วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตอนที่ 1: กำเนิดใหม่

ตอนที่ 1: กำเนิดใหม่
เหนือเทือกเขาบูรพชน(เสิ้งจู่ซาน)อันกว้างใหญ่ไพศาล แสงอาทิตย์สาดผ่านช่องผาลึก เหนือยอดเขาทั้งหลายนั้นยังหลงเหลือหิมะอยู่ แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูร้อน หิมะก็ยังไม่ได้ละลายไปสิ้น ความหนาวเหน็บที่นี่นั้นยาวนานยิ่ง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายยังคงดังก้องเป็นระยะ
ท่ามกลางหุบเขานั้น มีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อาณาบริเวณรอบเทือกเขาบูรพชนนั้นถูกยึดครองโดยฝูงสัตว์ร้าย ผู้อาศัยในเทือกเขานั้นถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว
ประชากรของเมืองนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อย มีบันทึกในเมืองกล่าวถึงยุคทองของมวลมนุษยชาติ มีนักรบและผู้ใช้ภูตระดับตำนานหลายพัน มนุษย์ก่อตั้งอาณาจักรหลายแห่งกระจัดกระจายทั่วท้องทวีป หากอาณาจักรทั้งหลายถูกทำลายล้างสิ้น อาศัยว่าเมืองนี้ซุกซ่อนอยู่ในสถานที่ซับซ้อนจึงรอดพ้นจากยุคมืดมาได้ แต่ยังคงต้องเผชิญกับการรุกรานของเหล่าสัตว์ภูติลมหิมะในเขตเทือกเขาอยู่เสมอ แต่แม้จะถูกทำลายหนักหนาเพียงไร นครแห่งนี้ยังคงก่อร่างสร้างขึ้นใหม่ได้ทุกครั้ง
กำแพงที่ถูกซ่อมสร้างด้วยอิฐต่างสีนี้คืออนุสาวรีย์อันยืนยง
นครแห่งนี้มีนามว่านครเรืองโรจน์(กวงฮุย) และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของมนุษยชาติ!!!
…………………………………………………………………….
สถานศึกษาเสิ้งหลัน(กล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์) ชั้นเรียนนักรบฝึกหัด
นักเรียนในชั้นจำนวนสามสิบคนนั่งลงและรอรับการสอนของอาจารย์หญิง นักเรียนเหล่านี้คือเหล่านักรบฝึกหัด นักเรียนของสถานศึกษาเสิ้งหลัน
ฉันได้ยินว่าอาจารย์ท่านใหม่แซ่เสิ่น เป็นผู้ใช้ภูตระดับสามดาวเงินของตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์(เสินเสิ้งซื่อเจีย)!” นักเรียนจำนวนหนึ่งกระซิบกระซาบ
ความสนใจของนักเรียนต่างพุ่งเป้าไปที่อาจารย์หญิง นางมีรูปร่างสูงโปร่ง ใส่ชุดคลุมรัดรูปสีม่วงสด ขับเน้นหน้าอกอันงดงาม เรียวขาขาว และการแต่งหน้าที่ยอดเยี่ยมทำให้นางดูงดงามและสูงส่งยิ่ง ตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของนครเรืองโรจน์ ด้วยชาติกำเนิดและฝีมือระดับสามดาวเงิน นางมีต้นทุนเหลือแหล่ที่จะทะนงตัว
โดยปกติแล้วด้วยฝีมือระดับสามดาวเงินของนาง การมาสอนในชั้นเรียนไม่ใช่สิ่งจำเป็น นางตอบรับคำเชิญนี้เพียงเพราะว่าหลานชายของนางเรียนอยู่ในชั้นเรียนนี้เท่านั้น
นักรบและผู้ใช้ภูติแบ่งออกได้เป็นห้าระดับ คือทองแดง เงิน ทองคำ เหล็กนิล** และตำนาน ในแต่ละระดับสามารถแบ่งชั้นกันได้อีกห้าชั้น นับตั้งแต่ 1 ดาว ถึง 5 ดาว
[** ต้นฉบับใช้ว่าทองดำ 黑金 เป็นชื่อโลหะโบราณชนิดหนึ่ง เชื่อว่ามีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหมาะแก่การเอามาทำอาวุธยุทธภัณฑ์ ยังไม่แน่ชัดว่าปัจจุบันคือแร่ผสมชนิดใด เปินเฉ่ากังมู่บอกว่าเป็นโลหะผสมทั้งห้า ผู้แปลเข้าใจว่าเป็นโลหะชนิดเดียวกับที่ใช้สร้างกระบี่เหล็กนิล จึงขอเรียกว่าเหล็กนิลตามท่าน น.นพรัตน์ และเพื่อป้องกันความสับสนครับ อนึ่ง กระบี่เหล็กนิลต้นฉบับใช้เซวียนเถี่ยจ้งเจี้ยน ไม่ได้ระบุชนิดโลหะอื่นแต่ประการใด]
ผู้ใช้ภูตินั้นนับได้ว่าเหนือกว่านักรบธรรมดา พวกเราคือชาติพันธุ์สูงส่ง เราเพาะสร้างเวิ้งวิญญาณ*** ในตันเถียน*** ซึ่งมีความสามารถในการกักกันภูติไว้ในเวิ้งวิญญาณเพื่อรวมร่างกับภูติในการต่อสู้ นี่ทำให้ผู้ใช้ภูติทรงพลังไร้เทียมทาน ยิ่งกว่าที่เหล่านักรบจะสามารถทำได้เสิ่นซิ่วเชิดหน้าและกล่าวอย่างทะนง
[เวิ้งวิญญาณ ในเรื่องนี้หมายถึงทะเลแห่งจิต ต้นฉบับใช้คำว่า 灵魂海 หลิงหุนไห่ หรือทะเลวิญญาณ]
[ตันเถียนคืออวัยวะบนเส้นลมปราณ เชื่อว่าอยู่ใต้สะดือลงมาสามนิ้ว คือที่เก็บสะสมพลังภายใน]
เหมือนเช่นภูติของฉัน จิ้งจอกเพลิงชาด
ใบหน้าและฝ่ามือของเสิ่นซิ่วเปลี่ยนไปในทันใด รูปหน้าเรียวแหลมขึ้น ฟันและเล็บคมขึ้น และหางสีแดงชาดผุดออกจากหลังของนาง
หลังรวมร่างกับภูติ ฉันสามารถควบคุมพลังของมัน และได้รับทักษะธาตุไฟของมันเช่นกัน ในบรรดาภูติทั้งหลาย จิ้งจองเพลิงชาดเป็นภูติระดับทอง ซึ่งนั่นหมายความว่าฉันสามารถบรรลุถึงระดับทองได้เช่นกัน แน่นอนว่าหลังจากฉันเข้าสู่ระดับทอง ฉันสามารถเปลี่ยนเป็นภูติที่ทรงพลังกว่านี้ได้เมื่อกล่าวถึงการบำเพ็ญเพียรของตน เสิ่นซิ่วยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตนยิ่งขึ้น
คำพูดของเสิ่นซิ่วสร้างเสียงฮือฮาในกลุ่มนักเรียน การเป็นผู้ใช้ภูติระดับทองนั้นไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา
แต่พร้อมกับที่เสิ่นซิ่วสอนอยู่หน้าชั้นเรียน นี่หลี(เพลิงแซ่นี่)นั่งหลับนั่งเรียนอยู่ท้ายห้องในสภาพสะลึมสะลือเหมือนวิญญาณลอยออกจากร่างก็ตื่นขึ้น
ครู่หนึ่งนี่หลีก็ลืมตาตื่น ภาพที่ปรากฏในคลองสายตาทำให้เด็กหนุ่มสับสนเต็มกำลัง
ข้าอยู่ที่ไหน?” นี่หลีกระซิบถามตัวเอง
เด็กหนุ่มตะลึงงันเมื่อพบว่าสองมือของเขาเล็กลง ผิวหนังก็นุ่มนิ่มกว่าเดิม
เสิ่นซิ่วยังคงสอนอยู่หน้าชั้นเรียน นี่หลีจำได้ว่านี่คือปีที่เขาเข้าเรียนในสถานศึกษา ครูที่สอนอยู่เป็นผู้ใช้ภูติระดับสามดาวเงินผู้หยิ่งทะนง นางทำให้นี่หลีไม่อยากเรียนอยู่พักใหญ่
ข้ากลับมาเกิดใหม่หรือ?” นี่หลีอึ้ง เขาจำได้ว่าตัวเขาถูกล้อมกรอบโดยจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์(เสิ้งตี้)และ 6 สัตว์อสูรเทวะก่อนจะเสียชีวิตในการต่อสู้ ดูเหมือนเขาจะกลับมาตอนที่เขายังอายุเพียง 13 ปี
นี่หลีมองไปรอบตัว ก่อนพบใบหน้าคุ้นเคย ลู่เปียวและตู้เจ๋อ พี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขายังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่รูปร่างยังไม่เติบใหญ่เท่านั้น
แล้วก็นาง... นี่หลีมองไปทางซ้าย ห่างไปไม่กี่เมตร ใบหน้างดงามปรากฏในคลองสายตา ชื่อของนางคือเย่จื่อหวิน แม้รูปลักษณ์ยังอยู่ในวัยสิบสามสิบสี่ปี นางกลับดูบอบบางและสูงสง่าด้วยเรือนผมสีม่วงยาวถึงเอว คิ้วเรียวโค้ง และประกายแห่งปัญญาที่ซุกซ่อนในดวงตา ลักยิ้มบุ๋มสองแก้มปรากฏเมื่อนางเผยอยิ้ม
แม้นางยังคงเยาว์วัย นี่หลีทราบดีว่าเมื่องนางเติบโตขึ้น นางจะกลายเป็นนางงามผู้น่าหลงใหล ภายใต้ชุดไหมสีขาวซึ่งขับให้นางสูงสง่ายิ่งขึ้น ในชาติก่อน นี่หลีหลงรักนางหัวปักหัวปำตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
นางยังไม่ตาย!’
นี่หลีตื่นเต้นจบแทบหยุดหายใจ
ข้ากลับมาในเวลานั้นจริงๆ นี่คือความจริงไม่ใช่ความฝัน?’ นี่หลีถามตัวเองพร้อมหยิกตัวเองอย่างหนักหน่วง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นย้ำเตือนว่านี่ไม่ใช่ความฝันจริงๆ พลันเขาก็นึกถึงสิ่งหนึ่ง
ตำราภูติห้วงกาลลี้ลับ, เป็นฝีมือของตำราภูติห้วงกาลลี้ลับ (เสินมี่เตอะซือคงเยาหลิงจือซู) แน่นอน
นี่หลีก้มหน้าลงแล้วเริ่มค้นหามันในทันใด แต่เขากลับไม่พบตำราภูติเล่มนั้น
นี่หลีไม่เชื่อว่าการกลับชาติมาเกิดของเขา ปรากฏการณ์อันลี้ลับเช่นนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับตำราภูติห้วงกาลลี้ลับ
ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนสร้างตำราภูติเล่มนี้ มันเป็นตำราลี้ลับสุดยอดที่นี่หลีเก็บไว้กับตัวเสมอ เขาจำได้แม่นยำว่าขณะต่อสู้กับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และหกสัตว์อสูรเทวะ เลือดของเขาไหลอาบตำราเล่มนี้ ต้องเป็นมันแน่นอนที่นำเขาย้อนเวลามาเกิดใหม่ในตอนอายุสิบสามปี
เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยเหล่านี้ นี่หลีพลันนึกย้อนความทรงจำอันแสนไกล
เขายังจำได้ถึงวันที่เหล่าสัตว์ภูติลมหิมะบุกนครเรืองโรจน์อย่างบ้าคลั่ง เทพพิทักษ์นคร ท่านจ้าวเย่ม่อ ผู้ใช้ภูติระดับตำนานสละชีวิตในการรบกับสัตว์ภูติร่วมกับประชาชนนับล้าน มีเพียงไม่กี่พันที่รอดชีวิตและหลบหนีไปถึงทะเลทรายทางตะวันออกของเทือกเขาบรรพชน ระหว่างการลี้ภัย เหล่าผู้รอดชีวิตค่อยๆตายกันไปทีละคน วันหนึ่งในทะเลทรายท่ามกลางการตีวงล้อมของสัตว์ภูติ นี่หลีกับเย่จื่อหวินเสาะแสวงหาความอบอุ่นในใจของแต่ละคน
คืนนั้น นี่หลีได้โอบกอดนางในใจในที่สุด
ภายใต้ฟ้ายามค่ำคืน แสงจันทร์เงินถักทอเป็นม่านขมุกขมัว เรือนร่างสุดวิเศษของเย่จื่อหวิน ผิวกายเนียนใสประดุจแก้ว ประหนึ่งสรรค์สร้างจากรูปปั้นหยก ทั้งสองโอบกอดกันด้วยความหลงใหลอย่างบ้าคลั่ง
ถ้านครเรืองโรจน์ไม่ถูกทำลาย และการลี้ภัยอันยากลำบาก เขาไม่มีทางจะได้รับความเมตตาจากเย่จื่อหวิน เด็กหนุ่มจากตระกูลที่ร่วงโรยและมีความสามารถต้อยต่ำ
หลังจากคืนนั้น พวกเขาพบกับสัตว์ภูติอีกกลุ่ม เย่จื่อหวินสละชีวิตภายใต้กรงเล็บของสัตว์ภูติเพื่อช่วยเขา นี่หลีไม่มีทางลืมเลือนช่วงเวลานั้น
หลังการจู่โจมที่แทบเอาชีวิตไม่รอด นี่หลียังคงเก็บกู้ชีวิตมาได้และออกจากทะเลทรายไร้ขอบเขตได้ในที่สุด
แม้ความสามารถของเขาจะต่ำต้อย สัญชาตญาณการเอาตัวรอดยังพานี่หลีออกท่องไปได้ทั่วทวีปวิญญาณศักดิ์สิทธิ์(เสิ้งหลิงต้าลวี่) ชายหนุ่มได้พบผู้คนมากมายต่อต้านภัยสัตว์ภูติ พบสิ่งประหลาดมากมาย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือตำราภูติห้วงกาลลี้ลับ ถ้าไม่มีตำราเล่มนี้ นี่หลีย่อมไม่มีทางกลับมาเกิดได้อีก
เป็นตำราภูติห้วงกาลลี้ลับนำเขาผ่านห้วงเวลากลับมา เขากลับมายังช่วงเวลาก่อนที่นครเรืองโรจน์จะล่มสลาย กลับมาเบื้องหน้าพ่อแม่ ตระกูล และเหล่าพี่น้องก่อนจะตายในการรบ กลับมาก่อนความตายของเย่จื่อหวินระหว่างลี้ภัย
เมื่อข้ากลับมา ฟ้าเบื้องบนให้โอกาสที่สองแก่ข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้นครเรืองโรจน์ถูกทำลายอีกครั้ง นี่หลีกัดฟันพูดกับตัวเอง นี่คือคำสัตย์สาบาน เขายังจำได้ว่าเขาเพิ่งจะสมัครเข้าสถานศึกษา และตอนนี้เขาเพิ่งจะสิบสามปี นี่หลีหัวร่อในใจอย่างร่าเริง ข้ากลับมาแล้ว ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีอย่างยิ่ง
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ครั้งหน้าข้าจะฆ่าท่านสังเวยแก่อดีตชาติ
ถ้านครเรืองโรจน์ไม่ล่มสลาย เขากับเย่จื่อหวินคงอยู่กันคนละโลก เป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่ร่วมกัน เย่จื่อหวินเป็นลูกสาวของจ้าวนครเรืองโรจน์ มิพักว่าปู่ของนางคือผู้ฝึกภูติระดับตำนานเย่ม่อ นี่หลีมาจากตระกูลที่ร่วงโรยและไร้อำนาจ เป็นระหว่างการลี้ภัยเอง ทั้งสองจึงเพาะสร้างความรู้สึกลึกล้ำระหว่างกัน
ระหว่างจื่อหวินอยู่ในสถานศึกษา ไม่มีใครรู้สถานะของนาง แม้แต่นี่หลีเองก็ได้รับรู้หลังจากนั้น
ในนครเรืองโรจน์มีสามตระกูลหลัก ได้แก่ตระกูลปราชญ์วิเศษ(เสิ้งหมิง), ตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์ (เสิ่นเสิ้ง) ตระกูลวายุเหมันต์(เฟิงเซวะ) เหล่านี้ถือครองอำนาจในการควบคุมนคร เสาหลักของสกุลสูงศักดิ์ จ้าวนครจะถูกคัดเลือกจากสามตระกูลนี้ นอกจากสามตระกูลหลัก ยังมี 7 ตระกูลใหญ่ และ 20 ตระกูลยศฐา
นี่หลีมาจากตระกูลรอยฟ้า(เทียนเหิน) ซึ่งเป็นลำดับสุดท้ายในยี่สิบตระกูลยศฐา แม้จะมีตำแหน่งฐานะอยู่บ้าง แต่ยังคงแตกต่างจากสามสกุลหลักและเจ็ดสกุลใหญ่อย่างยิ่ง
ด้วยเบื้องหลังเช่นนี้ เรื่องราวระหว่างนี่หลีกับเย่จือหวินย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อกลับมาเกิดใหม่ เรื่องพวกนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่หรือ? ถึงพื้นฐานของเขาจะต่ำต้อย ด้วยความรู้มหาศาลจากชาติก่อน การเพิ่มพูนทักษะไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย
ยิ้มอะไรของแกน่ะนี่หลีลู่เปียวถามพลางมองนี่หลีอย่างสงสัย เขาสงสัยว่านี่หลีคงบ้าไปแล้วกระมัง ถึงได้หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวพลางจับจ้องไปยังเย่จื่อหวินอย่างหื่นกระหาย
แค่อารมณ์ดีน่า ชั้นดีใจที่ได้เจอนายนะพี่น้องนี่หลีพูดพลางกอดลู่เปียว นี่เป็นนิสัยจากชาติก่อนของเขา
หลังถูกกอดแบบแปลกๆ ลู่เปียวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ใครเป็นพี่น้องเอ็งวะไอ้เกย์เฒ่า ปล่อยข้าเร็ว!” ลู่เปียวร้อง พวกเขาเพิ่งจะเริ่มเรียนมาได้ไม่นาน เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน ไม่ได้สนิทสนมอะไรขนาดนี้
นี่หลีไม่ได้ปล่อยมือ เด็กหนุ่มมองลู่เปียวอย่างจริงจังพลางกล่าว ไม่ว่านายจะคิดยังไง ในใจชั้น นายเป็นพี่น้องเสมอ
แน่นอนว่านี่หลีบอกเรื่องลู่เปียวในชาติก่อนไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของนี่หลี ลู่เปียวได้แต่ตะลึงและร้องอย่างเสียไม่ได้ว่า ไอ้ตัวประหลาด
อย่างไรเสีย คำพูดของนี่หลีก็ทำให้เขารู้สึกดีอยู่พอควร
ลู่เปียวมองนี่หลีพลางกล่าว ชั้นรู้ว่านายมาจากสกุลยศฐา แต่ชั้นเตือนนาย อย่าหวังทำอะไรกับเด็กคนนั้น ตัวตนของเธอลึกลับมาก ฉันได้ยินว่าทักทีที่เธอเข้าเรียน ครูใหญ่ถึงกับจัดหอให้เธอด้วยตัวเอง
นี่หลีกัดฟันกรอด ลู่เปียวยังไม่รู้ฐานะของจื่อหลินในขณะที่เขารู้ดี
เธอเป็นผู้หญิงของฉันนี่หลีประกาศกร้าว ดวงใจของเขายินดียิ่งพลางหวนคิดถึงเรื่องในคืนนั้นเพียงได้เห็นเรือนผมสีม่วงของจื่อหวิน
นี่หลีพลันจำได้ว่าพวกเขาเพิ่งจะอายุ 13 ปี
จื่อหวิน เมื่อเติบโตขึ้น ท่านจะกลายเป็นนางงามชวนหลงใหล ข้าจะปกป้องท่านและเติบโตไปด้วยกัน
หากไม่ห่างออกไป เย่จื่อหวินรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นางเหลียวหน้ากลับไปและพบกันนี่หลี นางพลันขมวดคิ้ว นึกในใจว่านี่หลีคงเป็นคุณชายเจ้าสำราญ ตั้งแต่เริ่มชั้นเรียน เขามองนางอย่างไม่เกรงใจ แต่ถ้าเขากล้าแหย่นาง นางจะให้เขาเห็นดี

เย่จื่อหวินไม่ได้ใช้ฐานะของนางหาเพื่อน แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะทนรับการหยามหยันได้!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น