วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 52 ความอัปยศ   

Tales of Demons & Gods บทที่ 52 ความอัปยศ 



             ในการสอบของนักสู้ฝึกหัด คริสตัลวิญญานขั้นต้น ได้ระเบิดไปสามอันข่าวนี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงไปทั่วสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์


             ในห้องนี้ยังมีอะไรที่น่าขนลุกอีกไหมนี้ เด็กห้องนี้มันกินอะไรถึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้


             หลังจากทดสอบห้องนักสู้ฝึกหัดนี้จำนวนมาก ระดับที่ต่ำที่สุดคือ 

ระดับบรอนซ์หนึ่งดาว


             นี้มันใช่ห้องเรียนนักสู้ฝึกหัดแน่รึ


             ในห้องโถงสอบ ทุกๆคนต่างตกใจในพรสวรรค์ของเซี่ยวหนิงเอ๋อ และ เอียจื่ออวิ๋น


             สองเด็กผู้หญิงนี้มองหน้ากัน พวกเขามีสายตาปรากฏเป็นนัยว่าเป็นคู่แข่งของกันและกัน


             นับตั้งแต่ที่นางเข้ามาในสถาบันนี้เอียจื่ออวิ๋น ต้องการที่จะเป็นเพื่อนของ เซี่ยวหนิงเอ๋ออีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน นางก็มีพรสวรรค์ที่มากกว่าคนในรุ่นราวคราวเดียวกันของนาง นางไม่เคยถูกเหนือกว่าโดยคนรุ่นเดียวกันกับนางมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นเซียวหนิงเอ๋อ เอียจื่ออวิ๋นก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้


             พลังของพวกนางก็ไม่ได้ห่างกับคนอื่นๆมากนัก พวกนางรู้ว่า เพราะพวกนางได้รับความช่วยเหลือจากเนี่ยลี่ มิเช่นนั้น พลังของพวกนางคงไม่เพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้ เว้นแต่รู้สึกที่เป็นหนี้บุญคุณเนี่ยลี่ ยังมีความรู้สึกของพวกนางอย่างอื่นอีกที่ยากจะอธิบายได้


             เอียจื่ออวิ๋นเม้มริมฝีปาก แม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกชอบเนี่ยลี่มากนักก่อนหน้านี้ หลังจากที่นางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยลี่และเซี่ยวหนิงเอ๋อ นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจนิดๆ 'ถ้าเขาจะรักหนิงเอ๋อก็ดีอยู่แล้ว ทำไมเขายังบอกรักข้าอีก?'


             สำหรับหนิงเอ๋อ นางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเนี่ยลี่ชอบเอียจื่ออวิ๋น ยังไงนางก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกตกหลุมรักเนี่ยลี่ได้ สิ่งที่นางตั้งใจก็คือ ค่อยๆให้เนี่ยลี่มองมาที่นางแล้วก็ตกหลุมรักนาง


             สองสาวทำให้การแข่งขันหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง พวกนางเป็นเหมือนคู่แฝดกันในสายตาของคนอื่น


             "ใครจะสอบต่อไป ?" อาจารย์ผู้คุมสอบ มองไปที่นักเรียนจากห้องเรียนนักสู้ฝึกหัดด้วยความคาดหวัง หัวใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ด้วยพรสวรรค์ของคนเหล่านี้ พวกเขาสามารถที่จะเติบโตเป็นเสาหลักของเมืองกลอรี่ได้


             "ข้าเอง!" เนี่ยลี่เดินไปยังหินทดสอบพลัง


             เมื่อได้ยินเสียงพูดเนี่ยลี่ ทุกๆคนมุ่งความสนใจไปที่เขา


             เหล่าอาวุโสของสถาบันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากไปด้วย ยังมีคนได้เสนอตัวเองเพื่อรับการทดสอบของตัวเขาอีก เป็นไปได้ว่านักเรียนคนนี้จะมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ


             ส่วนเสิ่นซิ่ว มือทั้งสองของนางกำแน่นไปมองไปที่เนี่ยลี่ด้วยความเกลียดชัง ถ้าเนี่ยลี่อยู่ในระดับบรอนซ์หนึ่งดาว นางต้องทำตามคำมั่นของการเดิมพันและออกจากโรงเรียน! นางรู้สึกนิดๆว่าภายในดวงตาทั้งสองของเนี่ยลี่ปรากฏความดูถูกอยู่ในนั้น


             การออกจากสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่คำคัญเท่าไร แต่สิ่งที่นางไม่สามารถรับได้ก็คือ นางถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยใครบางคน


             นักเรียนทุกคนจากห้องนักสู้ฝึกหัด มองไปที่เนี่ยลี่ แววตาของพวกเขานั้นดูเหมือนจะซับซ้อนเกินเข้าใจ ก่อนหน้านี้เนี่ยลี่มีความขัดแย้งกับเสิ่นซิ่วในห้อง บ้างก็เห็นใจเขา บ้างก็เยาะเย้ยเขา แต่ยังไง ก็ไม่มีใครคาดว่าเนี่ยลี่จะถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาว ภายในสองเดือน ถึงแม้เนี่ยลี่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถก็ตาม


             แต่ตอนนี้ พวกคนเหล่านั้นจำเป็นต้องดึงความสัมพันธ์ของเนี่ยลี่มาใกล้ตัว หลังจากที่ได้เห็นพลังของพวกเขาเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเร็วมาก พวกเขาเหล่านั้นก็เริ่มอิจฉา ระดับพลังของพวกเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่างกับเนี่ยลี่แน่ๆ!


             เพื่อประโยชน์ของพวกเขาในอนาคต ผู้คนจำนวนมากเริ่มคิดที่จะหาวิธีที่จะได้ใกล้ชิดกับเนี่ยลี่ ถ้าเนี่ยลี่ได้ช่วยพวกเขาเหมือนช่วย ตู่ซื่อ ลู่เพียว เว่ยหนาน และ พวกที่เหลือ มันจะคุ้มค่ามาก


             สำหรับคนที่ได้รับผลกระทบจากพวกเขาเหล่านั้น  ทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวังกับผลสอบของเนี่ยลี่


             เนี่ยลี่ ยิ้มอย่างไม่แยแส และเดินไปยังหินทดสอบพลัง เขามองไปยังเวทีคนดูที่อยู่ไกลออกไป สังเกตุเห็นว่าเสิ่นซิ่วกำลังมองมาที่เขาด้วยหน้าตาที่หมองคล้ำ ตาเนี่ยลี่เป็นประกายด้วยความเย็นชา 


             ในขณะเดียวกันเอียจื่ออวิ๋นและผู้คน ก็ทอดสายตาของพวกเขาไปที่เนี่ยลี่พวกเขาตกใจมากในผลการทดสอบที่พวกของเนี่ยลี่ได้รับนี้ พอมานึกถึงตัวของเนี่ยลี่เอง ใครจะสามารถเพิ่มระดับพลังของตัวเองได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ ในหัวใจพวกเขาตอนนี้รู้สึกว่า นี้มันเป็นเรื่องจริงงั้นรึ


             มันเป็นเพราะเนี่ยลี่ คนที่สร้างพวกเขาเป็นคนใหม่ คนผู้ที่สร้างเหล่าผู้มีพรววค์พวกนี้ พลังของเนี่ยลี่นั้นต้องทำให้ผู้คนบนเวทีตื่นตกใจอย่างมาก ใช่ไหม ?


             ท่าทีของเนี่ยลี่สงบ ในขณะที่เขาเริ่มปล่อยหมัดไปที่หินทดสอบพลัง


             ตู้ม!


             หินทดสอบพลังมีเสียงออกมาเล็กน้อย


             ผลสอบ : ระดับบรอนซ์หนึ่งดาว ระดับพลัง หนึ่งร้อยจุด! อาจารย์ผู้คุมสอบมองผลทดสอบ และประกาศออกมาดังมาก น้ำเสียงเขาบ่งบอกถึงความผิดหวัง สำหรับนักเรียนของชั้นฝึกหัดที่สามารถไปถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาว ถือว่าไม่เลว ยังไงก็ตาม หลังจากที่มองผลสอบของ เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ ตู่ซื่อ และคนก่อนหน้านี้ ผลทดสอบของเนี่ยลี่ก็ไม่น่าตกใจมาก


             ทดสอบครั้งที่สอง ระดับพลัง หนึ่งร้อยจุด!


             ทดสอบครั้งที่สาม ระดับพลัง หนึ่งร้อยจุด!


             อาจารย์ผู้คุมสอบ พึมพำกับตัวเอง แปลกมาก นักเรียนทุกคนจะมีความแตกต่างเล็กน้อยในผลทดสอบของเขา แต่นักเรียนคนนี้ได้ผลการทดสอบ หนึ่งร้อย ทั้งหมด มันแปลกมาก ถ้าให้เขาเดาความแข็งแกร่งสูงสุดของเขาน่าจะเป็นเพียง หนึ่งร้อยเท่านั้น!


             เมื่อเห็นผลสอบของเนี่ยลี่ หน้าของเสิ่นซิ่ว ก็ซีดขึ้นทันที หากระดับพลังของเนี่ยลี่มากกว่าระดับบรอนซ์หนึ่ง ดาวก็ไม่เท่าไร แต่ว่า มันเข้าเป้าตรงเผงที่ระดับบรอนซ์หนึ่ง ดาว ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้เสิ่นซิ่วแทบจะเป็นบ้า


             เนี่ยลี่ดูราวกับว่า เขาไม่ได้สนใจอะไรกับผลการสอบของเขา ยักไหล่ และ ยิ้ม "เป็นโชคดีของข้าจริงๆ ที่เป็นระดับบรอนซ์หนึ่งดาวได้!"


             ตู่ซื่อ ลู่เพียวและพรรคพวก มองหน้ากัน เป็นไปไม่ได้ ! พลังของเนี่ยลี่ ต้องไม่ใช่แค่ หนึ่งร้อยจุด มีเพียงคำอธิบายเดียวก็คือ เนี่ยลี่นั้นได้ซ่อนพลังของเขาไว้! ตู่ซื่อ และ ลู่เพียว ไม่อดไม่ได้ที่จะได้เพียงแต่อ้าปากค้างด้วยความชื่มชม แม้ว่าความแข็งแกร่งปัจจุบันเขาจะอยู่เหนือกว่าเนี่ยลี่ แต่การควบคุมพลังของเขายังห่างไกลกับเนี่ยลี่มากนัก ถ้าเป็นพวกเขา พวกเขาคงไม่สามารถที่จะชกทั้ง สาม หมัดที่ระดับพลังหนึ่งร้อยจุด ได้


             "เนี่ยลี่เจ้านี่มันร้ายกายจริง ๆ เลย เมื่อ เสิ่นซิ่วเห็นทั้งหมดว่า ทั้งสามครั้งเจ้าพยายามเน้นคะแนนตรง หนึ่งร้อยจุดนางอาจจะโกรธมาก" หลู่เพียว พูดหัวเราะไปด้วย


             เมื่อพวกเหล่าอาวุโส มองเห็นการทดสอบนี้ พวกเขามองหน้ากันแล้วสนทนากัน


             ระดับบรอนซ์หนึ่งดาวไม่เลว


             น่าเสียดายที่ยังเทียบกับนักเรียนคนอื่นไม่ได้


             ลองดูที่ พลังวิญญาน บางทีอาจจะทำให้พวกเราประหลาดใจ!


             หลังจากทดสอบพลังเสร็จ เนี่ยลี่ ก็ไปยังขั้นตอนต่อไป รับคริสตัลวิญญาณมาจากอาจารย์ผู้คุมสอบ หลังจากนั้น เขาก็ใส่พลังไปยังคริสตัลวิญญาณ และมันค่อยๆปรากฏจุดแสงในคริสตัล


             "พลังวิญญานหนึ่งร้อยร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว" หน้าของอาจารย์ผู้ดูแล เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในใจคิด่า นักเรียนคนนี้แปลกมาก ไม่ว่าจะเป็นพลัง และ พลังวิญญาน ทั้งหมดหนึ่งร้อยจุดพอดี แต่ถึงยังไง เขาก็ไม่ได้สงสัย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ว่าจะโกงคริสตัลวิญญาณได้ และเนี่ยลี่ไม่น่าจะโกงเพราะว่าการโกงไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับเขาเลย


             ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว


             พลังวิญญานอยู่ในระดับร่างทรงอสูรบรอนซ์หนึ่งดาว พอดี!


             เสิ่นซิ่วเต็มไปด้วยความโกรธ เป็นไปได้ไง เป็นไปได้ไงกัน! ถ้าเนี่ยลี่มีพรสวรรค์น้อยกว่านี้แม้เพียงนิดเดียว เขาจะไม่สามารถเข้าสู่ระดับบรอนซ์หนึ่งดาวได้เลย!


             เมื่อเห็นผลสอบของเนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋น และเซี่ยวหนิงเอ๋อ เข้าใจทั้งหมด เนี่ยลี่จงใจทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม พวกนางก็อยากรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้ามันเป็นการทดสอบพลัง เนี่ยลี่สามารถควบคุมพลังได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ คริสตัลวิญญาณมันไม่สามารถจะโกงได้ แล้วเนี่ยลี่ทำได้ยังไง ?


             ก็เพราะว่า สิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเนี่ยลี่จะทำไม่ได้ ความลับของเนี่ยลี่มีเยอะมากเกินไป!


             ภายใต้สายตาของผู้คน เนี่ยลี่เดินมาหา เอียจื่ออวิ๋น และ เซี่ยวหนิงเอ๋อ แล้วได้ยืนอยู่ระหว่างพวกเขา เอียจื่ออวิ๋น และ เซียวหนิงเอ๋อ คนหนึ่งอยู่ข้างขวา และ อีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย สิ่งนี้ทำให้ทุกๆคนอิจฉา ทำไมเนี่ยลี่จึงโชคดีเช่นนี้ ?


             เอียจื่ออวิ๋น และ เซี่ยวหนิงเอ๋อ ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าได้พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนรัก พวกเขาจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ!


             ในขณะนี้เย่เซิ่งเห็น เนี่ยลี่ยืนกับ เอียจื่ออวิ๋น และ เซี่ยวหนิงเอ๋อ ดูราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามคาดหวัง เขาพบว่ามันแปลกๆ เนี่ยลี่อายุยังน้อย แต่ ความสงบอย่างทรงพลังที่เนี่ยลี่แสดงออกมา ทำให้คนอื่นๆรู้สึกไม่ธรรมดา


             "ส่งเนี่ยลี่ ไปยังชั้นเรียนของผู้มีพรสวรรค์" เย่เซิ่ง พูดหลังจากที่เงียบมานาน


             "ท่านรองอาจารย์ใหญ่ นี้มันผิดกฏอย่างมหันต์ เขายังแค่ระดับบรอนซ์หนึ่งดาวเท่านั้น"


             "ผิดเช่นใด? ข้ามีความคาดหวังในตัวเขามาก" คิ้วของ เย่เซิ่ง ยกขึ้น และพูดด้วยเย็นชา


             เห็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของ เย่เซิ่ง ผู้คนที่อยู่ข้างๆเขา มองหน้ากัน คิดครู่นึง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ในกรณีที่อาจารย์ใหญ่ไม่อยู่ รองอาจารย์ใหญ่มีอำนาจที่สุด พวกเขาไม่สามารถขัดผู้เป็นหัวหน้าของเขาได้


             ในการทดสอบต่อมา ไม่มีใครในชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัด ที่ผลสอบจะทำให้ตาทุกๆคน ลุกโชนพวกเขาทั้งหมดไม่มีใครถึงระดับบรอนซ์หนึ่งดาว แม้ว่า ทุกๆคนจะผิดหวังเล็กน้อยหลังจากที่คิดมันจบแล้ว เย่เซิ่ง และที่เหลือ ก็ยังคงมีความพึงพอใจ ชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัด ที่ได้เข้าสู่ชั้นเรียนของผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก เหนือความคาดหวังของพวกเขามาก


             ปีสอบของชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัด ทำให้เกิดความตื่นเต้นไปทั่วโรงเรียน ไม่บ่อยมากที่ชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดจะเป็นจุดสนใจขนาดนี้


             การสอบยังดำเนินการต่อไป เสิ่นซิ่ว เดินไปข้างๆของ เย่เซิ่ง ในขณะนี้ นางรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก


             "ท่านรองอาจารย์ใหญ่ ข้าขอลาออกจากโรงเรียน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่เป็นอาจารย์ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว" เสิ่นซิ่ว พูด การเดินพันของนางกับเนี่ยลี่รู้กันไปทั่วทั้งสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้านางผิดคำเดิมพันที่พนันกับเนี่ยลี่ นางจะถูกดูถูกเอาได้ และทำให้ชื่อเสียงของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้รับผลกระทบไปด้วย


             "อาจารย์ เสิ่นซิ่ว ทำไมเจ้าถึงต้องการที่จะลาออกด้วย" เย่เซิ่ง ยิ้มเล็กน้อย และ พูดต่อว่า " ชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดของเจ้าได้เข้าสู่ชั้นเรียนของผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก โรงเรียนยังต้องให้รางวัลแก่เจ้า !ข้าเชื่อว่านักเรียนเหล่านั้นในชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัด ต้องการอาจารย์เช่นเจ้า!"


             ได้ยินคำของ เย่เซิ่ง นางไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย แต่ทำให้รู้สึก เหมือนถูกตบไปที่หน้าของนาง นางรู้ว่าเหล่านักเรียนผู้มากด้วยพรสวรรค์พวกนั้นไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลย พวกเขาบางคนก็ไม่ได้เข้าห้องมาเป็นเดือน นางได้แต่หลับตาข้างหนึ่งในสถานการณ์นี้(ยอมปล่อยไป) และ รอให้ปีสอบมาถึง และดูว่านักเรียนพวกนั้นจะขายหน้ายังไง ยังไงก็ตามนางไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวนางเช่นนี้


             ผลสอบของนักเรียนเหล่านั้นไม่ได้เป็นไปตามที่นางคิดไว้ แทนที่จะขายหน้าในการสอบแต่กลับกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ในโรงเรียนกันทั้งหมด


             "ข้าได้ตัดสินใจแล้ว หวังว่าท่านจะยอมรับมันด้วย!" เสิ่นซิ่ว พูดแบบตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว


             ความจริงคือ เย่เซิ่ง รู้อยู่แล้ว ว่า เสิ่นซิ่ว ได้เดิมพันกับเนี่ยลี่ เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ถ้าเจ้าคิดดีแล้ว พวกเราก็จะไม่ห้ามเจ้า"


             หลังจากได้ยินคำพูดของ เย่เซิ่ง เสิ่นซิ่วมองไปที่เนี่ยลี่ที่กำลังอยู่ในห้องโถงอย่างโกรธแค้นมาก แล้วก็เดินจากไป


              ถูกให้ลาออกจากเด็กนรกในห้องนักเรียนฝึกหัด นี้มันเป็นความอัปยศครั้งยึ่งใหญ่ของนาง!! วันหนึ่ง นางจะต้องกลับมาแก้แค้น...จบตอน 

Tales of Demons & Gods บทที่ 51 ระเบิด?

Tales of Demons & Gods บทที่ 51 ระเบิด?



             “ข้าจะเป็นคนต่อไป” ตู่ซื่อเดินตรงไปยังหินทดสอบพลัง


             เมื่อมองตู่ซื่อเดินตรงไปยังหินทดสอบพลัง ลู่เพียวกรอกตาไปมา ทั้งๆที่ในที่สุดลู่เพียวก็สามารถเรียกความสนใจจำนวนหนึ่งมาได้แล้ว และในตอนนี้ ความสนใจเหล่านั้นจะถูกแย่งชิงไปโดยตู่ซื่อ


             เมื่อเทียบกับนักเรียนธรรมดานั้น ลู่เพียวเป็นจุดศูนย์กลางของความน่าภาคภูมิใจ เขาเป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาวที่มีอายุเพียงสิบสามปี อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับตู่ซื่อ ระยะห่างระหว่างพวกเขามีมากยิ่งนัก พวกเขาทั้งสองได้ฝึกการบ่มเพาะพลังร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ตู่ซื่อได้ฉุดตัวเขาเองให้ห่างไกลออกไปซึ่งการบ่มเพาะพลังของลู่เพียว


             ตู่ซื่อได้มาถึงด้านหน้าของหินทดสอบพลัง ใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่แล้วของเขาล้วนสงบนิ่ง เขายกกำปั้นของเขาขึ้นและเหวี่ยงซึ่งหมัดทรงพลังหนึ่งหมัดไปยังหินทดสอบพลัง


             “บูม”


             เสียงนั้นดูทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับลู่เพียว เสียงพุ่งผ่านไปทั่วทั้งห้องโถงและหินทดสอบพลังก็กำลังสั่นไหว


             “ผลการทดสอบ: ระดับบรอนซ์ห้าดาว ค่าพลังห้าร้อยจุด ” อาจารย์ผู้คุมสอบอ้าปากค้าง กำลังคิดว่า


             “วันนี้มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ?” เพียงเมื่อครู่นี้ ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สามดาวอายุสิบสาม ปีได้ปรากฏตัวขึ้น และตอนนี้ ระดับบรอนซ์ห้าดาวก็ปรากฏโผล่ขึ้นมา


             เหล่านักเรียนรอบ ๆ เข้าสู่ภาวะเงียบงัน ตู่ซื่อนั้นเป็นยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดมากกว่าลู่เพียวโดยแท้จริง!


             หัวใจของพวกนักเรียนต่าง ๆ สูญสลาย ความหึกเหิมของการสอบของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก


             สำหรับพวกเหล่าอาวุโสที่อยู่ในเวทีสังเกตุการณ์ พวกเขาทั้งหลายต่างหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง ร่างทรงอสูรระดับระดับบรอนซ์ห้าดาวที่อายุสิบสามปี เป็นเวลานานแค่ไหนกันที่ไม่มีผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ปรากฏตัวขึ้นในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ?


             “ไม่มีใครจะสามารถแย่งตัวเขาไปจากข้าได้ เขาผู้นั้นคือศิษย์ของข้า!” เย่เซิ่งพูดอย่างตื่นเต่น


             “ท่านรองอาจารย์ใหญ่ ท่านเป็นคนโหดร้ายเยี่ยงนี้ได้อย่างไร การจะฝึกสอนผู้หนึ่งบนหนทางของนักสู้ ข้านั้นสมควรเป็นอาจารย์ของเขามากและมากกว่าผู้ใดทั้งสิ้น ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้ข้าสอนเขาล่ะ?” ชายชราผู้หนึ่งพร้อมกับหนวดและเส้นผมเป็นสีขาวได้รีบพูดขึ้นมาทันทีทันใด


             “นักเรียนคนนั้นที่มาพร้อมกับความพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ท่านคิดว่าความพรสวรรค์ของเขานั้นจะถูกกักขังให้เป็นเพียงแค่นักสู้คนหนึ่งเท่านั้นรึ ?” ดวงตาของเย่เซิ่งปรากฏแสงไฟลุกโชน


             “ไม่จำเป็นสำหรับการทดสอบในหนที่สอง” ตู่ซื่อพูดเบา ๆ แล้วเดินไปยังด้านข้าง เขาเตรียมตัวสำหรับการทดสอบพลังวิญญาณ


             “เจ้าไม่ต้องการที่ลองทดสอบสำหรับหนสองแน่แล้วรึ?” อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าว “ถ้าเจ้าลองทดสอบในรอบที่สอง แล้วพลังของเจ้าอาจจะสูงกว่าห้าร้อยจุดก็เป็นได้นะ” อาจารย์ผู้นั้นได้พูดพร้อมกับความคาดหวัง


             อย่างไรก็ตาม การตอบกลับที่เขาได้รับเป็นเพียงภาพด้านหลังอันเยือกเย็นของเด็กวัยเยาว์ โดยเสียงของตู่ซื่ออย่างแผ่วเบาได้เปล่งออกมา “นี่เป็นพลังมากที่สุดซึ่งข้าสามารถทำได้แล้ว”


             “ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า!” อาจารย์ผู้นั้นผงกศรีษะเล็กน้อย จำนวนพลังเท่านี้ก็น่าตกใจอย่างมากแล้ว ถ้ามันทรงพลังยิ่งกว่านี้ เขาจะได้ก้าวไปถึงระดับซิลเวอร์ในไม่ช้า ระดับซิลเวอร์ที่อายุสิบสามปีสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ


             ตู่ซื่อได้หยิบคริสตัลวิญญาณขึ้นมา และปล่อยพลังวิญญาณของเขาเข้าไปในคริสตัลวิญญาณ คริสตัลวิญญาณเปล่งแสง จุดสีขาวภายในอัญมณีค่อยปรากฏมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ


             คริสตัลวิญญาณระดับต้นได้สว่างช่วงโชติดังดวงอาทิตย์เล็ก ๆ


             บูม !


             คริสตัลวิญญาณได้ระเบิดออก เศษชิ้นส่วนร่วงหล่นลงสู่พื้น


             “ระเบิด?!”


             “อะไรกัน! นี่มันจะสุดยอดมากเกินไปแล้ว ”


             “พลังกายของเขาเพียงอย่างเดียวก็มีมากถึงห้าร้อยจุดข้าไม่เคยคาดคิดว่าพลังวิญญาณของเขาจะสุดยอดมากถึงเพียงนี้”


             “พระเจ้า สิ่งนี้มันจะไม่ผิดปกติเกินไปรึ”


             คริสตัลวิญญาณระดับต้นสามารถทนต่อพลังวิญญาณได้มากที่สุดที่หกร้อยจุด เมื่อพลังได้ล่วงเลยไป มันจะระเบิดออก โดยทั่วไปแล้วชั้นเรียนฝึกหัดจะใช้เพียงคริสตัลวิญญาณระดับต้นเพราะว่า ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ที่คริสตัลวิญญาณจะระเบิดมาก่อน แม้กระทั่งเมื่อตอนท่านเอียมัวอายุได้ สิบสามปี เขาก็ยังไม่มีความเร็วในการบ่มเพราะพลังที่น่าตกใจเช่นนี้


             ทันใดนั้นทุกๆ คนต่างมองไปที่ตู่ซื่อด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ตู่ซื่อได้ทำลายความเข้าใจของพวกเขาลงเรียบร้อยแล้ว ในภายภาคหน้าเขาสามารถที่จะแข็งแกร่งได้เทียบเท่าท่านเอียมัวในเมืองกลอรี่?


             เย่เซิ่งได้เงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะเริ่มพูดอย่างสงบ “ข้าจะรายงานเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปยังอาจารย์ใหญ่และท่านเอียมัว ตู่ซื่อจะได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษที่มากขึ้น ด้วยพรสวรรค์ทีเกินกว่าความสามารถของข้าถึงเพียงนี้ ข้าต้องปรึกษาเป็นการส่วนตัวกับท่านเอียมัวเพื่อหาอาจารย์ที่เหมาะสมของเขา”


             ค่าพลังห้าร้อยจุด และค่าพลังวิญญาณมากกว่าเกินกว่าหกร้อยจุด ตู่ซื่อได้ทำให้ทุก ๆ คนตกใจอย่างสุด ๆ


             “ท่านรองอาจารย์ใหญ่ พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนคริสตัลวิญญาณหรือไม่” อาจารย์ผู้คุมสอบได้ถามไปยังเย่เซิ่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


             “ไม่จำเป็น!” เย่เซิ่งสั้นศรีษะของเขา “ข้าจะพาเขาไปหาเหล่าผู้อาวุโสของพวกเราเพื่อทดสอบพลังวิญญาณของเขาเป็นการส่วนตัว”


             นอกจากการนำเขาไปทดสอบด้วยเหล่าผู้อาวุโสแล้ว เขายังคงจำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นแล้วถ้ากลุ่มสมาคมทมิฬล่วงรู้ซึ่งข้อมูลนี้ไป มันจะเป็นปัญหาอย่างมาก


             “เข้าใจแล้ว!” อาจารย์ผู้คุมสอบมองไปยังตู่ซือ พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “การสอบของเจ้าได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


             เจ้าเด็กผู้นี้ ความสำเร็จในภายภาคหน้าของเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย เขาอาจจะมีโอกาสเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานคนที่สองได้


             การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ? ตู่ซื่อค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขายังคงก้มศีรษะของเขาและได้เดินมายังที่มุมหนึ่ง


             ณ เวลาตอนนี้ นักเรียนทั้งหมดต่างมองไปที่ตู่ซื่อด้วยความหวาดกลัว บุคคลผู้นี้จะสามารถเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานได้!


             หลังจากเสิ่นเอียได้ชะงักด้วยความรู้สึกตกใจชั่วขณะ สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้น กำปั้นทั้งสองของบีบอัดอย่างแน่น ก้อนเลือดได้ไหลออกมาจากกึ่งกลางของฝ่ามือเขา ในการสอบครั้งนี้เขาตระหนักถึงระยะห่างของตู่ซื่อและพวกที่เหลือที่จะห่างและห่างมากขึ้น เขาไม่สามารถไล่ตามพวกนั้นได้เสียแล้ว


             “พวกมันเพิ่มการบ่มเพาะพลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร” ดวงตาของเสิ่นเฟยปรากฏความมืดมิด เขามีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งปวงล้วนเชื่อมโยงไปยังเนี่ยลี่ มันเป็นไปได้ว่าเนี่ยลี่เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือพวกของทั้งสองในการค้นหาเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เหมาะสม!


             แน่นอน มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเสิ่นเฟย อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ได้เลยว่าเขานั้นคาดเดาได้อย่างถูกต้อง


             “เสิ่นซิ่ว ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแจ้งข่าวของเหล่านักเรียนที่มีพรสวรรค์ที่อยู่ในชั้นเรียนของเจ้ากัน?”


             เหล่าอาวุโสจำนวนไม่น้อยได้มองมายังเสิ่นซิ่วและถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โชคยังดีที่ลู่เพียวและตู่ซื่อได้รับการทดสอบ มิเช่นนั้นแล้ว ถ้าหากถูกล่วงรู้โดยสมาคมทมิฬก่อนละก็ สถานการณ์อาจผลิกผันเป็นเรื่องหายนะได้


             เสิ่นซิ่วอ้าปากของนางค้าง แต่ไม่ได้พูดสิ่งใด


             ใบหน้าของเสิ่นซิ่วกลายมาเป็นหน้าตาหมดหวังและหมดหวังขึ้นเรื่อย ๆ นางคิดว่านางนั้นเข้าใจถึงศักยภาพของพวกเขาทั้งสอง


            ช่วงเวลาหนึ่งก่อนหน้านี้ การบ่มเพาะพลังของทั้งสองยังไม่แม้กระทั่งจะสังเกตุได้ ดังนั้นเป็นเป็นได้อย่างไรที่พวกเขาจะเพิ่มมันได้รวดเร็วเช่นนี้?! นี่เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างแท้จริง!


          อย่างไรก็ตาม นางจะไม่บอกข้อมูลเหล่านี้กับเหล่าผู้อาวุโสของสถาบัน ถ้าเหล่าอาวุโสได้รู้ว่าลู่เพียวและตูซื่อได้ทำการเพิ่มการบ่มเพาะพลังของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้แล้ว มันจะยิ่งเป็นการดึงดูดความสนใจไปยังพวกเขาทั้งสองมากขึ้น!


             ในตอนนี้ ภายนอกของห้องโถงทดสอบ เหล่านักเรียนจากชั้นเรียนร่างทรงอสูรกำลังยุ่งอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์


             “ข้าสงสัยว่า ผลการสอบของพวกขยะที่มาจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดจะเป็นอย่างไร?”หนึ่งในนักเรียนของชั้นร่างทรงอสูรกล่าว ชื่อของเขาคือชี่หัว เขาคือหัวหน้าของชั้นเรียนร่างทรงอสูร และมีการบ่มเพาะพลังอยู่ที่ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สองดาว

             “ด้วยมีชั้นเรียนมากมาย จนถึงตอนนี้มีเพียงแต่ผู้อายุ ไม่เกินสิบห้าปีเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติครบเพื่อเข้าร่วมชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัด เป็นไปได้ว่ามีเพียงเด็กผู้หญิงสองคนนั้นเท่านั้นที่จะมาเข้าชั้นเรียนของพวกเรา นอกจากนางสองคนนั้น คนอื่นคงไม่มีหวัง!” ชี่หัวกล่าว เขานั้นตกหลุมรักเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ หวังว่าพวกนางทั้งสองจะเข้ามาในชั้นเรียนของพวกเขา


             “ข้าได้ยินมาว่า เสิ่นเอียผู้นั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน เขาได้ถึงร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาวแล้ว”


             “จริงรึ?” ชี่หัวเบ้ปากอย่างเหยียดหยัน ถึงแม้ว่าเสิ่นเอียจะเป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว เสิ่นเอียก็ยังคงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้


             ในขณะนี้ เหล่านักเรียนจากชั้นเรียนอื่นกำลังส่งเสียงดังอย่างอลหม่าน


             “มันเป็นไปได้อย่างไร?”


             “สามารถเป็นไปได้ว่ามีบางสิ่งผิดพลาดเกี่ยวกับสอบหรือไม่”


             “เป็นไปไม่ได้หรอก หินทดสอบพลังนั้นได้ผ่านการสอบของนักเรียนมากมายมาก่อนหน้านี้แล้ว มันไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดเกี่ยวกับทดสอบเลย!”


             “พระเจ้า สิ่งเหล่านี้มันกำลังไปขัดกับสวรรค์อยู่หรือไม่”


             ชี่หัวทำหน้าไม่พอใจ มองไปเพื่อนร่วมชั้นของเขาและถามขึ้นว่า


             “มีสิ่งใดเกิดขึ้น ? มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับพวกนั้น?”


             “ชี่หัว สิ่งนี้ไม่น่าเชื่อได้เลย!”


             หนึ่งในนักเรียนยังคงอยู่ในการอาการตกใจอย่างสุด ๆ เขาสูดหายใจลึกและพูดว่า “สองคนในชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดมีผลการสอบอย่างไม่น่าเชื่อ!”


             “มันเป็นแค่ชั่นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด แม้พรสวรรค์ของเขาจะไม่เลวร้ายนัก แต่อย่างมากคงได้เพียงแค่ระดับร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาวมีเรื่องอะไรกันที่ต้องน่าตกใจกัน?” ชี่หัวพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเบา ๆ


             “ไม่ใช่ ถ้ามันเป็นแค่ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว มันจะไม่ดึดดูงความสนใจถึงเพียงนี้ได้อย่างแน่นอน สามคนในชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดได้เสร็จซึ่งการสอบของพวกเขาแล้ว คนแรกผลการสอบว่าเป็นร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์หนึ่งดาว และผลการทดสอบของผู้ต่อมาปรากฏว่าเป็น ร่ร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สองดาว ส่วนคนสุดท้ายนั้นน่าตกใจยิ่งกว่าเสียอีก คริสตัลวิญญาณขั้นต้นได้ระเบิดออกมา!ระเบิดออก! พระเจ้า! มันจะสุดยอดเกินไปแล้ว!”


             “ใครบางคนสามารถระเบิดซึ่งคริสตัลวิญญาณขั้นต้นได้เช่นนั้นหรือ?” ตาของชี่หัวหมุนวนไปมาด้วยความรู้สึกตกใจสุด ๆ


             “หลังจากเขาระเบิดคริสตัลวิญญาณขั้นต้นแล้ว อาจารย์ผู้คุมสอบไม่ให้เขาสอบใหม่อีกครั้ง ดังนั้น พวกเรายังคงไม่รู้ว่าระดับพลังวิญญาณของเขามีมากเพียงใด”


             ชี่หัวสูดหายใจลึกเข้าไปเฮือกหนึ่ง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นและลงจากการหายใจรุนแรงและถามว่า “ใช่เด็กหญิงทั้งสองนั้นหรือไม่?”


             “ไม่!” นักเรียนคนนั้นสั่นหัวของเขา “ในขณะนี้เด็กหญิงทั้งสองยังคงไม่เข้ารับการสอบ ในตอนนี้มีเพียงเด็กชายสามคนเท่านั้นที่เข้ารับการทดสอบแล้ว!”


             ปากของชี่หัวอ้ากว้างออก นี่ใช่ชั้นเรียนของนักสู้ฝึกหัดจริงหรือ? ชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดมีบุคคลที่น่าหวาดกลัวสองคนปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร? ตัวของชี่หัวนั้นเขาได้ก้าวถึงร่างทรงอสูรระดับบรอนซ์สองดาวเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเป็นหัวหน้าของชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัด เมื่อเปรียบเทียบตัวเขาเองกับ สัตว์ประหลาดทั้งสองนั้นช่างมีความห่างที่มากยิ่ง!


ในตอนนี้ ชั้นเรียนอื่นเป็นเหตุให้เกิดความปั่นปวนอื่น ๆ ขึ้นอีก


             “ตอนนี้เป็นอย่างไร?” ชี่หัวได้ถาม ด้วยดวงตาที่แสนหดหู่


             “เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ชายสามคนได้ปรากฏตัวจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด พวกเขารู้สึกจะถูกเรียกว่า เว่ยหนาน ซูเซียงจิ้ง และจางหมิง พวกเขาทั้งสามคนอยู่ระดับ บรอนซ์สองดาว เพียงอีกเล็กน้อยเท่านั้นก็จะก้าวสู่ระดับ บรอนซ์สามดาว!”


             “โถ่เว้ย นี้เป็นการทดสอบของชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัดจริง ๆ กันหรือ? เจ้าแน่ใจรึว่านี่ไม่ได้มาจากชั้นเรียนผู้มีพรสวรรค์”


             ก่อนที่ความตกใจจะค่อยจางหาย ก็มีข่าวใหม่ยิ่งกว่าปรากฏออกมา เมื่อทั้งเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อได้ทำการทดสอบ พวกนางทั้งคู่ต่างระเบิดคริสตัลวิญญาณขั้นต้น


             ทั้งหมดต่างเข้าสู่ภาวะเงียบงัน


             ผลการสอบเป็นเหตุให้ทุก ๆ คนหายใจไม่ออกในความเศร้าใจนี้


             ชี่หัวอยากที่จะโขกศรีษะของเขาเข้ากับกำแพง ก่อนการทดสอบของชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดจะเริ่มขึ้น ด้วยเขาเป็นหัวหน้าของชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัด


            เขานั้นมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าตัวเขานั้นมีคุณสมบัติที่คู่ควรที่จะตามตื้อเซี่ยวหนิงเอ๋อและเอียจื่ออวิ๋น อย่างไรก็ตาม


             ในตอนนี้ ความภาคภูมิใจของเขาได้แตกเป็นเสียง ๆ เสียแล้ว มันกลายเป็นว่าทั้งเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อไม่ได้อยู่ที่ระดับเดียวกันกับเขา


           
    “คนพวกนั้นจะมีพรสวรรค์มากเกินไปแล้ว!” ชี่หัวพึมพำอย่างใจลอย


จบตอน...