       คำพูดของเนี่ยลี่ได้เสียดแทงชู่หนิงโดยตรงผู้ซึ่งต้องฝ่าฟันกับคำถามเหล่านั้น เขาชะงักและพูดว่า “เจ้าเด็กอวดดี ถ้าเจ้าสามารถตอบคำถามถูกได้แม้เพียง หนึ่งส่วน แล้วล่ะก็ ข้าจะวิ่งแก้ผ้าไปรอบ ๆ เมืองกลอรี่สามรอบโดยเร็วพลัน!”

             
“ถ้าเช่นนั้นท่านสามารถเริ่มการวิ่งได้นับแต่บัดนี้” เนี่ยลี่พูดและหัวเราะเล็กน้อย

             
      ทุก ๆ คนต่างรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคำของเนี่ยลี่ ต่างสงสัยว่าความมั่นใจเหล่านั้นที่เขาแสดงออกมาจากที่ใด เขายังคงสงสัยด้วยว่าเนี่ยลี่ทำการสอบด้วยความสุจริตหรือไม่

             
ขณะนี้ ฮูเหยียน หมิงรีบเร่งวิ่งเข้ามา

             
      เมื่อได้เห็นชุดคลุมสีขาวของนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้บนตัวของฮูเหยียน หมิง ทุก ๆ คนได้ยืนขึ้นด้วยความเคารพในทันใด

             
    “เนี่ยลี่ เจ้าได้ผ่านซึ่งการทดสอบรอบแรกแล้ว!ตามข้ามานี่!” ฮูเหยียน หมิงกล่าว โดยไม่สนใจซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ เลย

             
       “ขอรับ” เนี่ยลี่ผงกศรีษะของเขาเล็กน้อย

             
 “ผ่านการสอบรอบแรก?”

             
    เมื่อได้ยินคำพูดของฮูเหยียน หมิงทุก ๆ คนเข้าสู่ภาวะงงงวย โดยเฉพาะชู่ หนิงชะงักราวกับถูกฟ้าผ่า

             
      สิ่งนี้เป็นไปได้เยี่ยงไร? เนี่ยลี่เป็นแค่เจ้าหนูอายุ สิบสาม ปีเท่านั้น'

             
 พวกเขาทั้งหลายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?'

             
         ข้ากำลังฝันอยู่หรือนี่?'

             
          เด็กน้อยอายุ สิบสาม ปีได้ผ่านการสอบรอบแรกได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบไม่รู้กี่หลายร้อยปี ต่างส่งสัยว่าฮูเหยียน หมิงต้องนำเนี่ยลี่ออกไปเป็นการส่วนตัวด้วย

             
         ทุก ๆ คนยังจำได้ถึงการเยาะเย้ยทั้งหลายที่พวกเขานั้นได้พูดกับเนี่ยลี่และในทันใดแก้มของพวกเขารู้สึกร้อนผ่าว เด็กน้อยอายุเพียง สิบสาม ปีได้ผ่านการสอบแล้วอย่างแท้จริง ในขณะที่พวกเขาไม่สามารถสอบให้ผ่านรอบแรกไปได้

             
       ชู่หนิงรู้สึกตกใจมากกับคำพูดเหล่านั้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเนี่ยลี่คนนั้นจะสามารถผ่านการสอบรอบแรกได้จริง

             
       เขาต้องโกงการสอบเป็นแน่! ใช่มันต้องเป็นกรณีนั้นอย่างแน่นอน!' ชู่หนิงสงสัยอยู่ในใจในขณะที่เขาเดินออกมากอย่างโงนเงน ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่สามารถผ่านการสอบรอบแรกไปได้ดังนั้นการถูกลงโทษโดยลุงของเขาจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

             
“เฮ้ ชู่หนิงไปแล้วรึ”

             
       “เจ้าไม่ได้พูดว่าจะวิ่งแก้ผ้ารอบเมืองกลอรี่ สาม รอบเมื่อครู่นี้หรือ?”

             
         ในสายตาของทุก ๆ คน ชู่หนิงหลบหนีอย่างสิ้นหวัง ถ้าให้เขาต้องวิ่งแก้ผ้าสามรอบไปรอบเมืองกลอรี่แล้ว เขาจะสามารถเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีกในวันข้างหน้า? ทุก ๆ คนมองไกลออกไปยังร่างของเนี่ยลี่ เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องซึ่งพนันไว้นั้นเลย เขาไม่แม้แต่จะต้องการข้องแวะกับชู่หนิง

             

        เนี่ยลี่และชู่หนิงนั้นมาจากสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความสำเร็จของเนี่ยลี่ที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้วนั้นทำให้ชู่หนิงทำได้เพียงมองเขาจากที่แสนไกล

             
      เมื่อได้เห็นฮูเหยียน หมิงซึ่งเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นมองอย่างพอใจไปที่เนี่ยลี่แล้ว ผู้คนรอบ ๆ ก็ช่วยไม่ได้เลยที่จะแสดงถึงสายตาอันชื่นชมต่อเนี่ยลี่ด้วย

             
สมาคมปรุงยา  ห้องโถงของสภา

             
         “เนี่ยลี่ เจ้ารอที่นี่ ท่านประธานและผู้อำนวยการหยางจะมาที่นี่ภายในไม่ช้านี้” ฮูเหยียน หมิงกล่าว ตาของเขามองดังเหยี่ยวไปยังอัจฉริยะที่อยู่เบื้องหน้าเขา พลังงานรอบตัวของเนี่ยลี่ทำให้ฮูเหยียน หมิงรู้สึกราวกับว่าเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่เด็กอายุ สิบสาม ปีคนหนึ่งแต่เป็นนักปรุงยาผู้หนึ่งที่อยู่ในระดับเท่าเทียมกัน

             

         “ขอรับ” เนี่ยลี่กล่าวพร้อมผงกศรีษะของเขาเล็กน้อย เขาเริ่มมองไปยังรอบ ๆ ห้องโถงของสภานี้ มันค่อนข้างใหญ่พอสมควร ที่กลางห้องนั้นมีโต๊ะกลมตัวหนึ่งพร้อมกับเก้าอี้อีกหลายตัว และกำแพงเหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยแผ่นกระดาษติดคลุมไปทั่ว

             
      “สิ่งเหล่านี้คืออะไร?” เนี่ยลี่ถามและมองไปที่ฮูเหยียน หมิง

             

       “ที่นี่คือสถานที่ซึ่งนักปรุงยาผู้รอบรู้ได้มาแลกเปลี่ยนแนวความเชื่อและแนวความคิด นักปรุงยาผู้รอบรู้เขียนลงไปซึ่งปัญหาที่พวกเขาได้พบในขณะการปรับปรุงตัวยาของพวกเขา เพื่อค้นหาคำตอบจากเหล่านักปรุงยาระดับผู้รอบรู้คนอื่น” ในบางครั้งท่านประธานและผู้อาวุโสผู้อื่นจะมาช่วยเหล่านักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นี้โดยตอบคำถามของพวกเขา และบางคนจะพิสูจน์มัน” ฮูเหยียน หมิงกล่าว “โดยผ่านซึ่งวิธีการเช่นนี้แล้วนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้จะสามารถเพิ่มซึ่งทักษะการปรุงยาให้แก่กันและกันได้

             

      “โอ้” เนี่ยลี่พูด ผงกศรีษะของเขา เขาเริ่มมองไปทั่วกำแพงเหล่านี้ เขาจำต้องแสดงซึ่งความสามารถให้สูงพอที่จะดึงความสนใจของประธานกู้เหยียนและคนอื่น ๆ มิเช่นนั้นแล้วจะถูกเพียงเลี้ยงดูอยู่ภายในสมาคมปรุงยา ซึ่งสิ่งนั้นไม่เพียงพอ สิ่งที่เนี่ยลี่ต้องการคือการยืมซึ่งพลังของสมาคมปรุงยา มาใช้

             

       ดูเหมือนว่าเนี่ยลี่มีความสนใจต่อองค์ความรู้ของการปรุงยา'' ฮูเหยียน หมิงคิดพร้อมกับยิ้มในขณะที่เขาตามเนี่ยลี่ เขาไม่คิดว่าเนี่ยลี่จะสามารถไขซึ่งหลายปัญหาที่ปรากฏบนกำแพงนี้ได้ คำถามเหล่านั้นไม่ได้รับการตอบมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว บางคำถามก็ไม่สามารถตอบได้แม้กระทั่งนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้ขั้นสูงอย่างกู้เหยียน จบตอน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น