วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 42 อายุมิได้สะท้อนซึ่งความรู้

Tales of Demons & Gods บทที่ 42 อายุมิได้สะท้อนซึ่งความรู้

       


                เมื่อได้ยินที่เสิ่นเฟยกล่าว คิ้วของเอียหง[叶鸿]ได้ขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธ ในขณะที่ความแค้นได้ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา เสิ่นเฟยชักจะข่มกันมากเกินไปแล้ว!ถ้าเสิ่นเฟยนั้นกล้าแตะต้องเซี่ยวหนิงเอ๋อ เอียหง ผู้นี้จะเป็นผู้ที่หยุดเขาไว้เอง!

                เอียหง พ่นลมหายใจแรงและเดินจากไป

                เสิ่นเฟยมองไปที่หลังของเอียหง  รอยยิ้มเลือนรางได้ปรากฏที่ปากของเขา

                'อย่าได้คิดนะว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะกลัวซึ่งตระกูลวายุเหมันต์ของเจ้า อย่าได้คิดว่าเพียงเจ้ามีร่างทรงอสูรระดับตำนานอยู่ผู้หนึ่งแล้วจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นัก จักต้องมีซึ่งวันหนึ่งที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ก้าวมาแทนที่ตระกูลวายุเหมันต์ของพวกเจ้า' เขาคิดตำหนิอย่างเงียบ ๆ

                “เนี่ยลี่” เสียงแหลม ๆ ที่แจ่มชัดนี้ได้เรียกเขา

                เมื่อเนี่ยลี่มองไปที่เสียงนั้น เขาได้เห็นเซี่ยวหนิงเอ๋อซึ่งนางนั้นได้สวมชุดแบบเรียบง่ายและสง่างาม

                “นี่! หนิงเอ๋อ ไม่ได้พบเจ้าหลายวันแล้วแลดูเหมือนว่าเจ้านั้นมีความงดงามเพิ่มมากขึ้นนะ!” เนี่ยลี่ยิ้มเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เนี่ยลี่ได้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อเขาคิดถึงเรื่องราวของฮูเหยียนหลานเร่อ (เป็นความงามซึ่งมาพร้อมภาระ หลานเร่องามเหมือนกับเซี่ยวหนิงเอ๋อแต่ต่างกันที่พฤติกรรมและความจริงใจ)

                เมื่อได้ยินคำของเนี่ยลี่ ดวงตาทั้งสองของเซี่ยวหนิงเอ๋อปรากฏแสงแห่งความสุขขึ้นทันใดและใบหน้าของนางเริ่มมีสีแดงเล็กน้อย นางได้นำบางสิ่งออกมาจากแหวนห้วงมิติ มอบมันให้กับเนี่ยลี่ “หญ้าทะเลหมอกม่วงที่เจ้าได้ให้ข้านำไปขายนั้นได้ถูกขายหมดเรียบร้อยแล้ว นี่คือเงินของเจ้า” หลังจากได้ยินเซี่ยวหนิงเอ๋อพูดเช่นนั้น ลู่เพียว และตู่ซื่อต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความสับสน พวกเขาสงสัยว่าเนี่ยลี่ได้ใช้ซึ่งเวทย์มนต์อันใดต่อแม่นางหนิงเอ๋อ ผ่านการมองพวกเขา เป็นไปได้เช่นไรที่แม่นางหนิงเอ๋อจะเชื่อฟังอย่างว่าง่ายไม่ว่าเนี่ยลี่จะพูดสิ่งใด

                สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ทั้งลู่เพียวและตู่ซื่อพูดไม่ออก นี่ยังคงใช่เทพธิดาหนิงเอ๋อที่พวกเขารู้จักหรือ? เทพธิดาเช่นนางมักจะเย็นชาต่อผู้อื่น ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใกล้นาง อย่างไรก็ตามกลับเป็นเรื่องที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่กับเนี่ยลี่

                “ขอบใจเจ้ามาก!” เนี่ยลี่รับเงินมาอย่างเป็นกันเองแล้วเก็บลงแหวนห้วงมิติของเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกันอย่างสุภาพต่อกัน

                “เทพธิดาหนิงเอ๋อ ท่านได้เผชิญหน้ากับฮูเหยียน หลานเร่อจริงหรือไม่?” ลู่เพียวกระพริบตาพร้อมกับมองอย่างซุบซิบ(ครหา)ไปที่เซี่ยวหนิงเอ๋อ

                เซี่ยวหนิงเอ๋อได้เงยหน้าของนางขึ้นและมองไปที่เนี่ยลี่ นางมีท่าทีอายเล็กน้อยและถามเขาว่า “ไม่มีซึ่งอะไรหรอก ข้าเพียงแต่โต้เถียงกับนางอยู่ชั่วครู่เท่านั้น เนี่ยลี่เจ้าชอบผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ หรือไม่”

                “ไม่มีทางเลย ผู้หญิงคนนั้นมาตอแยข้าเกินไป อย่าไปยุ่งกับนางอีกในคราวหน้า” เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธ

                “อืม” เซี่ยวหนิงเอ๋อตอบกลับเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามภายในใจของนางนั้น นางนั้นรู้สึกโล่งอก ผู้หญิงที่ยั่วยวนเช่นฮูเหยียน หลานเร่อ นั้นทำให้นางรู้สึกถูกคุกคาม

                “การฝึกที่ผ่านมาหลายวันนี้ทำให้ตัวของพวกข้านั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อทั่วตัว ตัวของพวกข้าเริ่มที่สกปรก และพวกเรากำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำ เจ้าต้องการมาร่วมกับพวกเราหรือไม่?” ลู่เพียวแหย่ด้วยความขบขัน

                “ ข้า....ข้าจะไม่ไปด้วย!” เซี่ยวหนิงเอ๋อเริ่มพูดติดอ่าง จ้องเขม็งไปที่ลู่เพียว

                “เจ้าสามารถไปด้วยกันสองต่อสองกับเนี่ยลี่ พวกเราจะไม่ไปรบกวนพวกเจ้า” ลู่เพียวหัวเราะขึ้น

                เมื่อได้ยินที่ลู่เพียวพูดนั้น หน้าของเซี่ยวหนิงเอ๋อปรากฏสีแดงขึ้นมาฉับพลัน

                “ลู่เพียวนั้น ไม่ได้มีเรื่องที่เป็นแก่นสารใดจะกล่าว อย่าได้ไปใส่ใจกับเขาเลย!”เนี่ยลี่ได้ตบไปที่หลังศรีษะของลู่เพียวและได้พูดกับเซี่ยวหนิงเอ๋อ

                “อืม” เซี่ยวหนิงเอ๋อผงกศรีษะรับ ท่าทีเอียงอายของนางนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าช่างน่ารักเพียงใด

                “เนี่ยลี่ เจ้าไม่หลงเหลือไว้ซึ่งความพี่น้องต่อกันเลย เจ้าได้พูดไปว่าข้าไม่มีเรื่องที่เป็นแก่นสารให้พูด ” เจ้านั้นเห็นหญิงนั้นสำคํญกว่าเพื่อน! ข้าคงจะไม่สู้กับเจ้าด้วยเรื่องเกี่ยวกับนางหรอก

                เมื่อได้เห็นการโต้เถียงระหว่างเนี่ยลี่และลู่เพียวเช่นนั้น เซี่ยวหนิงเอ๋อรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย มันได้ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่นางได้มีสหายเช่นนั้นอยู่รอบ ๆ ตัวของนาง ภายในความคิดนางปรากฏรูปร่างหนึ่งขึ้นมา นั่นคือเอียจื่ออวิ๋น เมื่อนางยังเด็ก นางและเอียจื่ออวิ๋นทั้งสองต่างเคยเป็นสหายที่ดีต่อกัน แต่เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเมื่อระหว่างพวกนางค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ

                แต่ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เนี่ยลี่ชอบก็คือเอียจื้ออวิ้น

                เซี่ยวหนิงเอ๋อได้คิดอย่างเป็นความลับอยู่ภายในใจของนาง ว่านางนั้นจะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับเอียจื่ออวิ๋นเด็ดขาด!

                ห่างออกไปไม่ไกลนักกลุ่มของคนประมาณสิบ คนค่อย ๆ เดินเข้ามา หัวหน้าของกลุ่มนี้นั้นเป็นผู้ชายอายุราว ๆสามสิบ ปีเห็นจะได้ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ เส้นผมสีเหลืองบาง ๆ คลุมใบหน้าของเขาไว้เกินกว่าครึ่ง ดวงตาของเขานั้นเฉียบคมราวกับตาของเหยี่ยว

                ชายผู้นั้นกวาดสายตาชำเลืองมองมาที่เนี่ยลี่ ภายในดวงตาเขาปรากฏความแปลกใจในสิ่งหนึ่งอย่างฉับพลันแต่ก็กลับมาเป็นดวงตาที่สงบในทันใด

                เนี่ยลี่มีความคิดลับ ๆ อยู่ในใจว่า 'ข้าเคยได้พบชายผู้นั้นมาก่อนหรือไม่?'

                เมื่อชายผู้นั้นได้เดินผ่านตัวเขา เนี่ยลี่สามารถจับได้ถึงลมปราณที่แผ่ออกมา กลุ่มของผู้คนเหล่านี้เป็นพวกสมาคมทมิฬเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่พวกเขาได้ พบที่นครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเนี่ยลี่ยังคงสงบอยู่เมื่อเขาเดินผ่านคนกลุ่มนี้ เขาไม่ได้แสดงถึงปฏิกิริยาใดออกมา ถ้าหากว่าเขาได้แสดงอาการตอบสนองขึ้นมาซึ่งสิ่งหนึ่งแล้วและถูกคนพวกนั้นจับ พิรุธได้ เมื่อนั้นพวกมันจะต้องปิดปากเขาอย่างแน่นอน

                หลังจากทิ้งระยะห่างพอสมควรแล้ว ผู้ชายคนนั้นหันหลังกลับและชำเลืองมองมาที่เนี่ยลี่

                “หัวหน้า เจ้าหนูนั้นเป็นไปได้ว่าจะไม่สามารถจำพวกเราได้” ลูกน้องคนหนึ่งข้างตัวเขาพูดขึ้น

                “ใช่แล้ว” ชายผู้นั้นตอบกลับพร้อมกับผงกศรีษะเล็กน้อย ชายผู้นี้คือหยุนหัว ฉีชี่ เพราะว่าด้วยสถานะเฉพาะของเขานั้น เขาต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างสูงเมื่ออยู่ภายในเมืองกลอรี่

                “พวกเราต้องกำจัดเสียซึ่งคนผู้นั้นหรือไม่?” ลูกน้องอีกคนได้ถามขึ้น

                “ไม่จำเป็น” หยุนหัว ฉีชี่กล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะของเขา ถ้าพวกเขานั้นได้ฆ่าคนในเมืองกลอรี่ มันจะเป็นปัญหาได้ถ้าทางตำหนักเจ้าเมืองเริ่มที่จะทำการสอบสวน

                หลังจากได้เดินผ่านถนนสองสายลงมา เกิดความแน่ใจแล้วว่ากลุ่มเหล่านั้นไม่สามารถสังเกตุเห็นได้ เนี่ยลี่ถอนใจด้วยความโล่งอก

                “หนิงเอ๋อ คนกลุ่มนั้นเป็นใครกัน” เนี่ยลี่ยิ้มเล็กน้อยและถามขึ้น

                “กลุ่มคนเมื่อครู่นี้เช่นนั้นหรือ?” เซี่ยวหนิงเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นนางอมยิ้ม “กลุ่มคนเหล่านั้นมาจากภัตตาคารดารา และภัตตาคารดาราเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลศักดิ์สิทธิ์”

                เซี่ยวหนิงเอ๋อไม่รู้ว่าทำไมเนี่ยลี่ถึงได้ถามเช่นนี้ออกมา

                เมืองกลอรี่นั้นมีอันตรายอยู่ทั่วจริง ๆ ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องเผยความสามารถบางอย่างของเขาออกมาเสียแล้ว เพื่อได้รับมาซึ่งความแน่ใจในความปลอดภัยของชีวิต

                ดูเหมือนว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของเมืองกลอรี่ปรากฏว่าเริ่มซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิดไว้ทีแรก เขาไม่รู้ว่ามีผู้คนของกลุ่มสมาคมทมิฬที่กำลังซ่อนตัวอยู่บริเวณรอบ ๆ เมืองเป็นจำนวนเท่าใด ดังนั้นเขาต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง เนี่ยลี่หวนรำลึกอย่างละเอียดถึงกลุ่มคนที่ได้ต่อสู้เพื่อเมืองกลอรี่จนวาระสุดท้ายในชีวิตที่แล้วของเขา พวกคนเหล่านั้นตายเยี่ยงวีรบุรษในศึกต่อสู้ครั้งสุดท้าย น่าจะเป็นคนที่เขาสามารถไว้ใจได้

                เนี่ยลี่ต้องรวบรวมพลังทุก ๆ อย่าง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

                ภายในเมืองกลอรี่ สถานะของสมาคมปรุงยาได้เริ่มเสื่อมลง อย่างไรก็ตาม มันยังสามารถคงอยู่ได้อย่างน่าประหลาด สมาคมปรุงยานั้นสถานะอยู่ต่ำกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตระกูลหลักทั้งสาม

                ภายในสมองเนี่ยลี่ เขามีความรู้ทุกชนิดมากมายมหาศาลเกี่ยวกับการปรุงยานี้ ถ้าพวกเขาได้ใช้มันอย่างถูกต้อง เขาจะสามารถเสริมพลังให้แก่สมาคมปรุงยานี้ได้ เมื่อสมาคมปรุงยาแข็งแกร่งขึ้น เมืองกลอรี่ก็จะเข็มแข็งขึ้นตามไปด้วย สิ่งนี้สามารถคิดได้ว่าเป็นสิ่งที่เนี่ยลี่ได้สนับสนุนให้แก่เมืองกลอรี่ได้

                สมาคมปรุงยาเป็นสถานที่ใหญ่โตมโหฬาร ลานสำหรับกิจกรรมรื่นเริงรมย์เพียงอย่างเดียวก็กินซึ่งพื้นที่มหาศาล คฤหาสน์ที่อยู่เบื้องหน้าปรากฏนักปรุงยามากมายโดยที่พวกเขาสวมใส่ชุดคลุมที่มีสีแตกต่างกันไป กำลังเดินเข้าและเดินออกอยู่

                แม้ว่าสมาคมปรุงยาเริ่มจะเสื่อมถอยลงแล้วบ้าง สิ่งหนึ่งนั้นยังคงสามารถเห็นได้ว่าสมาคมปรุงยานั้นเคยรุ่งเรืองเพียงใด เมื่อได้เห็นฐานที่ตั้งของสมาคมปรุงยาที่ได้สร้างไว้ซึ่งสิ่งก่อสร้างที่งดงามนี้

                นักปรุงยาแบ่งระดับได้เป็น ผู้ฝึกหัด ผู้รอบรู้ และผู้เชี่ยวชาญ ทุกๆ ระดับสามารถแยกย่อยไปได้อีกเป็นหลายชั้นคือ เริ่มต้น กลาง และสูง พวกผู้ฝึกหัดนั้นจะสวมชุดคลุมสีเทา ผู้รอบรู้จะสวมชุดคลุมสีขาว และผู้เชี่ยวชาญจะสวมชุดคลุมสีเงิน นักปรุงยาส่วนมากที่เดินเข้าและออกอยู่ในระดับผู้ฝึกหัด สำหรับระดับผู้รอบรู้นั้น พวกเขาไม่ค่อยปรากฏให้พบเห็นเท่าใดนัก มีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่สามารถพบเห็นได้

                ด้วยเหตุที่สมาคมปรุงยาเริ่มเสื่อมถอยลง พวกอัจฉริยะทั้งหลาย(ภายนอก)นั้นรู้สึกฝืนใจที่ต้องให้เวลาของพวกเขาในการปรุงยานี้ พวกเขามุ่งไปที่การฝึกวรยุทธแทน ดังนั้น จำนวนของนักปรุงยารุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นนั้นจึงมีน้อยและน้อยลงเรื่อย ๆ

                หลังจากได้เดินเข้าสู่สมาคมปรุงยา เซี่ยวหนิงเอ๋อ ตู่ซื่อ และลู่เพียว และคณะต่างมองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ พวกเขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเนี่ยลี่ถึงได้มาซึ่งที่นี่

               เนี่ยลี่ค่อย ๆ นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ภายในสมาคมปรุงยา ที่นี่มีกลุ่มบุคคลอาวุโสอยู่ทั้งหมดหกท่านซึ่งมีคำพูดที่ทรงอิทธิพลที่สุด พวกเขาเป็นกลุ่มของผู้อาวุโสโดยตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในกลุ่มนั้นคือระดับผู้รอบรู้ขั้นกลาง ถัดมาคือสองผู้รอบรู้ขั้นสูง สำหรับระดับผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้นั้น สมาคมปรุงยาไม่มีเลยสักผู้เดียว นอกจากกลุ่มคนอาวุโสทั้งหกนี้ ยังคงมีผู้อำนวยการซึ่งคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในสมาคมปรุงยานี้

                ภายในศึกต่อสู้ครั้งสุดของเมืองกลอรี่เมื่อชีวิตที่แล้วของเขา สมาคมปรุงยานี้นั้นได้เข้าร่วมด้วยจำนวนมาก ท้ายที่สุด ทุก ๆ คนก็ได้จบชีวิตในสงครามดังวีรบุรุษ ด้วยเหตุนี้แม้เพียงสิ่งเดียวนั้น เนี่ยลี่ก็สามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขานั้นไม่ได้เข้าร่วมกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์

                “ยินดีที่ได้พบท่านที่นี่ มีอะไรให้ข้ารับใช้ท่านบ้าง” หญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมสีเทาเดินเข้ามาและถามขึ้น นางเป็นพนักงานต้อนรับของตำหนักสมาคมปรุงยา

                “ข้ามาที่แห่งนี้เพื่อเข้ารับการทดสอบปรุงยา” เนี่ยลี่ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปที่ผู้หญิงสูงคนนี้และยิ้มเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าจะให้ข้าเรียกท่านด้วยชื่อใด”

                เซี่ยวหนิงเอ๋อ ตู่ซื่อ ลู่เพียวและคณะต่างมองไปที่เนี่ยลี่ด้วยความตกใจ เริ่มต้นเลยพวกเขาคิดว่าการที่เนี่ยลี่มายังที่แห่งนี้นั้นเพื่อมาหาใครบางคน พวกเขาไม่เคยคิดเลย ว่าเนี่ยลี่จะมาที่แห่งนี้เพื่อรับการทดสอบเป็นนักปรุงยา

                สามารถเป็นไปได้หรือที่เนี่ยลี่จะทำได้ดีเรื่องการปรุงยานี้ด้วย?

                หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันกับเนี่ยลี่มาเป็นเวลานาน ด้วยเหตุการณ์ที่น่าแปลกใจทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเนี่ยลี่ ตู่ซื่อ ลู่เพียว และคนอื่นๆไม่พบว่ามันน่าแปลกใจแต่อย่างใด

                หญิงผู้นี้ได้มองที่เนี่ยลี่ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย จำนวนของคนเด็กเยาว์วัยที่มายังสมาคมปรุงยาเพื่อรับการทดสอบเป็นนักปรุงยานั้นค่อนข้างหาได้ยาก แต่เมื่อมีผู้มาใหม่มาเยือน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่สมาคมปรุงยาจะต้อนรับพวกเขา

                “ท่านสามารถเรียกข้าได้ว่า เสี่ยวหลาน ท่านมาที่นี่เพื่อการทดสอบเป็นนักปรุงยาระดับผู้ฝึกหัด ถูกต้องหรือไม่? ท่านนั้นได้เตรียมพร้อมมาแล้วเพียงใด ? นักปรุงยาระดับฝึกหัดนั้นจักคุ้ยเคยเป็นอย่างดีกับตำราพื้นฐานของการปรุงยามากกว่าสิบเล่ม” เสี่ยวหลานพูด ยิ้มเล็กน้อย ตำราเหล่านั้นมีจำนวนคำมากกว่าแสนคำเกี่ยวกับการพื้นฐานของการปรุงยา และสิ่งเหล่านั้นเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนถอยหนีไป อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพื่อที่จะเข้ามาสู่การเป็นนักปรุงยานั้น ถ้าพวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งพื้นฐานและหลักของการปรุงยา อาจเป็นสาเหตุทำให้ถึงแก่ความตายได้

                “แม่นาง เสี่ยวหลาน ข้าสามารถเข้ารับการทดสอบระดับผู้รอบรู้ได้หรือไม่” เนี่ยลี่ถามพร้อมกับมองไปที่เสี่ยวหลาน

                เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ เสี่ยวหลานชะงักไปชั่วครู่ และพูดว่า “ แม้มันจะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ท่านรู้แล้วรึว่าจำเป็นต้องใช้การฝึกฝนมากเพียงใดเพื่อจะได้กลายมาเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นี้ นอกจากตำราเหล่านั้นที่เกี่ยวกับพื้นฐานแล้ว ยังคงมีตำราอื่นอีกมากกว่าหนึ่งร้อยเล่มเกี่ยวกับสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่ท่านจะต้องทำความคุ้นเคยกับมัน

                เสี่ยวหลานกวาดสายตำชำเลืองมองไปยังเนี่ยลี่ และคิดภายในใจของนางว่าเนี่ยลี่คนนี้นั้นช่างโง่เขลานัก แม้ว่าเขาจะเริ่มต้นอ่านตำราเหล่านั้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เขาก็ไม่สามารถจะอ่านพวกมันได้จบ ยังมิต้องพูดถึงเลยซึ่งการคุ้นเคยและเข้าใจในตำราเหล่านั้น ผู้ที่อยู่ในระดับรอบรู้ขั้นต้นส่วนมากแล้วได้อุทิศเวลาเป็นอย่างมากในการ อยู่ที่ระดับฝึกหัด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เนี่ยลี่นั้นน่าจะไม่เคยแม้กระทั้งสัมผัสกับหม้อปรุงยามาก่อน แม้ว่าเขาจะผ่านรอบแรกของการสอบได้ ในรอบที่สองของเขานั้น เขาจะต้องทำให้ตัวยาเพิ่มความสามารถขึ้นและเขาคงไม่สามารถจะผ่านมันไปได้ เนี่ยลี่เป็นผู้ที่ไม่คิดอย่างสมเหตุสมผล เขาไม่ได้ใช้เวลาของเขาผ่านการศึกษาอย่างถูกต้องและกำลังหวังจะก้าวขึ้นสู่ ท้องฟ้าโดยก้าวไปเพียงก้าวเดียวนี้

                เนี่ยลี่กระพริบตา มองไปที่เสี่ยวหลานและพูดขึ้น “อายุนั้นไม่ได้บ่งบอกซึ่งความรู้ของผู้ใด ถูกต้องหรือไม่” แม่นางเสี่ยวหลาน ขอเพียงแค่ท่านนำข้าไปสู่การทดสอบระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นด้วย...จบตอน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น