วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตอนที่ 17 : เหวี่ยง

ตอนที่ 17 : เหวี่ยง

             ประดาลิ่วล้อของเสิ่นเยว่ได้แต่งงงวยเมื่อเห็นวิธีที่เนี่ยหลีใช้คลี่คลายหมัดของเสิ่นเยว่และสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของเสิ่นเยว่
            “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยเสิ่น?”
            พวกมันยืนมองด้วยความตะลึงงัน ในความคิดของพวกมัน เสิ่นเยว่ควรจะรับมือกับเนี่ยหลีได้อย่างง่ายดาย แต่แล้วเหตุใดใบหน้าของเสิ่นเยว่จึงได้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดถึงเพียงนั้น เกิดวิปริตอะไรขึ้นกันแน่?
            ตู้เจ๋อ ลู่เปียว และสามสหายกลับไม่แปลกใจนัก พวกมันยืนมองเหตุการณ์อย่างสงบ ตั้งแต่พวกมันได้รับเคล็ดวิชาจากเนี่ยหลี พลังการบำเพ็ญก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้พลังวิญญาณพวกมันยังไม่ถึงหนึ่งร้อยจุด ความแข็งแกร่งของพวกมันกลับได้รับการเพาะสร้างขึ้นใหญ่หลวง
            เคล็ดวิชาที่เนี่ยหลีฝึกปรือย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าพวกมัน พวกมันไม่รับรู้ว่าขณะนี้เนี่ยหลีบำเพ็ญพลังได้ถึงขั้นใด แต่แน่นอนว่าเหลือเฟือที่จะกำราบเสิ่นเยว่!
            ที่พวกมันไม่รู้คือความเร็วในการเพาะสร้างพลังของเนี่ยหลีนั้นเชื่องช้ากว่าพวกมัน แม้ความแข็งแกร่งของเนี่ยหลีขณะนี้ยังด้อย แต่ด้วยความรู้อันลึกล้ำสุดหยั่งจากอดีตชาติ แม้เนี่ยหลีจะกลายเป็นคนธรรมดา ก็ยังกำราบเสิ่นเยว่ลงได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
            เด็กชายพูดเสียงเย็นว่า “ชื่อของจื่อหวินหาใช่สิ่งที่เจ้าจะเอ่ยออกมาได้ ถ้าข้าพบว่าเจ้าติดตามรังควาญจื่อหวินอีก พบที่ไหนข้าจะทุบตีเจ้าที่นั่น!” หลังกำเนิดใหม่ เนี่ยหลีไม่ยินยอมให้มีผู้ประสงค์ร้ายต่อเหย่จื่อหวินอีก ความรู้สึกที่ตายแทนกันได้เช่นที่เนี่ยหลีมีต่อเหย่จื่อหวินหาใช่สิ่งที่สวะเช่นเสิ่นเยว่จะเข้าใจ
            “เป็นไปไม่ได้ ข้าพ่ายแพ้ได้อย่างไร?” เสิ่นเยว่ไม่อาจยอมรับความจริงที่เกิดตรงหน้า มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อยว่ามันจะพ่ายแก่เนี่ยหลี สีหน้าของมันแสดงความประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน “เจ้าบังคับข้าเอง!”
            เวิ้งวิญญาณของเสิ่นเยว่เริ่มสั่นกระเพื่อน พลังวิญญาณหมุนเกลียว พุ่งออกจากร่างของเสิ่นเยว่ตรงไปยังเนี่ยหลี
            แม้ว่าเสิ่นเยว่ยังไม่สามารถรับจิตภูตได้ แต่เสิ่นเยว่สามารถดึงพลังวิญญาณของมันเพื่อจู่โจมเวิ้งวิญญาณของเนี่ยหลีได้โดยตรง
            พลังวิญญาณของเสิ่นเยว่บรรลุถึงเจ็ดสิบแปดจุดแล้ว ในขณะที่ฝ่ายเนี่ยหลีเพิ่งจะบรรลุถึงสามสิบจุด เทียบกับสองวันก่อนซึ่งมีเพียงห้าจุดเท่านั้น
            พลังวิญญาณของเนี่ยหลีเป็นเพียงกึ่งหนึ่งของเสิ่นเยว่!
            “ไม่ดีแล้ว เนี่ยหลีเพิ่งจะบำเพ็ญพลังเพียงสองวัน พลังวิญญาณของมันรับมือเสิ่นเยว่ไม่ได้แน่” สีหน้าของตู้เจ๋อเปลี่ยนไปโดยพลัน แต่ตู้เจ๋ออยู่ห่างกับเนี่ยหลีเกินไป ทั้งลิ่วล้อของเสิ่นเยว่นั้นขวางทางของตู้เจ๋ออยู่ด้วย ลิ่วล้อทั้งหกบรรลุชั้นสำริดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตู้เจ๋อกับพวกไม่มีทางเข้าใกล้เนี่ยหลีได้แน่นอน
            เสิ่วเยว่เคลื่อนเวิ้งวิญญาณอีกครั้ง พลังวิญญาณของมันพุ่งไปยังเนี่ยหลี!
            “ฮ่าๆ เวิ้งวิญญาณแคระเกร็นไร้เรี่ยวแรงเช่นนั้นกลับบังอาจเหิมเกริมต่อหน้าข้า!” เสิ่นเยว่รับรู้ได้ว่าเวิ้งวิญญาณของเนี่ยหลีนั้นทั้งเล็กทั้งไร้เรี่ยวแรง พลังวิญญาณของมันในตอนนี้บดขยี้เนี่ยหลีลงได้อย่างง่ายดาย!
            “น่าขัน!” เนี่ยหลีตวาด มันผ่านการประมือกับจอมภูติชั้นสูงผู้ครอบครองจิตภูติทรงพลังไร้ผู้ต้านมานักต่อนักในชาติก่อน นอกจากพลังวิญญาณและจิตภูติที่สูงส่งสะท้านฟ้าดินแล้ว สิ่งที่แทบทุกคนมีคือทักษะในการควบคุมพลังวิญญาณที่น่าตื่นตระหนก
            แม้ในชาตินี้เนี่ยหลียังอ่อนแอนัก แต่ประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการต่อสู้เอาชีวิตจากชาติก่อนยังคงอยู่ ทักษะการควบคุมพลังวิญญาณของมันยังไม่ถูกลืมเลือนไป แม้เนี่ยหลีจะมีพลังวิญญาณเพียงสามสิบจุด แต่จอมภูติชั้นสำริดธรรมดาสามัญกลับไม่สามารถเอาเปรียบเนี่ยหลีได้แม้แต่น้อย
            วิธีใช้พลังของเสิ่นเยว่นั้นทั้งหยาบกระด้างไร้ลูกไม้พลิกแพลง รู้เพียงแต่จะจู่โจมเวิ้งวิญญาณของศัตรูได้อย่างไรเท่านั้น ในสายตาของเนี่ยหลี นี่หาต่างกับวิธีของอนารยชนไม่
            พลังวิญญาณไม่ได้ใช้แบบนี้!
            ในมุมมองของเนี่ยหลี เสิ่นเยว่มีจุดอ่อนอยู่ทั่วร่าง หากเนี่ยหลีต้องการจริงๆ เสิ่นเยว่คงทอดร่างเป็นศพในชั่วอึดใจ
            เนี่ยหลีหาได้สนใจจะสังหารเสิ่นเยว่ไม่ ในมุมมองของมัน เสิ่นเยว่ไม่ถือเป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อย
            ยังมีพยัคฆ์ตนใดหวาดกลัวลูกสุนัข?
            น่าขันที่คนบางคนหาได้รู้ตัวไม่ เสิ่นเยว่เห็นว่าพลังวิญญาณของตนนั้นไม่อาจต้านทานได้ ความสะใจปรากฎเด่นบนใบหน้าของเสิ่นเยว่ วาดหวังถึงสีหน้าอันเจ็บปวดของเนี่ยหลี
            แต่ขณะที่พลังวิญญาณของเสิ่นเยว่กำลังจะกระแทกกับเนี่ยหลีนั้นเอง พลังวิญญาณของเนี่ยหลีพลันควบรวมเป็นเข็มเรียวแหลมกลุ่มหนึ่ง แทงเข้าไปยังพลังของเสิ่นเยว่
            รวมศูนย์ทลาย!!
            พลังวิญญาณของเสิ่นเยว่นั้นแผ่กระจายออก ขณะที่เนี่ยหลีควบรวมพลังเป็นเข็มเรียวแหลม แม้เนี่ยหลีจะใช้พลังเพียงน้อยนิด แต่ก็เพียงพอจะทะลวงพลังของเสิ่นเยว่
            “อ๊ากก” เสิ่นเยว่โหยหวนประหนึ่งสุกรบนเขียง จุดที่เข็มของเนี่ยหลีแทงเข้าไป พลังวิญญาณของเสิ่นเยว่ล้วนเปราะบาง ไม่อาจต้านการพุ่งของเข็มได้แม้แต่น้อย แม้จะใช้พลังเพียงน้อยนิด เข็มวิญญาณยังคงพุ่งทะลวงพลังของเสิ่นเยว่
            รอยฉีกของเวิ้งวิญญาณสัมพันธ์กับร่างกาย เสิ่นเยว่เหงื่อหลั่งโซมกาย หอบหายใจประหนึ่งพบกับเรื่องสยองขวัญเรื่องหนึ่ง
            เวิ้งวิญญาณฉีกขาด สมองไร้การรับรู้ชั่วขณะ สองตาของเสิ่นเยว่พร่ามัว เนี่ยหลีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพลันขยายออก ร่างสูงใหญ่เทียมภูผา! เสิ่นเยว่รู้สึกเป็นครั้งแรกว่ามันไม่อาจต่อกรกับเนี่ยหลี! แววตาเย็นเยียบทำให้มันหนาวเหน็บลึกถึงกระดูก
            แววตาของเนี่ยหลีคมกล้าประหนึ่งกระบี่ออกพ้นฝัก หลังการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วนในชาติก่อน จอมภูติที่เก่งกาจหลายต่อหลายคนตกตายในมือของเนี่ยหลี วิญญาณของมันยังคงรักษารังสีอำมหิตที่เย็นเสียดกระดูกไว้ได้ ด้วยรังสีอำมหิตเช่นนี้ เด็กเช่นเสิ่นเยว่ไม่อาจต้านทานนับเป็นเรื่องธรรมดา
            น่ากลัวเกินไปแล้ว เสิ่นเยว่รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากเป้ากางเกง มันกลัวจนฉี่ราดกางเกง!
            “เกิดอะไรขึ้น? เกิดบัดซบอะไรขึ้น?” ลิ่วล้อของเสิ่นเยว่ต่างสงสัยใจ
            พวกมันเห็นว่าพลังของเสิ่นเยว่นั้นเหนือกว่าเนี่ยหลีในทุกด้าน เสิ่นเยว่ได้เปรียบแน่นอน เช่นนั้นไยเวิ้งวิญญาณของเสิ่นเยว่จึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?
            ปฏิกิริยาของเนี่ยหลีเร็วเกินไป เร็วจนเสิ่นเยว่ไม่ทันได้ตอบโต้!
            “กลัวจนฉี่ราด? หึ ไอ้ตัวเหม็น สวะเช่นเจ้าบังอาจข่มขู่ข้า? ขี้เกียจเสียเวลากับสวะอย่างเจ้าแล้ว ไสหัวไปซะ เลิกมายุ่งกับข้าสักที” เนี่ยหลียกเสิ่นเยว่ขึ้นด้วยมือข้างเดียว เหวี่ยงแขนออกไปยังนอกหน้าต่าง
            ตูม!
            เสิ่นเยว่โดนจับโยนออกจากหน้าต่าง ร่างของมันกระแทกพื้นจนฝุ่นคลุ้งกระจาย
            “นายน้อย!”
            เหล่าลิ่วล้อพุ่งตัวตามออกไปโดนพลัน ช่วยเหลือเสิ่นเยว่ให้ลุกขึ้นนั่ง พวกมันเห็นเต็มสองตาว่ากางเกงของเสิ่นเยว่เปียกชื้น
            “พาข้าออกไป!” คิ้วของเสิ่นเยว่ขมวดมุ่น มันกลัวจนแทบบ้า ไออุ่นจากปัสสาวะยังอวลอยู่ที่เป้ากางเกง
            ลิ่วล้อของเสิ่นเยว่รีบพามันจากไป
            คนที่รู้จักเสิ่นเยว่กับเนี่ยหลีล้วนตะลึงงัน เนี่ยหลียกเสิ่นเยว่ขึ้นด้วยมือเดียวก่อนจับโยนออกนอกหน้าต่าง นี่เป็นความฝันหรืออย่างไร?
            ในชั้นเรียนนักสู้ฝึกหัด พรสวรรค์ของเนี่ยหลีนั้นไม่อาจเปรียบกับเสิ่นเยว่ได้แม้แต่น้อย ผู้คนต่างเห็นว่าเนี่ยหลีคงถูกสั่งสอนในครั้งนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าฝ่ายที่ถูกสั่งสอนหาใช่เนี่ยหลีไม่ เป็นเสิ่นเยว่!!
            แม้คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นว่าการต่อสู้นั้นดำเนินไปอย่างไร แต่ความจริงที่เสิ่นเยว่เป็นฝ่ายพ่ายนั้นไม่อาจปฏิเสธได้
            “ฮ่าๆ เสิ่นเยว่กลัวจนฉี่รดกางเกง ดูเหมือนเวิ้งวิญญาณของมันจะถูกทะลวงเข้าจริงๆ นี่หมายความว่าอย่างไร พลังวิญญาณของเนี่ยหลีแข็งแกร่งกว่าเช่นนั้นหรือ?”
            “ฟังว่าเนี่ยหลีพนันไว้กับอาจารย์หญิงเสิ่นว่าหากมันบรรลุชั้นสำริดหนึ่งดาราได้ภายในสองเดือน เสิ่นซิ่วต้องลาออกจากสำนักไป เนี่ยหลีผู้นี้มีไพ่ตายซ่อนไว้อยู่จริงๆ”
            “เนี่ยหลีมีเพียงเวิ้งวิญญาณแดง เหตุใดจึงได้แข็งแกร่งขึ้นเร็วนัก?”
            ทุกคนในหอสมุดล้วนเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
            เนี่ยหลี ตู้เจ๋อ ลู่เปียวและสามสหายมองหน้ากัน พวกตู้เจ๋อนั้นหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น เสิ่นเยว่ได้รับบทเรียนแล้วในวันนี้ พวกมันทุกคนล้วนพึงพอใจยิ่ง เสิ่นเยว่ถือดีเกินไป พวกมันล้วนต้องการเห็นการล่มสลายของเสิ่นเยว่
            สิ่งที่เกิดขึ้นในหอสมุดกลายเป็นเรื่องเล่าลือในหมู่นักเรียน แต่สำหรับสำนักใหญ่เช่นสำนักเสิ้งหลัน สิ่งที่เกิดขึ้นหาได้มีผลกระทบใหญ่หลวงไม่ เรื่องราวคงจางหายไปเองในไม่กี่วัน ส่วนเนี่ยหลีกับพวกล้วนเก็บตัวบำเพ็ญพลังต่อไป
            ในห้องทำงานของเสิ่นเยว่
            “ว่ากระไร? เจ้าโดนเนี่ยหลีจับเหวี่ยงออกนอกหอสมุดงั้นรึ?” เสิ่นซิ่วพูดอย่างสงบ “ความแข็งแกร่งของเจ้าบรรลุถึงหกสิบสามจุด พลังวิญญาณเจ็ดสิบแปดจุด เนี่ยหลียังแกร่งกว่าเจ้างั้นหรือ?”
            ความหวาดกลัวแผ่ซ่านเมื่อเสิ่นเยว่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนนี้ รังสีอำมหิตเย็นเยียบประทับรอยในใจของมันอย่างลึกล้ำ เพียงนึกถึงก็หวาดหวั่นแทบบ้า รอยฉีกขาดในเวิ้งวิญญาณนั้นต้องใช้เวลาเยียวยาเกือบเดือน ในขณะที่ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งฉุดรั้งการบำเพ็ญพลังใช้เนิ่นช้าไปอีก
            “ท่านป้า เด็กเนี่ยหลีนั่นรู้วิชามารผีสาง ความแข็งแกร่งของมันด้อยกว่าข้าอย่างชัดเจน แต่เมือมันคว้าจับข้อมือข้าไว้ พลังของข้าก็ปลาศนาการไปสิ้น พลังวิญญาณของข้าเองยิ่งแกร่งกว่ามัน แต่ข้าไม่รู้ว่าด้วยเหตุผีสางอันใด เมื่อพลังของมันสัมผัสเวิ้งวิญญาณของข้า เวิ้งวิญญาณข้าก็พ่ายในทันที” เสิ่นเยว่นึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กชายยังสงสัยใจ ทั้งไม่อาจหาเหตุที่มันพ่ายต่อเนี่ยหลี
            ใบหน้าของเสิ่นซิ่วคล้ำลง ริมฝีปากกระตุกด้วยความเคืองแค้น เสิ่นเยว่หวาดหวั่นจนปัสสาวะรดเป้ากางเกง นี่น่าอับอายเกินไปแล้ว!
            เนี่ยหลีต้องชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้น! เสิ่นเยว่กำหมัดแน่น เสียงข้อลั่นเปรียะดังกราว ความคับแค้นเช่นนี้ไม่อาจระบายออก
            “มันมีพลังเพียงไหน?” เสิ่นซิ่วขมวดคิ้ว นางไม่ลืมเบี้ยพนันระหว่างนางกับเนี่ยหลี หากเนี่ยหลีบรรลุชั้นสำริดหนึ่งดาราในสองเดือน นางต้องระเห็จออกจากสำนักแล้ว
            “ความแข็งแกร่งสามสิบจุด พลังวิญญาณไม่เกินสิบจุด” เสิ่นเยว่กล่าวสิ่งที่ตนคิด
            “บัดซบ เจ้ายังแพ้สวะพรรค์นี้?” เสิ่นซิ่วตวาด
            เสิ่นเยว่อ้าปากค้าง มันกำลังจะแก้ตัว หากได้แต่หุบปากลงด้วยความเสียใจ มันไม่คิดมาก่อนว่ามันต้องพ่ายแพ้ พลังวิญญาณของเนี่ยหลีอ่อนด้อยแต่กลับเอาชัยมันได้อย่างง่ายดาย ทั้งทำลายเวิ้งวิญญาณของมันได้ด้วย!
            “เด็กบัดซบนี้คงมีดีที่การควบคุมพลัง” เสิ่นซิ่วรู้ความอยู่บ้าง นางคาดเดาได้อยู่ “คนบางจำพวกแม้มีพลังวิญญาณอ่อนด้อย แต่กลับสามารถควบคุมพลังอย่างยอดเยี่ยม ใช้อ่อนสู้แข็งได้อย่างทัดเทียม แต่หากหวังจะบรรลุระดับสำริดหนึ่งดารา นั่นย่อมไม่ง่ายดายนัก!” เสิ่นซิ่วพูดเบาๆ
            “ใช่” เสิ่นเยว่พยักหน้า ความสัมพันธ์ของเนี่ยหลีกับเหย่จื่อหวินทำให้มันรู้สึกถูกคุกคาม เด็กชายต้องการให้เนี่ยหลีถูกขับออกจากสำนักโดยไว!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น