วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 37 สุสานของจักรพรรดิคงหมิง

Tales of Demons & Gods บทที่ 37 สุสานของจักรพรรดิคงหมิง
 
 





เมื่อมองไปตามรอยแตกต่าง ๆ ตามกำแพงหินและชั้นของแผ่นหินทั้งหลายตาม

ทางเดินนั้น เนี่ยลี่สามารถรู้ได้ถึงบริเวณที่เป็นกับดักได้อย่างง่ายดาย

             “ระดับของกับดักพวกนี้ไม่สูงนัก มันไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้”

เนี่ยลี่พูด พร้อมมุ่งตรงไปข้างหน้า เขาหยิบก้อนหินมาก้อนหนึ่งและโยนมันออกไปราวๆ ห้าถึงหก เมตร และ *กึก* มันตกไปกระทบที่แผ่นหินสีฟ้าแผ่นหนึ่ง

             ซู่วซู่วซู่ว !

             ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!

             ลูกธนูมากมายพุ่งผ่านทางเดินด้านหน้าของพวกเขาราวกับดั่งพายุที่โหม

กระหน่ำ ที่ปลายของลูกธนูนั้นปรากฏแสงสีเขียวแวววาว

             'ลูกธนูทั้งหมดนั้นถูกทาด้วยยาพิษ' เอียจื่ออวิ๋นสังเกตุเห็น หน้าของนางซีดเผือก นางสามารถจินตนการได้เลยว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นถ้าหากพวกเดินผ่านบริเวณนั้น ความเจ็บปวดอย่างสาหัสที่พวกเขาได้รัับหากเผลอไปโดนกำดักเหล่านี้โดยบังเอิญ ตั้งแต่ส่วนบนไปถึงส่วนล่างของพวกเขาคงจะต้องถูกลูกธนูมากมายปักเต็มไปหมดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

           
         'เนี่ยลี่สามารถตรวจสอบได้อย่างไรว่ากับดักพวกนี้ตั้งอยู่ด้วยระยะทางที่ไกลจากจุดที่ตั้งของกับดักเช่นนี้' นางถามภายในใจตัวเองเบา ๆ

           

      “เรียบร้อยแล้ว พวกเราสามารถเดินทางต่อไปข้างหน้าได้ !” เนี่ยลี่พูด ยิ้มเล็กน้อยขณะมองไปที่เอียจื่ออวิ๋น

           
             แม้ว่ากับดักทั้งหลายจะซ่อนอยู่ในเงามืด เอียจื่ออวิ๋นมีความรู้สึกประหลาดใจตราบเท่าที่นางยังคงตามหลังเนี่ยลี่นางจะปลอดภัย ปัญหาทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นนั้นจะไม่


สามารถทำอะไรนางได้

           
        เมื่อได้มองดูผ่านด้านหลังของเนี่ยลี่ แม้ว่าเนี้ยหลี่จะเป็นคนรูปร่างผอม แต่ก็ดู

เหมือนว่าจะรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้กับเขา

             เอียจื่ออวิ๋นก้มหัวของนางลงต่ำและเริ่มคิดบางสิ่งบางอย่าง

           
          'บางที การที่ต้องมาติดอยู่กับเนี้ยหลี่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว'

           
            อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดแบบนั้นชั่วครู่แล้ว นางรีบสั่นหัวอย่างเร็วเพื่อไล่ความคิดนี้ออกไป

           
           'ข้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันนี่' หนิงเอ๋อดูเหมือนจะมีความรู้สึกบางอย่างที่มอบให้กับเนี้ยลี่ และหลังจากผ่านไปไม่กี่วันฮูเหยียน หลานเร่อแสดงออกว่านางต้องการจะต้องไล่จับหัวใจของเนี่ยลี่มีผู้หญิงมากเพียงใดกันที่นักล่ากระโปรงแบบเนี้ยลี่ยุ่งเกี่ยวด้วย

           

นางไม่เชื่อว่าเนี้ยหลี่นั้นจะชอบนางเพียงผู้เดียว !

           
           
         เอียจื่ออวิ๋นยกหัวนางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ นางนั้นไม่ได้คิดอะไรตื้น ๆ ดังเช่นผู้หญิงคนอื่นพวกเขาทั้งสองยังคงมุ่งหน้าต่อไป เดินทางเข้าไปสู่เส้นทางที่ลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

           
             ในขณะที่เนี้ยหลี่และเอียจื่ออวิ๋นกำลังสำรวจเส้นทางเดินอยู่นี้ข้างนอกนั้นภายในป่า


“พวกเจ้าช่างไร้ค่าเสียจริง! พวกเจ้าปล่อยให้เจ้าวานรยักษ์ฟ้าที่บาดเจ็บสาหัสตนนั้นหนีไปได้”

 
      หยุนหัว ฉีชี่ ตำหนิคนของเขาด้วยความไม่พอใจ อสูรที่อยู่ระดับผสานวิญญาณจะมีวิญญาณอยู่ภายในตัวพวกมัน แม้จะเป็นเพียงระดับสัตว์อสรูซิลเวอร์ แต่นั้นก็สามารถที่จะขายได้เป็นเงินหลายแสนเหรียญจิตมารในท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหกต่างได้รับบาดเจ็บและปล่อยให้เจ้าวานรยักษ์ฟ้า ตนนั้นหนีไปได้

           
         พวกเขารู้สึกโกรธมากกับเนี่ยลี่ถ้าไม่ใช่เพียงเพราะเนี้ยหลี่ที่หลอกล่อเจ้าวานรยักษ์ฟ้าตนนั้นมาสู่พวกเขา พวกเขาคงไม่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดเช่นนี้

           

           “ลืมมันไปซะ มันเป็นแค่ลิงยักษ์ฟ้าตัวหนึ่งเท่านั้น เจ้าพวกเด็กชั้นสูงพวกนั้นยังไงก็มีค่ามากกว่าลิงตัวหนึ่งแน่นอน! ค้นหารอบ ๆพื้นที่นี้! ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถจับหนึ่งในพวกนั้นมาได้ อย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก ! “ หยุนหัวฉีชี่ตะโกนสั่งด้วยความโกรธ ทันใดนั้น

           กลุ่มเริ่มแยกตัวออกและแต่ละคนต่างมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าแสงไฟลาง ๆ จากระยะทางไม่ไกลนักได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา


             ไฟนั้นสามารถใช้เพื่อขับไล่สัตว์อสูรในยามค่ำคืนได้ ทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้อย่างไรก็ตามมันยังทำให้มองเห็นได้จากระยะทางที่ไกลมากด้วยในยามมืดเช่นนี้

           
             “ทำไมพวกเจ้าถึงต้องมาจับตัวข้าด้วย? พวกเจ้าเป็นใครกัน”


           ด้วยความเร่งรีบกลุ่มคนในชุดคลุมดำหลายคนได้จับใครบางคนได้และนำเขาไปให้ หยุนหัว ฉีชี่

             หยุนหัว ฉีชี่หัวเราะ คนที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นสวมชุดชั้นเลิศสถานะของเขานั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

           

            “ เจ้าหนู เจ้าคงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสมาคมทมิฬของพวกเรามาบ้าง คนที่พวกเราจับนั้นเป็นพวกเด็ก ๆ ชั้นสูงอย่างเจ้า พวกเราจะนำเจ้าไปแลกเปลี่ยนกับค่าไถ่ดี..หรือข้าควรจะกำจัดเจ้าทิ้งซะ...

             คนที่ถูกจับตัวมานั้นคือ เสิ่นเอีย เมื่อเขาได้ยินชื่อของสมาคมทมิฬ หน้าของเสิ่นเอียถอดสี เสียงของเขาสั่นเครือ “อย่าฆ่าข้าเลย!ข้านั้นเป็นคนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวของข้าสามารถให้เงินมากมายแก่ท่านได้”

           

              “ตระกูลศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ? ” หยุนหัวฉีชี่ชะงักไปเล็กน้อย แสงผิดหวังเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาและเขาเริ่มคิดภายในใจ


       'ข้ากำลังคิดเรื่องการกำจัดคนผู้นี้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนของรองหัวหน้ากลุ่มไปได้ซะได้ โชคไม่ดีเอาเสียเลย (ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ร่วมจับมือกับสมาคมทมิฬอย่างลับ ๆ มานานแล้วแต่พวกผู้ใหญ่ในตระกูลไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเด็ก ๆ)

             หยุนหัว ฉีชี่หันหน้าไปทางคนของเขาและสั่งอย่างดังว่า


“จงค้นหาต่อไป”

           
           เสิ่นเอียคิดว่าพวกสมาคมทมิฬนี้จะจัดการกับเขาและทำให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ แต่เมื่อได้เห็นท่าที ที่หัวหน้ากลุ่มแสดงออกเมื่อชั่วครู่ เขาไม่คาดคิดเลยว่าพวกนั้นจะไม่สนใจเขา พวกนั้นทิ้งไว้เพียงคนเดียวเพื่อคอยเฝ้าดูเขา เสิ่นเอียรู้สึกโล่งใจ เหมือนกับว่าสมาคมทมิฬจะเกรงกลัวในตระกูลศักดิ์สิทธ์ของเขา

             เขาคิดในใจว่าชื่อของตระกูลศักดิ์สิทธ์นี้ทำให้คนของเหล่าสมาคมทมิฬเกรงกลัว เขากลับมามีท่าทีแบบองอาจอีกครั้ง ท่าทีของเขานั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคนที่เหมือนพร้อมจะฉี่รดกางเกงได้ทุก


เมื่อก่อนหน้านี้

           

     เนี้ยหลี่พาเอียจื่ออวิ๋นมุ่งตรงไปข้างหน้า ประมาณ ห้า หรือ หกชั่วโมงหลังจากนั้น เนี้ยหลี่และเอียจื่ออวิ๋นต่างมองไปที่ห้องโถงอันงดงามที่เบื้องหน้าไกลออก

           

           “ถ้าพวกนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้สร้างเมืองของพวกเขาบนสุสานใต้ดินเช่นนี้แล้ว พวกคนระดับสูงของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์จะต้องรู้ถึงการมีอยู่ของสุสานนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า พวกนั้นจะเก็บทรัพย์สมบัติที่มีค่าทั้งหมดของพวกเขาไว้ในที่แห่งนี้ด้วย”


         เนี่ยลี่พูด เขาประเมินจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ในปัจจุบันตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่ใต้พื้นที่ฝึกของทหารจ้าวเมืองเป็นไปดังที่เนี้ยหลี่คาดการณ์ไว้แล้ว จ้าวเมืองและพวกคนตำแหน่งระดับสูงจะต้องซ่อนของมีค่าของพวกเขาไว้ใต้พื้นที่ฝึกของทหารอย่างแน่นอน

           

         ขณะเดินมุ่งตรงไปยังห้องโถง ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏต่อพวกเขานั้นทำให้พวกเขาทั้งสองตกใจ ซากโครงกระดูกอยู่ในทุกที่รอบ ๆ ห้องโถงนี้ โครงกระดูกมีทั้งของพวกผู้ใหญ่และพวกเด็ก ๆ พวกเขากอดกันอยู่อย่างแนบแน่น มันเหมือนกับว่าพวกเขานั้นต้องทนทุกข์ทรมาน


แสนสาหัสก่อนที่พวกเขาจะตายลง

           
          “เกิดอะไรขึ้น มันเป็นแบบนี้ได้เช่นไร ?” เอียจื่ออวิ๋นถาม

             ดวงตาของนางเริ่มเป็นสีแดงและน้ำตาไหลร่วงไปตามแก้มทั้งสองของนาง นางเห็นเด็กมากมายแออัดไปอยู่ที่มุม ๆ หนึ่ง เด็ก ๆเหล่านั้นคงจะเป็นที่รักอย่างมากของครอบครัวพวกเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาทั้งหมดได้ตายลงแล้ว

           

          เนี้ยหลี่ถอนหายใจและพูดว่า


         “ที่นี่คงจะเป็นที่หลบภัยชั่วคราวของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาอพยพคนชรา ผู้หญิงและเด็กมาที่นี้ พวกเขาน่าจะกลับมาหาคนพวกนี้เมื่อสงครามสิ้นสุดลง แต่อย่างไร ก็ตามนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกทำลาย

        ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่สามารถออกไปได้และทำได้เพียงติดอยู่ที่แห่งนี้จนกระทั่งพวกเขาหิวโหย
และจบชีวิตลง

           
           เอียจื่ออวิ๋นอ้าปากกว้าง แสดงท่าทีเจ็บปวดในหัวใจอย่างมาก

         

          เนี้ยหลี่สูดหายใจลึก ในตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงยากที่จะทำให้มันสงบลงได้ ไม่ใช่เมืองกลอรี่รึที่ต้องพบเจอเรื่องแบบนี้เช่นกัน


          ในชีวิตที่แล้วของเขา? ก่อนที่สงคราวจะเริ่มขึ้น พวกเขาอพยพคนจำนวนมากไปที่สถานที่หลบภัย หลังจากนั้นเมืองกลอรี่ถูกทำลาย  พวกเขาถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนเส้นทาง ในตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าคนชรา ผู้หญิงและเด็ก ๆ ที่พวกเขาซ่อนเอาไว้  เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะจบชีวิตลงในที่หลบภัยไปพร้อมกับความ

หิวโหยนี้

           
         ภาพอันน่าสังเวชของเมืองกลอรี่ที่ถูกทำลายลงนั้นยังคงแจ่มชัด เนี้ยหลี่กำหมัดของเขาไว้แนาน 'ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อีก' เขาคิด

           
     “ข้าคิดว่าพวกเราควรไปจากที่แห่งนี้ได้แล้ว” เอียจื่ออวิ๋นพูด นางไม่สามารถทนที่จะอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป

       

“ไม่ พวกเรายังไม่สามารถไปได้ พวกเราจำเป็นต้องนำสมบัติทั้งหมดเหล่านี้กลับไป!”

เนี่ยพูดอย่างจริงจัง “

     สมบัติเหล่านี้สามารถเสริมพลังของพวกเราได้ เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเราเพิ่มขึ้น”พวกเราจะสามารถปกป้องเมืองกลอรี่ไว้ได้ไม่เช่นนั้นเมืองกลอรี่จะเป็นเหมือนดังนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่สอง!?

             เมื่อได้ยินคำของเนี่ยลี่ เอียจื่ออวิ๋นหยุดชะงักไปชั่วครู่

         ความคิดหนึ่งพลันปรากฏในใจของนาง 'เมืองกลอรี่จะเป็นเหมือนดังนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่สอง? ถึงแม้ว่าเมืองกลอรี่นั้นจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ยังคงมีเหล่าสัตว์อสูรมาแฝงตัวอยู่ในบริเวณรอบและเคยแม้กระทั่งแหวกแนวกำแพงป้องกันเข้ามาบางครั้งได้'


          เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเอียจื่ออวิ๋นแน่ใจแล้วว่า พวกเขาจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยทุกวิถีทางเช่นเดียวกัน สิ่งนั้นจะทำให้พวกเขาสามารถปกป้องเมืองกลอรี่เอาไว้ได้ แม้จะเป็นเรื่องน่าอายที่จะหยิบฉวยของซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของผู้อื่น แต่อะไรจะเทียบได้กับชีวิตนับไม่ถ้วนที่


อาศัยอยู่ในเมืองกลอรี่

           
          เนี่ยลี่และเอียจื่ออวิ๋นเริ้มต้นค้นหาภายในห้องโถงทั้งหมด

             “มีเกราะระดับบรอนซ์อยู่ที่นี่ !”


             “มีน้ำทิพย์เสริมพลังหลายขวดอยู่ที่นี่” น่าเสียดายที่มันได้เสียไปแล้ว


           
         “สวรรค์! นี่คือชิ้นส่วนของอัญมณีแห่งวิญญาณ” เอียจื่ออวิ๋นอุทาน ทั้งสองมือนางประกบเข้าหากันและสวดภาวนาชั่วครู่ หลังจากนั้น นางได้ปลดอัญมณีแห่งวิญญาณจากคอของเด็กหญิงออก

       อัญมณีแห่งวิญญาณนี้ช่างงดงามและละเอียดอ่อนนักมันถูกคล้องอยู่ด้วยโซ่เงิน สถานะของเด็กสาวผู้นี้ในตอนนางยังมีชิวิตอยู่นั้นต้องเป็นชนชั้นสูงอย่างแน่นอน

       

           อย่างไรก็ตาม นางนั้นได้ตายลงแล้ว ถ้านำอัญมณีแห่งวิญญาณนี้มอบให้กับยอดฝีมือที่อยู่ระดับโกลด์ มันจะสามารถสนับสนุนให้การผสานพลังเขาเพิ่มสูงยิ่งขึ้นได้

           

         เนี้ยหลี่ทำเช่นกัน ไม่มากก็น้อยเขาได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง เกราะระดับบรอนซ์และอาวุธมากมายที่เขาเก็บมาได้นั้น มีมีดสั้นระดับซิลเวอร์ที่อยู่ในสภาพเก็บรักษามาเป็นอย่างดีโดยไม่เสียหาย
นอกจากสิ่งเหล่านั้นแล้วยังคงมีคริสตัลอสูรและสิ่งมีค่ามากอื่น ๆ อีกมาก

     

        อย่างไรก็ตามเนี้ยหลี่ยังคงไม่สามารถค้นพบซึ่งตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพราย สิ่งนี้นั้นเป็นสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่

           

             เนี้ยหลี่ได้เพ่งมองไปที่จุดกึ่งกลางของห้องโถง ที่ตรงกลางของห้องโถงนั้นมีโลงศพหินขนาดใหญ่วางอยู่ โลงศพนั้นมีความยาวประมาณสาม เมตรและสูงราว ๆ หนึ่งเมตร ที่พื้นผิวของโลงศพนั้นปรากฏรูปร่างตัวตนลึกลับที่แสดงถึงการเกิดใหม่ รูปร่างที่ปรากฏนั้นเหมือนเขาจะคุ้นเคยเล็กน้อย


แต่เขาก็ไม่สามารถจำมันได้


         

           'นี่มันรูปร่างอะไรกันนี่'เขาถามตัวเองเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้โลงศพของจักรพรรดิคงหมิงเนี่ยลี่รู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่พุ่งมายังตัวเขา ในขณะที่เขายืนอยู่ด้านข้างของโลงศพนั้น

     

           เขารู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นคำรามของมหาสมุทรที่สามารถพัดพาเขาออกไปได้ตลอดเวลา มันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนเหล่านั้นที่ตายรอบ ๆ ที่แห่งนี้ไม่ได้เข้าใกล้โลงศพเลยแม่แต่น้อย

           

“เนี่ยลี่ มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับโลงศพนั่นหรือ” เอียจื่ออวิ๋นถาม


             เพียงแต่เมื่อเอียจื่ออวิ๋นเข้ามาใกล้ ประมาณสามเมตรห่างไปจากโลงศพ หน้าของนางซีดขาวทันทีและก้าวถอยหลังกลับไป


             "เป็นอะไรไหม?" เนี่ยลี่ถาม สงสัยในท่าทีของเอียจื่ออวิ๋น



             “เมื่อข้าเข้าไปใกล้ ข้ารู้สึกปวดหัวจนแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ !”

เอียจื่ออวิ๋นตอบกลับ !เมื่อได้ยินเอียจื่ออวิ๋นพูดเช่นนั้น


       คิ้วของเนี้ยหลี่เริ่มขมวดเข้าหากัน พลังงานแบบนี้เป็นที่คุ้ยเคยยิ่งนัก มันเกิดจากเจตจำนงของยอดฝีมือบางคนที่ได้ปล่อยพลังของเขาผนึกไว้ที่ศูนย์กลางของโลงศพหิน ดังนั้น เอียจื่ออวิ๋นจึงไม่สามารถเข้าใกล้ได้

       อย่างไรก็ตามทำไมเมื่อเขาเข้าใกล้โลงศพแห่งนี้ ไม่มีสิ่งใดได้เกิดขึ้นแบบนี้กับตัวเขาเลยเป็นไปได้ไหมว่าพลังงานผนึกนั้นจะแสดงผลเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น?


      หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้พลังงานผนึกนั้นมีบางสิ่งที่ผิดพลาดกับตัวเขา ทำให้เขานั้นไม่ได้รู้สึกซึ่งสิ่งใดเลย


             เนี่ยลี่พยายามคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของเขา แล้วเขาหันหัวไปและพูดกับเอียจื่ออวิ๋นว่า “เจ้าไปสำรวจซึ่งสถานที่แห่ง

อื่นเถอะ ปล่อยสิ่งนี้ให้ข้าจัดการเอง”

           

        “อืม” เอียจื่ออวิ๋นพยักหน้าและเดินไปยังบริเวณอื่น

           
           เนี่ยลี่ตรวจสอบดูที่โลงศพหิน โลงศพหินถูกผนึกไว้เป็นอย่างดีด้วยรูปแบบอักขระลึกลับที่ด้านบน


         ถึงแม้ว่าความรู้ของเนี้ยหลี่จะมีมากมหาศาล แต่เขาไม่เคยเจออักขระเหล่านี้มาก่อน

  'โลงศพหินอันนี้ใช่โลงศพของจักรพรรดิคงหมิงหรือไม่?'

    ทำไมรูปร่างที่แสดงถึงการกำเนิดใหม่ที่ปรากฏเบื้องบนถึงได้ดูไม่เหมือนว่ามาจากดินแดนของอาณาจักรศักดิ์สิทธ์   จบตอน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น