วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทที่ 22 ภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง

บทที่ 22 ภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง


 ‘เนี่ยหลี่’เดินมาและนั่งลงข้างหน้าของ’เย่จื้อหวิ๋น’
“เย๋จื้ออวิ๋น เพื่อนร่วมห้องเราพบกันอีกแล้วนะ”
‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมกับยิ้มอย่างแผ่วเบา
‘เนี่ยหลี่’นั้นเป็นคนที่สงบนิ่งดูมั่นคงต่างจากผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว ‘เย๋จื้อหวิ๋น’นั้นไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ใดๆเป็นพิเศษต่อ’เนี่ยหลี่’ในตอนนี้ เพียงแค่ยังคงสงสัยอยากรู้อะไรหลายๆอย่างในตัว’เนี่ยหลี่’ เช่นเดียวกับที่ค่อนข้างชื่นชมในตัว’เนี่ยหลี่’เล็กๆ
ความรู้ของ’เนี่ยหลี่’นั้นขนาดท่านป้ายังบอกว่าเป็นระดับปรมาจารย์ลายอาคม
หลังจากที่’เนี่ยหลี่’ได้แก้ไขลายอาคมจากระดับทองแดงไปเป็นระดับเงินนั้นทำให้ส่งผลต่อความอยากรู้ของเธอยิ่งนัก
“เนี่ยหลี่ ฉันได้ทดสอบม้วนอาคมเรียบร้อยแล้ว (ม้วนอาคม ลมหิมะพลัน) ซึ่งเป็นม้วนอาคมที่สมบูรณ์เลย”
‘เย๋จื้อหวิ๋น’พูดและมองมายัง’เนี่ยหลี่’ แต่’เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆในสิ่งที่เธอชื่นชมซักเท่าไหร่ เพียงพูดว่า
“อืม”
สำหรับ’เนี่ยหลี่’นั้นไม่ได้มีคุณค่าให้ชื่นชมซักเท่าไหร่
สำหรับตระกูลวายุเหมันต์(เฟิงเซวะ) อย่างเธอแล้ว ค่อนข้างรู้สึกมั่นใจในความรู้ของเธออยู่บ้าง แต่เมื่อคิดย้อนกับไป ก่อนนี้เธอเห็น’เนี่ยหลี่’ไม่ได้มีพรสวรรค์ใดๆเลย จนกระทั่งเกิดโต้เถียงกับอาจารย์’เสิ่นซิ่ว’ ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่ดีต่ออาจารย์แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไร เมื่อเปรียบเทียบกับ’เนี่ยหลี่’แล้วเธอก็รู้สึกละอายเล็กๆอยู่เหมือนกัน ว่าอย่างเธอล่ะมีอะไรให้อวดบ้าง
ในตอนนี้นั้น ‘เย่จื่อหวิ่น’ เริ่มที่จะชื่นชม’เนี่ยหลี่’บ้างแล้วเล็กน้อย แต่คงยังไม่ถึงขนาดชื่นชอบ สำหรับ’เนี่ยหลี่’แล้วเป็นผู้ชายที่น่าสนใจอยู่เลยทีเดียว ถ้าเธอจะติดต่อพูดคุยกับเขา
สำหรับตัว’เนี่ยหลี่’เองก็คิดว่าถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีเลยทีเดียวที่ได้คุยกับเธอ
“เนี่ยหลี่ นี่เป็นผลึกวิญญานที่เจ้าให้ข้านำมา”
‘เย่จื้อหวิ๋น’ นำผลึกออกมาวาง
“ค่อยๆฉีดพลังวิญญานของเจ้าลงไปในผลึกวิญญาณสิ”
‘เนี่ยหลี่’พูดพลางมองไปที่ ‘เย่จื้อหวิ่น’. สำหรับชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ‘เย่จื้อหวิ่น’เป็นผู้หญิงคนเดียวของเขาเสมอ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้กับเธอเลย
หลังจากค่อยๆมองไปยังผลึกวิญญาณของ’เย่จื้อหวิ่น’ในผลึก ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว พรสวรรค์ของเธอจะเหนือยิ่งกว่า’เซียวหนิงเอ๋อ’ซะอีก มีพลังวิญญาณของเธอเป็นมวลน้ำแข็งอยู่ภายในเป็นลักษณะภูติฟินิกซ์กำลังนอนอยู่ นี่เป็นรูปแบบในตำนาน ภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง เป็นรูปแบบพลังที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก
ภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็งนั้นมีระดับการเพาะปลูกพลังที่รวดเร็วเหมือนกับมังกรเหิรเลยทีเดียว,ซึ่งเมื่อบ่มพลังไปถึงระดับทองคำดำแล้ว พลังวิญญาณภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็งจะพุ่งทยานออกมาเลยทีเดียว,น่าเสียดายที่ชาติที่แล้ว ‘เย่จื้ออวิ๋น’ไม่มีโอกาสไปถึงระดับทองดำและเธอได้จากไปก่อนในการต่อสู้,ถึงถึงยังไง ‘เย่จื้ออวิ๋น’ก็นับว่าเป็นคนที่พรสวรรค์ในเมืองกลอรี่คนหนึ่งเลยทีเดียว
“พลังวิญญาณลมหิมะ,รูปแบบภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง”
‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมมองไปยัง’เย่จื้อหวิ๋น’ โดยสายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีมากเลยทีเดียว
“ฉันจะสอนเทคนิคการเพาะปลูกพลังวิญญาณกับเธอเอง”
“สอนเทคนิคการปลูกพลังวิญญาณเหรอ?”
‘เย่จื้อหวิ๋น’มองมายัง’เนี่ยหลี่’ด้วยความประหลาดใจ สำหรับเทคนิคที่เธอใช้อยู่นั้นนับว่าเป็นเทคนิคที่ทรงพลังของตระกูลของเธออยู่แล้ว ‘เนี่ยหลี่’มีเทคนิคในการเพาะปลูกพลังที่เหนือกว่าอย่างนั้นรึ?
สำหรับตระกูลวายุเหมันต์นั้นนับว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองกลอรี่นั้นเอง เป็นหนึ่งใน 3 ตระกูลใหญ่ที่มีตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์และ ตระกูลปราชญ์วิเศษ ซึ่งไม่สามารถมีใครเทียบได้เลยที่เดียว
และยังมีผู้ใช้ภูมิระดับตำนานอย่างท่าน ‘เย่ โม่’ อยู่ด้วยแล้วซึ่งหาใครจะเปรียบได้ สำหรับเจ้า’เย่ โม่’นั้นได้ออกไปสำรวจทวิปศักดิ์ และสถานโบราณต่างๆในรอบๆเทือกเขาบรรพบุรุษ ทำให้เขาค้นพบและมีเทคนิคในการเพาะปลูกชั้นสูงมากมาย
“เทคนิคบ่มเพาะ ภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง 9 ชีวิต!”
มันเป็นบทสวดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะกับ’เย่จื้อหวิ๋น’เลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเทคนิคที่มีความแข็งแกร่งที่สุดกว่าเทคนิคอื่น แต่ก็เป็นเทคนิคที่ลึกลับมาก เมื่อสำเร็จในการบ่มเพาะจะสามารถ มีชีวิตถึง 9 ครั้งเลยทีเดียว ตราบเท่าที่พลังวิญญาณยังไม่หมดจะไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้ เพราะสามารถฟื้นคืนชีวิตมาได้นั่นเอง
ในชีวิตนี้นั้น,’เนี่ยหลี่’จะไม่ยอมให้เธอจากเขาไปเด็ดขาด
‘เย่จื้อหวิ๋น’ได้ลองท่องบนสวดเบาๆ.เธอถึงกลับตกใจเลยทีเดียวว่าเทคนิคนี้นั้นมีพลังมากยิ่งนัก.เทคนิคที่ตระกูลของเธอมีทั้งหมดนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยทีเดียว
“ขอบใจเจ้ามาก เนี่ยหลี่”
‘เย่จื้ออวิ๋น’รู้สึกของคุณ’เนี่ยเหลี่’เป็นอย่างมาก.เธอคาดไม่ถึงเลยว่า’เนี่ยหลี่’จะมีเทคนิคที่ทรงพลังนี้และมอบมันให้กับเธอ.เขากับเธอนั้นเพิ่งเจอกันมาไม่นานนี้เอง
ในมุมมองของ’เย๋จื้อหวิ๋น’นั้นเธอเพิ่งรู้จัก’เนี่ยหลี่’มาไม่นานนี้เอง แต่ในมุมของ’เนี่ยหลี่’นั้น เขารู้จักเธอมานานมากและอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา สำหรับเทคนิคการบ่มเพาะพลัง ภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง 9 ชีวิต เป็นแค่สิ่งเล็กๆเท่านั้นที่เขามอบให้กับเธอ
‘เย่จื้ออวิ๋น’เริ่มบำเพ็ญพลังเทคนิคภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง 9 ชีวิต ชั่วขณะพลังในเขตแดนวิญญาณของเธอก็เริ่มกระเพื่อนสั่นไหวอย่างรุนแรง.เทคนิคการบ่มเพาะนี้ช่างเป็นเทคนิคทีทรงพลังยิ่งนัก
ขณะที่’เนี่ยหลี่’กับ’เย่จื้อหวิ๋น’กำลังสนทนากันอยู่นั้นก็มีคุณเดินเข้ามาหาเขาทั้งสอง คนๆนั้นก็คือ’เสิ่นเหย่’นั่นเอง
เขาเห็น’เนี่ยหลี่’และ’เย่จื้อหวิ๋น’คุยกันอย่างสนิทสนมทำให้เขารู้สึกหึงหวงอย่างรุนแรง จนทำให้ต้องเดินเข้ามานั่นเอง
“จื้อหวิ๋น”
‘เสิ่นเหย่’ยิ้มและมองมาทาง ‘เย่จื้อหวิ๋น’
“อืม”
‘เย๋จื้อหวิ๋น’ตอบรับเบาๆ ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจอะไร’เสิ่นเหย่’มากมายนัก ‘เสิ่นเหย่’ นั่งลงข้างๆและมองมายัง’เนี่ยหลี่’ พร้อมส่งสายตาไล่ให้’เนี่ยหลี่’ไปให้พ้น ทำให้บรรยากาศชวนน่าอึดอัดอย่างยิ่ง
“เนี่ยหลี่ เราเจอกันอีกแล้ว”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบ’เนี่ยหลี่’เป็นอย่างมาก
“อะไรรึ บทเรียนที่ข้ามอบให้เจ้าเมื่อไม่นานมานี้ยังไม่พอรึ?”
‘เนี่ยหลี่’พูดด้วยท่าที่ที่สบายๆ เหมือนเขาไม่เห็น’เสิ่นเหย่’อยู่ในสายตาเลย
“เจ้า….”
‘เสิ่นเหย่’กำหมัดของเขาแน่น ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้า’เย่จื้อหวิ๋น’ เขาคงสั่งลูกน้องของเขาจัดการ’เนียหลี่’เลยทีเดียว’เย่จื้ออวิ๋น’ค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจของบทสนทนาของทั้งสอง.รู้สึกเหมือนว่า’เสิ่นเหย่’จะไม่พอใจ’เนี่ยหลี่’เป็นอย่างมาก.
เธอก็อยากรู้เรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกัน เล็กๆอยู่เหมือนกัน. ‘เสิ่นเหย่’นั้น เป็นทายาทหลักของตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์.ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูดอย่างนั้นหรือ?
‘เสิ่นเหย่’รู้สึกเหมือนคับข้องใจเป็นอย่างมาก.เขามองไปยัง’เย่จื้อหวิ๋น’และพูดว่า
“ตระกูลข้ากับจื้ออวิ๋นนั้นสนิทชิดเชื้อกันพวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายยังสนับสนุนเราให้เกี่ยวดองกัน”
คำพูด’เสิ่นเหย่’บอกเป็นนัยว่าเขากับ’เย่จื้อหวิ๋น’นั้นเหมาะสมกันยิ่งนักและครอบครัวยังสนับสนุนอีกด้วย ‘เนี่ยหลี่’ควรจะมองตัวเองบ้าง? ซึ่งจริงๆแล้วเขาไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับ’เย่จื้อหวิ๋น’?
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เสิ่นเหย่’ ‘เนี่ยหลี่’อดที่จะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ในเรื่องของความคุ้นเคยสนิทสนม’เสิ่นเย่’จะรู้ใจ’เย่จื้อหวิ๋น’มากกว่าเขาอย่างนั้นรึ?
‘เสิ่นเหย๋’ มองไปยัง ‘เย่จื้ออวิ่น’ พร้อมพูดว่า
“พวกเราสองคนนั้นรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีนั้นล่ะ มิว่าจะเป็นนิสัยใจคอ สิ่งที่ชอบหรือวิถีการดำเนินชีวิต”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เสิ่นเหย่’ ,’เย่จื้ออวิ๋น’ แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่’เสิ่นเหย๋’พูดเลย เขากับเธอไปสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ‘เย่จื้ออวิ๋น’รู้สึก’เสิ่นเหย่’น่ารังเกียจอย่างยิ่ง,ตระกูลเทพศักดิ์นั้นดูเหมือนมีแต่เปลือกเท่านั้น
‘เย่จื้ออวิ๋น’ไม่สามารถอธิบายอะไรได้,ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากให้’เนี่ยหลี่’เข้าใจผิดด้วย
“งั้นรึ ข้าก็อยากรู้เช่นกนว่าเจ้าจะรู้จักนางถึงเพียงใด?”
‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมตบโต๊ะเบาๆ
“จื้ออวิ้น นางชอบกินเอื้องเจ็ดปอย นางชอบอ่านหนังสือเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังชอบที่จะเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง…”
‘เสิ่นเหย่’มองไปยัง’เย่จื้ออวิ๋น’พร้อมสายตาที่หวานเยิ้ม
‘เนี่ยหลี่’ พรางหัวเราะและพูดว่า
“จริงๆแล้วเธอไม่ชอบที่จะกินเอื้องเจ็ดปอยหรอก มันเป็นเพราะเจ้าเย่ โม ที่หลอก เธอบอกว่าการกินเอื้องเจ็ดปอยนั้นสามารถเสริมกำลังของจิตวิญญาณให้สูงส่งมากขึ้น นางรักการอ่านหนังสืองั้นรึ?ผู้ใดกันที่จะมาอ่านตำราที่ตนเองยังไม่สามรถเข้าใจมันได้กัน และที่นางมองออกมานอกหน้าต่างนั้น จริงๆนางรักการผจญภัยและหวังว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ออกไปผจญโลกภายนอกยังไงล่ะ “
ได้ยินสิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูด ‘เย๋จื้อหวิ๋น’ถึงกับนิ่งเหมือนโดนฟ้าฝ่าเลยทีเดียว ทำใมเขาถึงได้รู้และเข้าใจเธอกัน ‘เนี่ยหลี่’คิดถึงสมัยก่อนที่เขากับเธอเดินทางกันไปค่อนทวีป แต่แล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะเติมเติมความปรารถนาของเธอได้
“พูดอะไร้สาระ”
‘เสิ่นเหย่’ พยายามที่จะถกเถียงเรื่องดังกล่าวโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้’เย่จื้ออวิ๋น’พูดเลย
“ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้ารู้เรื่องเย่จื้อหวิ๋นเป็นอย่างดี งั้นเจ้ารู้รึป่าว ว่านางมีปานรูปผีเสื้อด้วยนะ.เจ้ารู้รึป่าวว่ามันอยู่ตำแหน่งใหน?”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและมองไปยัง’เสิ่นเหย่’
“ทำใมฉันจะไม่รู้ล่ะ!”
‘เสิ่นเหย่’พูดออกมาด้วยความโกรธ
ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’แล้ว ‘เย่จื้อหวิ๋น’ ใบหน้าแดงก่ำ,ไม่รู้ว่า’เนี่ยหลี่’รู้ได้อย่างไรว่าเธอมีปานรูปผีเสื้อในร่างกายเธอ? ความรู้สึกแปลกๆถาโถมเข้ามาข้างใน เธอลุกขึ้นอย่างเร็วพร้อมพูดว่า
“เนี่ยหลี่เจ้าคนบ้า”
พร้อมกระทืบเท้าลงบนพื้นและวิ่งหนี่ออกมากด้วยความโกรธมองเห็นแต่หลังไวๆ รูปร่างที่สมส่วน ขายาวเล็กเข้ารูปช่างชวนน่าหลงไหลยิ่งนัก
หลังจากเห็นอาการแปลกๆของ’เย่จื้อหวิ๋น’ ‘เสิ่นเหย่’ก็หน้าบูดบึ้ง,บางทีความสำพันธ์ของ’เนี่ยหลี่’กับ’เย่จื้อหวิ๋น’อาจจะไม่ธรรมดาก็ได้ หรือเขาอาจมีใจให้กันอยู่เมื่อคิดได้อย่างนั้น’เสิ่นเหย่’ยิ่งทำหน้าหน้ากลัวยิ่งขึ้นพร้อมพูดว่า
” เนี่ยหลี่จำไว้เลย ฉันจะไม่ให้แกตายดีแน่ๆ”
‘เนี่ยหลี่’มองมาที่’เสิ่นเหย่’ด้วยสายตาที่รังเกียจ พร้อมพูดอกมาว่า
“เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก,รึบไปให้พ้นจากสายตาฉันดีกว่า,ฉันไม่อยากจะให้บทเรียนกับนายอีกหรอกนะ”
หลังจากนั้น’เนี่ยหลี่’ก็เดินจากไป
ณ ตำหนักเจ้าเมือง ‘เย่จื้อหวิ๋น’ใบหน้าของนางนั้นยังไม่ได้หายแดง
“เนี่ยหลี่เจ้าคนบ้า”
‘เย๋จื้อหวิ๋น’โกรธและย่ำเท้าของเธอบนพื้น เธอไม่รู้ว่า’เนี่ยหลี่’รู้ได้อย่างไรว่ามีปานผีเสื้อที่หน้าอกของเธอ คิดไปแล้วก็ไม่เข้าใจ รึว่า’เนี่ยหลี่’จะแอบมองขณะเธออาบน้ำกัน?
หากเขารู้ว่ามีปานรูปผีเสื้อที่หน้าอกเธอ มิใช่เขาเคยเห็นทุกส่วนของฉันแล้วรึ ไม่มีทางเป็นไปได้อันขาด ตำหนักของข้าล้วนแล้วแต่มีผู้คุ้มกันแน่นหนา ไม่มีทางที่คนนอกจะสามารถรุกล้ำเข้ามาได้เป็นแน่
แล้วเทคนิคการบ่มเพาะพลังภูติฟินิกซ์หิมะน้ำแข็ง 9 ชีวิต เหตุใดเขาจึงถ่ายทอดเทคนิคที่ทรงพลังให้แก่ข้ากันนะ?
มีแต่คำถามมากมายที่เธอนั้นไม่เข้าใจ

ที่มาจาก http://tdgnovelthaitranslate.blogspot.com/2016/04/tale-of-demon-and-god-novel-chapter-22.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น