วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 50 พลังหมัด

Tales of Demons & Gods บทที่ 50 พลังหมัด



                   การที่เสิ่นเอียเสนอตัวเองโดยฉับพลัน ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก


                 
      ภายในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด เสิ่นเอีย เอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อเป็นผู้ซึ่งใกล้จะทะลุซึ่งระดับบรอนซ์หนึ่งดาวแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นจุดสนใจทั้งปวง นอกจากสิ่งนี้แล้ว ยังมีอีกเหตุการณ์ที่ความสนใจจำนวนมากนั้นได้รวมตัวไปยังการเดิมพันระหว่างอาจารย์เสิ่นซิ่วและเนี่ยลี่ อย่างไรก็ตาม ผู้คนทั่วไปไม่คิดว่าเนี่ยลี่นั้นจะสามารถไปถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาวได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้


                 
         ถ้าการไปถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาวเป็นเรื่องง่ายเพียงนั้น ดังนั้นคงจะไม่มีผู้คนมากมายผู้ซึ่งไม่สามารถทะลุผ่านกำแพงนั้นได้และกลายมาเป็นนักต่อสู้หรือร่างทรงอสูรได้ตลอดชั่วชีวิตของพวกเขา


                 
         หินทดสอบพละกำลังนั้นเป็นหินขนาดมหึมา มันส่องประกายแวววาวดั่งโลหะออกมา นักต่อสู้สามารถต่อยไปยังหินทดสอบพลังด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเขา และหินทดสอบพลังจะเป็นรอยยุบบอกถึงระดับพลังที่แน่นอนจากหมัดนั้น ด้วยรอยที่ปรากฏขึ้นพวกเขาสามารถบอกซึ่งพลังของผู้ใดได้


                 
“บูม”


                 
      เสิ่นเอียได้ต่อยกำปั้นของเขาไปยังหินทดสอบพลัง รอยยุบจาง ๆ รอยหนึ่งปรากฏบนหินทดสอบพลัง


                 
       อาจารย์ทั้งหลายที่เป็นผู้ควบคุมได้เดินเข้ามาดู


                 
     “ผลการทดสอบ ระดับบรอนซ์หนึ่งดาว ค่าพลัง หนึ่งร้อยยี่สิบจุด!”


                 
        ซึ่งคนอื่น ๆ ก็กล่าวเช่นนั้น ว่าพลังหมัดของเสวิ่นเอียได้อยู่ระดับพลังประมาณที่หนึ่งยี่สิบจุด


                 

          นักเรียนจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดต่างอุทานออกมา พวกเขาไม่คิดฝันว่าเด็กผู้ชายเช่นเสิ่นเอียได้ก้าวไปถึงระดับเช่นนั้นแล้ว โดยทั่วไปนักเรียนผู้ซึ่งฝึกฝนพลังวิญญาณเพียงสิ่งเดียวจะมีพลังทางร่างกายที่จะค่อย ๆ ลดลง แต่กระนั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเสิ่นเอียมีอัตราการเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ  เขาได้ก้าวถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาวเรียบร้อยแล้ว


                 
           ทุก ๆคนมีโอกาสสามครั้งที่จะทดสอบกำลังของตัวเอง สำหรับค่าพลังที่ได้นี้ เสิ่นเอียไม่ค่อยรู้สึกพอใจกับมันสักเท่าใดนัก  เขาจัดตำแหน่งของตัวเองเสียใหม่ แล้วเขาก็รวบรวมพลังที่มีทั้งหมดของเขาและปล่อยหมัดออกไป


                 
       บูม!


                 
เสิ่นเอียได้ปล่อยหมัดลงไปบนหินทดสอบกำลังอีกครั้ง


                 
“ผลการทดสอบ ระดับบรอนซ์หนึ่งดาว พลังหนึ่งร้อยสามสิบจุด!”


                 
“ผลการทดสอบ ระดับบรอนซ์หนึ่งดาว พลังหนึ่งร้อยสามสิบห้าจุด!”


                 

         หลังจากเมื่อเห็นผลลัพธ์ของการสอบ เสิ่นเอียได้ปรากฏท่าทางที่แสดงความพอใจออกมาและกำลังไปสู่การทดสอบพลังวิญญาณต่อไป ผลการทดสอบพลังวิญญาณของเสวิ่นเอียปรากฏออกมา ที่พลังวิญญาณ หนึ่งร้อยสิบห้าจุด ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปผู้ใดที่มีพรสวรร์ทั้งการต่อสู้และจิตแห่งอสูรจะถูกเลือกให้กลายเป็นร่างทรงอสูร และพลังวิญญาณเป็นหนทางที่มีความสำคัญกว่าพละกำลังมากนัก


                 

  “พลังวิญญาณของเสิ่นเอียได้ก้าวผ่าน หนึ่งร้อยจุด เขาได้เป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาวเรียบร้อยแล้ว”


                 
    “การบ่มเพาะพลังที่รวดเร็วเช่นนี้ สมกับเป็นสมาชิกของตระกูลศักดิ์โดยแท้จริง”


                 
     “ทรงพลังมาก! เขาสามารถเข้าสู่ชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัดได้แล้ว”


                 
      “ถ้า ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาวยังคงไม่สามารถคู่ควรกับสิ่งนี้ เมื่อนั้นก็ไม่ผู้ใดอีกที่จะผ่านการคัดเลือก”


                 
        เมื่อได้ยินการพูดคุยกันของเหล่าผู้ชมทั้งหลาย ที่มุมปากของเสิ่นเอียนั้นได้ยกขึ้น มองอย่างภาคภูมิใจไปที่เนี่ยลี่และพวกของเขา


                 

      บทเวทีนั้น ด้วยระยะห่างที่ไม่ไกลมากนัก เหล่าคณาจารย์อาวุโสของสถาบันต่างแสดงรอยยิ้มพึงพอใจ สำหรับการที่ร่างทรงอสูรผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นภายในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัดเป็นเรื่องที่หาได้ค่อนข้างยาก


                 
       “ใครจะเป็นคนต่อไป?” อาจารย์ผู้คุมสอบได้มองไปยังกลุ่มคนใกล้ ๆ และถามขึ้น


                 
       “ให้ข้าเป็นคนต่อไป?” ลู่เพียวได้ก้าวออกมาจากฝูงชน เดินตรงไปยังหินทดสอบพลัง เหล่าฝูงชนของนักเรียนทั้งหลายต่างเริ่มการสนทนาของพวกเขา


                 
“นั้นคือลู่เพียว!”


                 
   “ลู่เพียวไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนมาเป็นเวลาช่วงหนึ่งแล้ว”


                 
     “ลู่เพียวไม่น่าจะถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาวได้ขณะนี้ ใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ที่จะกลายเป็นร่างทรงอสูรคนหนึ่งได้เลย”


                 

        เมื่อได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่านักเรียนอื่น ๆ ลู่เพียวยิ้มและมองไปยังเนี่ยลี่ ตู่ซื่อ และเพื่อนทั้งสาม พวกคนเหล่านี้คิดผิดและได้ประมาณพวกเขาต่ำเกินไป! หลังจากฝึกฝนซึ่งเทคนิคบ่มเพาะพลังของเนี่ยลี่แล้ว การบ่มเพาะหลังของลู่เพียวได้ก้าวผ่านไปไกลกว่าเพื่อนทั้งหลายของพวกเขามากนัก


                 
เขาได้มองไปที่เสิ่นเอียและกลุ่มของเขา ลู่เพียวแสดงรอยยิ้มแบบดูถูก โดยกระตุกคิ้วของเขา(ไปมา)


                 
      “เจ้าเด็กนี้มันชักจะอวดดีเกินไปแล้ว! พวกเราต้องสั่งสอนบทเรียนสักบทให้แก่เขาสักหน่อยเร็ว ๆ นี้ !” ลูกน้องหลายคนใกล้ ๆ เสิ่นเอียกล่าว


                 
        ตาของเสิ่นเอียได้หรี่ลง ปรากฏนัยย์ตาเย็นชา ตอนนี้แม้กระทั่งผู้ติดตามของเนี่ยลี่ก็กำลังท้าทายเขา พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าท้องฟ้านั้นมันสูงเพียงไหน?


                 
        ภายใต้สายตาของผู้ชมทุกคน ลู่เพียวได้เดินไปยังหินทดสอบพลัง และได้ยืนอยู่ด้านหน้าของมัน ลู่เพียวเหวี่ยงออกไปซึ่งหนึ่งหมัด


                 
      “หมัดนี้ของลู่เพียวจะมีกำลังมากสักเพียงใด? ” นักเรียนทั้งหลายที่อยู่ใกล้หัวเราะอย่างเย็นชา


                 
     เสียงหนึ่ง “ปั่ง” ดังกระจายไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ แม้แต่หินทดสอบพลังทั้งก้อนก็ยังคงสั่นด้วยเสียงนี้


                 
“มันเกิดอะไรขึ้น?”


                 
“เป็นเสียงที่ทรงพลังยิ่ง!”


                 
        อาจารย์ผู้คุมสอบอยู่ด้านข้างต่างงุนงงไปด้วย หลังจากเริ่มรู้สึกตกใจไปชั่วครู่ เขาได้เดินมายังลู่เพียวและทำการมองดูไปที่หินทดสอบพลัง เขาได้เงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า “ผลการทดสอบระดับบรอนซ์สองดาวระดับพลัง สองร้อยหกสิบห้าจุด!”


                 
ฝูงชนรอบ ๆ ทันใดได้เข้าสู่ภาวะโกลาหล


                 
“สิ่งนี้เป็นเป็นได้อย่างไร?”


                 
“ผลการทดสอบนี้ผิดพลาดหรือไม่?”


                 
         ผู้ใดก็รู้ว่าหมัดของลู่เพียวนั้นเป็นเพียงแค่หมัดเบา ๆ อันหนึ่ง หมัดนั้นเพียงอย่างเดียวก็ได้สะสมพลังมากไว้ถึงเพียงนั้น เขาอยู่ที่ระดับบรอนซ์สองดาวเรียบร้อยแล้ว และไม่ไกลจากระดับบรอนซ์สามดาวมากนัก ลู่เพียวยิ้มเล็กน้อย ในการฝึกตนช่วงนี้ของเขา เขานั้นไม่หยุดพักเลย และด้วยเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่ได้รับมาจากเนี่ยลี่พร้อมกับการใช้ยาทิพย์จำนวนมากในทุก ๆ วัน ไม่ต้องกล่าวถึงการอาบน้ำหญ้าทะเลหมอกม่วงด้วย เป็นเหตุให้การบ่มเพาะพลังของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้น


                 
     หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ทุก ๆคนต่างหลุดจากภาวะงุนงง และมองหน้าซึ่งกันและกัน ผู้หนึ่งที่อายุเพียง สิบสาม ปี ก็มีพรสวรรค์ทางด้านพลังถึงเพียงนี้ สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งท่ามกลางสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้ได้


                 
       “ไม่เลวเลย ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีอัจฉริยะผู้นี้ปรากฏตัวอยู่ในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด มันดูเหมือนกับนักเรียนกลุ่มนี้นั้นทำได้ดีกว่าที่เขาคิด“ หนึ่งในคณาจารณ์อาวุโสของสถาบันกล่าวด้วยรอยยิ้ม”


                 
      “ผลการทดสอบของนักเรียนในปีนี้ไม่ควรปรากฏออกมาแย่ได้ เพราะว่ายาทั้งหลายเหล่านั้นที่ออกมาจากสมาคมนักปรุงยา” ผู้หนึ่งของเหล่าอาวุโสกล่าวอย่างนุ่มนวล สิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงที่ผลจากยาของสมาคมปรุงยามีผลที่ทรงพลังมาก ซึ่งเป็นผลทำให้ระดับค่าเฉลี่ยของเหล่านักเรียนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก


                 
 เพื่อที่จะบำรุงเหล่าคนรุ่นใหม่นี้ ทุก ๆ ตระกูลต่างเต็มใจที่จะจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อยาเหล่านั้น


                 
         ลู่เพียวได้มองไกลออกไปยังเสิ่นเอียด้วยท่าทียั่วเย้า และได้เห็นใบหน้าของเสิ่นเอียเป็นสีดำคล้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากลู่เพียว! อย่างไรก็ตาม การคิดถึงความแข็งแกร่งของลู่เพียว เสิ่นเอียไม่สามารถช่วยได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ ลู่เพียวทำอย่างไรถึงเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่นานเช่นนี้ ? เขาได้ใช้ยาทิพย์เป็นจำนวนมากเช่นนั้นหรือ?


                 
         ใบหน้าของอาจารย์เสิ่นซิ่วก็กลายมาเป็นหน้าตาที่หน้าเกลียด แม้ว่าลู่เพียวจะเป็นนักเรียนของนาง ลู่เพียวมักจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลากับเนี่ยลี่ ซึ่งนั้นทำให้นางไม่ครั่นพอใจนัก นางตระหนักดีถึงผลการทดสอบกำลังเมื่อก่อนของลู่เพียว เขาเพิ่มความพละกำลังได้สูงถึงระดับที่น่าตกใจนี้ได้อย่างไร?


                 
       นั่นไม่ได้หมายความเนี่ยลี่ก็เป็นเช่นนั้นด้วย … ดวงตาของเสิ่นซิ่วได้มองไปยังเนี่ยลี่ ผู้ที่กำลังพูดคุยอย่างมีความสุขกับสองสาวนั้น'


                 
โอกาสที่สองของการทดสอบพลัง


                 
      ลู่เพียวยังคงยืนอยู่อย่างแน่วแน่ เขาใช้พลังทั้งหมดของเขาและเหวี่ยงหมัดหนึ่งไปยังหินทดสอบพลัง


                 
“บูม”


     
รอยกำปั้นลึก ๆ ปรากฏอยู่บนหินทดสอบพลัง


                 
         “ผลการสอบ: ระดับบรอนซ์สามดาว ค่าพลัง สามร้อยยี่สิบห้าจุด” อาจารย์ผู้คุมสอบถูกทำให้ชะงักไปชั่วครู่และพูดผลการสอบออกมาด้วยความพรั่นพรึง พรสวรรค์ของลู่เพียวนี้เป็นที่น่าตกใจเป็นที่สุด เขาเป็นอัจฉริยะที่พุ่งแรงอย่างแน่นอน


                 
      เหล่านักเรียนด้านหลังเขาที่ได้ผ่านการทดสอบไปแล้วนั้น กำลังสูดอากาศเย็นเฮือกใหญ่เข้าไป


                 
      “”WTF (ฟักแฟงคืออะไร อิอิ) พวกเขาจะให้โอกาสพวกเราลองใหม่สักครั้งได้ไหม”


                 
“ไม่ใช่มนุษย์!”


                 
        พวกเขาก็มีอายุเท่า ๆ กันที่ สิบสาม ปี ถ้าพลังที่พวกเขาทำได้นั้นสูงกว่าแปดสิบจุดก็จะนับได้ว่าเป็นผู้ที่โดดเด่นแล้ว อย่างไรก็ตามพลังของลู่เพียวได้ทะลุผ่าน สามร้อยจุด ไปยังระดับบรอนซ์สามดาวสิ่งนี้ได้ก้าวผ่านซึ่งความมั่นใจของพวกเขาไป


                 
     โดยไม่สนซึ่งความรู้สึกตกใจของฝูงชน ลู่เพียวสั่นหัวของเขา ปรากฏความไม่พอใจในผลการทดสอบของเขา เขาจัดตำแหน่งการยืนของเขาอย่างแน่วแน่ และเหวี่ยงหมัดทรงพลังหมัดหนึ่งไปยังหินทดสอบพลัง


                 
“บูม”


                 
         “ผลการสอบ: ระดับบรอนซ์สามดาว ค่าพลัง สามร้อยเจ็ดสิบจุด!” ผู้คุมสอบได้สูดหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวขึ้น สายตาที่เขามองลู่เพียวนั้นเป็นประกาย เขาคิดย้อนกลับไปเมื่อสมัยตัวเขานั้นเป็นเด็กนักเรียนคนหนึ่ง เขายังถึงเพียงแค่ระดับบรอนซ์หนึ่งดาวเท่านั้น ลู่เพียวนั้นน่าจะสามารถเข้าสู่ระดับชั้นเรียนผู้มีพรสวรรค์ของสถาบันกล้วยไม้ศักด์สิทธิ์ได้


                 

      จำนวนของนักเรียนที่สามารถเข้าสู่ชั้นเรียนของผู้มีพรสวรรค์นี้มีได้ไม่เกิน ห้าสิบ คน ที่จะกลายเป็นนักเรียนที่ได้เข้าชั้นเรียนผู้มีพรสวรรค์นี้ โดยการเรียนการสอนที่พวกเขาจะได้รับนั้นก็ต่างกับชั้นเรียนทั่วไป เพราะว่าทุก ๆ นักเรียนสิบ คนจะมีอาจารย์หนึ่งคนเป็นผู้ให้คอยให้ความรู้พวกเขา และพวกเขานั้นต่างเป็นอาจารย์ระดับหัวกะทิภายในสถาบันทั้งหมดนี้! ยิ่งไปกว่านั้น เหล่านักเรียนผู้มีพรสวรรค์จะได้รับการปกป้องเป็นพิเศษจากเมืองกลอรี่ ถ้าพวกเขาไม่ได้กระทำซึ่งความผิดซึ่งไม่สามารถจะให้อภัยได้ จะไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องตัวพวกเขาได้ มิเช่นนั้นแล้วมันจะเหมือนกับการไม่ปฏิบัติตามกฏของเมืองกลอรี่


                 
     เมืองกลอรี่ยังคงถูกรุนรานโดยสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเหล่านักเรียนผู้มีพรสวรรค์จึงได้ถูกปกป้องเป็นพิเศษ


                 
       “ลู่เพียวไม่ได้ใส่ใจในการฝึกตนอย่างถูกต้อง มิเช่นนั้นแล้ว การสอบของเขาคงจะไม่ออกมาต่ำเช่นนี้!” ตู่ซื่อที่อยู่ด้านข้างยิ้มออกมาเล็กน้อย


                 

         เหล่านักเรียนทั้งหลายที่อยู่ใกล้ ๆ หลังจากได้ยินซึ่งคำพูดของตู่ซื่อ ต่างชะงักอย่างตกใจ ลู่เพียวไม่ได้ฝึกอย่างหนักและยังสามารถทำซึ่งผลการสอบแบบนั้นได้ ถ้าเขาได้พยายามเต็มที่แล้วจะไม่ทำให้พวกเข้ารู้สึกสลดใจมากกว่านี้เหรอ? ช่วยไม่ได้เลยที่สายตาของพวกเขานั้นจะชำเลืองมาตกอยู่ที่ตู่ซื่อและพวกพ้อง ลู่เพียวได้อยู่ด้วยกันกับตู่ซื่อและเนี่ยลี่เมื่อพลังของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้น สามารถเป็นไปได้หรือไม่ว่าเนี่ยลี่และตู่ซื่อและพวกที่เหลือจะมีพลังแบบนั้นด้วย..


                 
     เริ่มต้นการทดสอบต่อไป ลู่เพียวเดินตรงไปเพื่อการทดสอบพลังวิญญาณ ลู่เพียวได้กำอัญมณีวิญญาณเอาไว้ในมือของเขา และการทำปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในอัญมณีวิญญาณนี้ ชั่วครู่หลังจากนั้น อัญมณีวิญญาณได้เปล่งจุดของแสง และค่อย ๆเพิ่มมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ สว่างมากและสว่างมากขึ้น


                 
       “ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาว ค่าพลังวิญญาณอยู่ที่ สามร้อยหกสิบเจ็ดจุด !”


                 
       เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการทดสอบพลังวิญญาณ


                 
        เมื่อได้ยินผลการสอบเช่นนั้น แม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสของสถาบันต่างอดเคลื่อนตัวไปมามิได้ ร่างทรงอสูรนั้นล้ำค่ายิงกว่านักต่อสู้มากนัก ผู้ที่มีอายุเพียง สิบสาม ปีที่เป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาวนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมากยิ่งนัก สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


                 
      “เจ้าหนูคนนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแน่นอน จัดให้เขาเข้าสู่ชั้นเรียนผู้มีพรสวรรค์” ความคิดของเหล่าอาวุโสต่างเห็นพ้องร่วมกันทั้งหมด ชื่อของลู่เพียวนั้นในไม่ใช้ก็เป็นที่จดจำของพวกเขาทุก ๆ คน เหล่าผู้อาวุโสบางคนต่างเตรียมตัวที่จะรับลู่เพรียวเข้ามาเป็นศิษย์ของเขา


                 
        ไม่มีสิ่งใดต้องพูดอีกเกี่ยวกับพรสวรรค์ของลู่เพียว ดังเหล่าผู้อาวุโสยังคงต้องการคนที่มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเพื่อช่วยยกสถานะของตัวพวกเขาเอง จึงมีเหล่าผุ้อาวุโสบางคงที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้ลู่เพียวมาเป็นศิษย์ของเขา


                 
      หลังจากการสอบ ลู่เพียวได้มายืนข้าง ๆ มองไปที่เนี่ยลี่ ตู่ซื่อและพรรคพวกพร้อมกับรอยยิ้ม เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับผลการสอบของเขา


                 
      ด้วยผลการทดสอบนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องถูกตำหนิโดยตาเฒ่าของข้าเมื่อข้ากลับถึงบ้าน ลู่เพียวคิดด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อชายชราคนนั้นได้เห็นผลการทดสอบของเขา กรามของเขาคงจะล่วงหล่นออกมาเป็นแน่



                   “ใครคือคนต่อไป?” อาจารย์ผู้คุมสอบมีดวงตาเป็นประกาย มองไปยังเหล่านักเรียนจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด ในการทดสอบคราวที่แล้วนั้น ไม่มีเคยมีนักเรียนที่มีพรสวรรค์ ผู้ใดเลยที่จะจุดแสงลุกโชนภายในดวงตาของผู้อื่นได้มาก่อน เขาไม่คิดว่านักเรียนจากชั้นเรียนฝึกหัดต่อสู้นี้ ผู้ใดเล่าจะมีความคิดว่าจะมีผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างน่าตกใจถึงสองคนได้'  สิ่งนี้ทำให้ตัวเขานั้นคอยติดตามดูการสอบของนักเรียนที่มาจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด จบตอน…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น