วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตอนที่ 9: มื้อเช้าจากเทพนารี

ตอนที่  9: มื้อเช้าจากเทพนารี



เช้าวันต่อมา
                คาบสอนของเสิ่นซิ่วมาถึงอีกครั้งหนึ่ง เนี่ยหลี ตู้เจ๋อ และลู่เปียวนั้นรู้สึกว่าบทเรียนของนางไร้แก่นสารและน่าเบื่อหน่ายยิ่ง นางเพียงแต่พูดไร้สาระอยู่หน้าชั้นเรียนไปวันๆ และแน่นอนว่าระหว่างชั้นเรียนของนาง พวกของเนี่ยหลีทั้งสามต้องยืนเรียนอยู่หลังห้อง เด็กนักเรียนทั้งหลายนั้นนั่งซุบซิบกันระหว่างห้องเรียนกำลังจะเริ่ม
                เหย่จื่อหวินเองหาได้สร้างกำแพงขึ้นระหว่างนางกับเพื่อนนักเรียนอื่นๆไม่ นางผูกสัมพันธ์กับพวกนักเรียนหญิงอย่างรวดเร็ว ในยามปกตินั้น เสิ่นเยว่จะนั่งอยู่มุมห้องด้วยความทะนง ด้วยศักดิ์ฐานะเช่นเขา เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียน อย่างไรเขาก็เข้าชั้นเรียนนี้เพียงเหตุว่าเหย่จื่อหวินอยู่ที่นี่เท่านั้นเอง
                เมื่อการทดสอบในอีกสองเดือนมาถึง ทั้งเขากับเหย่จื่อหวินก็จะได้เลื่อนชั้นไปยังห้องเรียนผู้ฝึกภูติเบื้อต้น เสิ่นเยว่เหลือบมองเนี่ยหลีที่ยืนอยู่หลังห้องด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
                “ถ้าขยะอย่างแกบรรลุระดับสำริดหนึ่งดาราได้ภายในสองเดือน ตะวันคงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว” เด็กชายพึมพำอย่างหยามหยัน
                เนี่ยหลี ตู้เจ๋อ และลู่เปียวยืนคุยกันอยู่ข้างหลังห้อง มีนักเรียนสามัญชนหลายคนร่วมวงสนทนาด้วย ด้วยองค์ความรู้ของเนี่ยหลี เด็กชายนั้นสามารถชี้แนะการฝึกฝนของทุกผู้คนได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เองเนี่ยหลีจึงเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้โดยปริยาย แม้แต่ตู้เจ๋อที่เก่งกล้าที่สุดในหมู่นักเรียนสามัญชนยังยอมรับฟังคำของเนี่ยหลี
                เพียงไม่กี่วัน เนี่ยหลีนำทั้งสองออกเก็บเกี่ยวเงินทองได้ถึงหนึ่งหมื่นหกพันเหรียญ ตู้เจ๋อไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถทำเงินได้มากเพียงนี้ เด็กชายเชื่อมั่นและยอมรับในตัวเนี่ยหลีสุดหัวใจ ด้วยเห็นว่าเนี่ยหลีนี้เก่งกล้านัก
                “เนี่ยหลี ก้าวต่อไปคือเช่นไร” ตู้เจ๋อถาม ในเมื่อเนี่ยหลีบอกก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาไม่ออกล่าฝูงแพะอีก พวกเขาต้องทำสิ่งใดต่อไป?
                “พวกเจ้าจะได้รู้หลังเลิกชั้นเรียน” เนี่ยหลีว่าพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย เด็กชายวางแผนทุกสิ่งไว้หมดแล้ว ขั้นแรกคือหาซื้อหินวิญญาณเพื่อทดสอบพรสวรรค์ของทั้งหมดแล้วเริ่มฝึกฝนในทันใด เนี่ยหลียังคงมีหนี้พนันติดค้างกับเสิ่นซิ่ว เด็กชายจำเป็นต้องบรรลุชั้นสำริดหนึ่งดาราภายในสองเดือน
                เนี่ยหลีผลักความคิดทั้งหลายไปด้านข้าง มองตรงไปยังเหย่จื่อหวินผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าสตรี เด็กชายควรตีสนิทกับนางเช่นไร? ต้องทำอย่างไรนางจึงเกิดจิตปฏิพัทธ์แก่มัน
                ขณะที่เนี่ยหลีจมอยู่ในห้วงความคิด เซียวหนิงเอ๋อร์ผู้นั่งอยู่หน้าชั้นเรียนก็ลุกพรวดขี้นแล้วเดินตรงมาทางเนี่ยหลี
                 เซียวหนิงเอ๋อร์เป็นเพียงหญิงนางเดียวในรุ่นที่งดงาม โดดเด่นเทียมเทียบกับเหย่จื่อหวินได้ ทุกท่วงท่าของเด็กหญิงทั้งสองนั้น                ดึงดูดความสนใจของทุกคนในชั้น นิสัยของเหย่จื่อหวินนั้นนุ่มนวลยิ่ง นางไม่เคยดูถูกดูแคลนหรือหยามหยันคนผู้ใดมาก่อน นั่นทำให้เด็กหญิงสามัญชนหลายคนพยายามผูกมิตรกับเธอ ในขณะที่เซียวหนิงเอ๋อร์นั้นให้ท่าทีที่เย็นชาและโดดเดี่ยวประดุจนางงามน้ำแข็ง
                แม้แต่เด็กหญิงยังมิอาจชิดใกล้ อย่าว่าแต่ผู้ชาย เนี่ยหลีนั้นยั่วโมโหนางหรือไม่?
                “เจ้าเนี่ยหลีตายแน่” เด็กจากตระกูลสูงหลายคนซุบซิบเช่นเรื่องขำขัน การที่เซียวหนิงเอ๋อร์บุกไปหาเนี่ยหลีย่อมไม่ใช่เรื่องดี นางงามน้ำแข็งเช่นนี้จะมีความสัมพันธ์กับเนี่ยหลีได้อย่างไร ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ ตะวันคงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว
                พลังบำเพ็ญของเซียวหนิงเอ๋อร์นั้นใกล้บรรลุชั้นสำริดหนึ่งดาราแล้ว หากทั้งสองมีข้อขัดแย้งระหว่างกัน เนี่ยหลีนั่นเองต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไร้ทางสู้
                เหล่าเด็กจากสกุลสูงทั้งหลายล้วนรอชมฉากละครชั้นดี ในหมู่พวกมันมีเด็กหลายคนที่ชมชอบเซียวหนิงเอ๋อร์อยู่ ด้วยว่านางนั้นหาได้ด้อยกว่าเหย่จื่อหวินแม้แต่น้อย
                วันนี้เซียวหนิงเอ๋อร์ตบแต่งตัวในชุดคลุมลูกไม้ตาข่าย ผมยาวดำขลับกระจายอยู่กลางหลัง สวมกำไลไว้บนข้อมือขาวเนียน ขับเน้นความงามให้เด่นล้ำขึ้นอีก ปกตินั้นเซียวหนิงเอ๋อร์มักสวมเสื้อคลุมหนังรัดรูปด้วยว่ามันสะดวกต่อการฝึกฝน การแต่งกายเช่นนั้นขับเน้นให้นางมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ดีวันนี้นางกลับดูเหมือนกำลังจงใจแต่งกายให้ใครบางคนเห็น นางยิ่งงดงามกว่าวันปกติ นั่นทำให้คนอื่นๆยากจะละสายตาเมื่อได้เห็นนาง
                การแต่งกายเช่นนี้เป็นครั้งแรกของนางเช่นกัน
                เนี่ยหลี ตู้เจ๋อ และลู่เปียวยืนคุยกันเองเมื่อเซียวหนิงเอ๋อร์มาถึงโต๊ะของเด็กชาย เซียวหนิงเอ๋อร์นั้นมีบรรยากาศประหลาดอยู่รอบกาย เมื่อนางเดินมาถึง ตู้เจ๋อและลู่เปียวยืนขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน เซียวหนิงเอ๋อร์ผู้เย็นชานั้นมีท่าทีขับไล่คนไกลพันลี้ ทั้งสองเป็นห่วงเนี่ยหลียิ่ง
                เซียวหนิงเอ๋อร์มองเนี่ยหลีที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ สายตาของเขามองเหย่จื่อหวินเป็นระยะๆ ทำให้เซียวหนิงเอ๋อร์หมดกำลังใจ ในสายตาของเขามีเพียงเหย่จื่อหวิน เด็กชายไม่รู้สึกถึงเธอด้วยซ้ำ
                คืนวานหลังการรักษาของเนี่ยหลี เซียวหนิงเอ๋อร์รู้สึกว่าร่างกายของนางนั้นดีกว่าเดิมมาก การนอนหลับยามค่ำคืนเป็นเช่นฝันดีตื่นหนึง เซียวหนิงเอ๋อร์เข้าไปค้นหาในหอสมุดเมื่อยามเช้าเพื่อหาที่มาของพลังเคลื่อนปราณ แต่นางกลับประหลาดใจว่ามีเพียงคำบรรยายสั้นๆเท่านั้นว่าเป็นทักษะสุดโกงที่สืบทอดมาจากยุคของอาณาจักรลมหิมะ
                นอกจากนี้ทักษะเพาะสร้างพลังที่เนี่ยหลีปรับปรุงแก้ไขยิ่งก้าวล้ำ พลังวิญญาณของนางเพิ่งขึ้นถึงสองจุดภายในครึ่งชั่วโมง ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าการฝึกฝนทั้งวันเสียอีก
                ในความคิดของเซียวหนิงเอ๋อร์ ตัวตนของเนี่ยหลีนั้นลี้ลับและทรงพลัง ที่ทำให้นางยินดียิ่งกว่าคือมีเพียงนางที่รู้ถึงพรสวรรค์ของเนี่ยหลี คนอื่นๆที่หัวเราะเยาะเขาเป็นเพียงกบในกะลาเท่านั้น นางยืนอยู่ข้างโต๊ะของเนี่ยหลีและมองไปยังเด็กชายที่กำลังพูดคุยและหัวเราะเสมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
                นักเรียนหลายคนเริ่มซุบซิบกัน
                “เจ้าว่าหนิงเอ๋อร์จะลงมือกับเนี่ยหลีหรือไม่?”
                “เนี่ยหลีมีพลังวิญญาณเพียงห้าจุด มันต้องถูกไล่ออกจากห้อง”
                “ฮ่าๆ ไอ้เจ้านี่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง หาเรื่องอาจารย์หญิงแล้วยังยั่วโมโหเซียวหนิงเอ๋อร์ ชีวิตมันบัดซบแล้ว”
                แม้แต่ลู่เปี่ยวกับตู้เจ๋อยังมองเซียวหนิงเอ๋อร์ด้วยสายตากังวล ทั้งสองไม่ทราบว่าเหตุใดสตรีที่หยิ่งทะนงเช่นนางเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา ทั้งคู่เริ่มแช่งชักหักกระดูกเนี่ยหลีในใจ กล่าวหาว่าเด็กชายนั้นแกว่งเท้าหาเสี้ยน หากนางต้องการกำราบเด็กชาย แน่นอนว่าพวกเขาจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่แม้พวกเขาสามคนรวมกันก็ช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางสู้พลังวิญญาณเจ็ดสิบแปดจุดของนางได้
                ณ ขณะนั้น เหย่จื่อหวินกับเซียวหนิงเอ๋อร์มองไปทางเนี่ยหลี เด็กหญิงนั้นสงสัยว่าเนี่ยหลีไปยั่วโมโหเซียวหนิงเอ๋อร์ได้อย่างไร เขาทำอะไร”บางอย่าง”กับเซียวหนิงเอ๋อร์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นตัวน่ารังเกียจก็ควรถูกสั่งสอนแล้ว
                ทุกคนล้วนสงสัยใจ พวกเขาเห็นเซียวหนิงเอ๋อร์นั่งลงหน้าโต๊ะของเนี่ยหลี เด็กชายพลันรู้สึกประหลาดใจ
                เนี่ยหลีเงยหน้าขึ้นถามว่า “มีอะไรหรือ?”
                เนี่ยหลีไม่รู้ว่าเขาควรเรียกเซียวหนิงเอ๋อร์อย่างไรดี เมื่อย้อนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เด็กชายพลันรู้สึกประหลาด เมื่อใกล้ชิดกับนาง เขาได้รับรู้ว่าเด็กหญิงนั้นหาได้เย็นชาและโดดเดี่ยวอย่างที่ทุกคนคิดไม่ นางเป็นเด็กหญิงที่น่ารักและอ่อนโยนยิ่ง
                มือขวาของเซียวหนิงเอ๋อร์พลันขยับแล้ว
                นางเอาห่อกระดาษออกจากแหวนวิติก่อนพูดเบาๆว่า “นี่คืออาหารเช้าที่ข้าทำ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชมชอบรับประทานสิ่งใด จึงทำมาหลายสิ่งอยู่”
                เซียวหนิงเอ๋อร์วางห่อกระดาษนั้นลงบนโต๊ะเบาๆ
                เกิดอะไรขึ้น?
                ทั้งชั้นเรียนนั้นเงียบงันจนได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น ทั้งห้องได้ยินเสียงนั้นชัดเจนหากแต่ยังสงสัยว่าพวกเขาฟังผิดไปหรือไม่
                ลู่เปี่ยวกับตู้เจ๋อตะลึงจนตาค้าง ปากอ้าจนแทบยัดไข่ไก่ลงไปได้ทั้งพวก ทั้งสองไม่เชื่อสายตาตนเอง เซียวหนิงเอ๋อร์เป็นหนึ่งในสองเทพธิดาของชั้นเรียน แม้จะเทียบกันทั้งโรงเรียนก็ยังเป็นระดับต้นๆของชั้นเรียน ความงามและท่าทีเย็นชาของนางกอปรกันเป็นบุคลิกที่มิอาจล่วงเกิน หากแต่วันนี้เกิดอันใดขึ้น พวกมันได้เห็นสิ่งใด? เซียวหนิงเอ๋อร์จัดอาหารเช้าให้เนี่ยหลี ทั้งยังจัดมาหลายชุด
                ตะวันขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไร? นี่เป็นความจริง? ความคิดของทุกคนในชั้นตะลึงงัน ยืนอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้นเอง
                “ฉันฝันไปแน่ๆ ต้องตื่นได้แล้ว” นักเรียนคนหนึ่งพึมพำ
                “แว้ก” อีกหลายคนเองก็ทดลองหยิกตัวเอง หากแต่ความเจ็บปวดนั้นแจ่มชัด ยืนยันได้ว่าเป็นโลกแห่งความจริง
                “ไม่มีเหตุผลเลย” นักเรียนจากครอบครัวใหญ่หลายคนคร่ำครวญ พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกมันไม่เชื่อสายตาตัวเองที่ได้เห็นการแต่งตัวที่งดงามและท่าทีอ่อนช้อยจากเด็กหญิง พวกมันคิดว่าเซียวหนิงเอ๋อร์กับเนี่ยหลีนั้นมีปัญหากัน แต่พวกมันไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยการที่นางทำอาหารให้กับเนี่ยหลี หากนางให้กับพวกมันบ้าง แม้จะเป็นอาหารหมู พวกมันก็ยังจะบอกว่าอร่อย
                เซียวหนิงเอ๋อร์นั้นไม่ค่อยมีเพื่อนหญิงนัก เธอเมินเฉยต่อเด็กชายที่เข้าหา ยกเว้นเพียงแต่เศษสวะเช่นเนี่ยหลี นางยินยอมลดตัวลงทำอาหารเช้าให้กับเนี่ยหลี นี่มันไร้เหตุผลชัดๆ หรือเป็นเพราะเนี่ยหลีต่อต้านอาจารย์หญิงเสิ่นซิ่วแล้วโดนลงโทษให้ยืนหลังห้องเรียน ถ้าเป็นเช่นนั้น แม้พวกมันต้องยืนเรียนตลอดหลายปี พวกมันก็ยินดีจะโต้แย้งกับอาจารย์
                เซียวหนิงเอ๋อร์ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น นางเพียงต้องการแสดงความขอบคุณต่อเนี่ยหลี ไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นๆ คนที่สงสัยและเหยียดหยันเนี่ยหลีล้วนโง่เขลา สักวันพวกมันจะได้เห็นว่าสายตาพวกมันต่ำไปแล้ว
                ในโลกนี้ มีเพียงนางรู้ถึงพรสวรรค์ของเนี่ยหลี แม้แต่เหย่จื่อหวินกับเสิ่นเยว่ยังคงตกตกลึง ทั้งสองเชื่อสายตาตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นยากจะเชื่อเหลือเกิน
                “เป็นไปได้อย่างไร” ใบหน้าของเสิ่นเยว่บิดเบี้ยว ‘เด็กหญิงที่หยิ่งทะนงเช่นนางชมชอบเศษสวะอย่างเนี่ยหลี ทั้งยังเข้าหาเขา?’
                ในใจเหย่จื่อหวินนั้นนึกสงสัยในตัวเนี่ยหลียิ่ง  นางกับเซียวหนิงเอ๋อร์เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก หากแต่ตระกูลปีกมังกรของคนแซ่เซียวนั้นตกต่ำลง สองครอบครัวจึงไม่ได้ติดต่อกันอีก นับแต่นั้นเหย่จื่อหวินเองก็ไม่มีเพื่อนอีกเลย นางยังคงระลึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเซียวหนิงเอ๋อร์ เมื่อนางพบว่าเซียวหนิงเอ๋อร์เข้าเรียนในสถานศึกษา เหย่จื่อหวินจึงจัดการให้บิดาส่งนางเข้าเรียนเช่นกัน
                ด้วยเซียวหนิงเอ๋อร์เอง เหย่จื่อหวินจึงตระหนักถึงเนี่ยหลี เพราะเหตุใดเซียวหนิงเอ๋อร์จึงชิงเป็นฝ่ายเข้าหาเนี่ยหลีผู้อ่อนด้วย นางไม่เข้าใจเหตุผลของเซียวหนิงเอ๋อร์
                “ฉันนั่งกับเธอด้วยได้ไหม?” เซียวหนิงเอ๋อร์มองเนี่ยหลี ก่อนมองเลยไปถึงเพื่อนทั้งสองคน
                สายตาของทั้งสองมองมายังเนี่ยหลี แม้ว่าเขาทั้งสองไม่กล้าคิดมิดีมิร้ายกับเซียวหนิงเอ๋อร์ แต่มีหญิงงามอยู่ใกล้ย่อมดีกับสายตา
                เนี่ยหลีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า “เชิญ”
                แม้ไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อได้เห็นนาง เนี่ยหลีก็อดคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้ เรือนร่างนวลเนียนไร้กระดูก ผิวขาวดุจหยกล้ำค่าทำให้เด็กชายรู้สึกแปลกๆ
                เซียวหนิงเอ๋อเปิดห่ออาหารออกมา ภายในเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด เพียงเห็นก็กระตุ้นความอยากอาหาร กลิ่นของมันยิ่งอบอวลไปทั่วทุกมุมห้อง
                “ตู้เจ๋อ ลู่เปียว พวกเธอก็มากินด้วยกันสิ” เซียวหนิงเอ๋อร์ว่า
                ทั้งสองอดยินดีไม่ได้เมื่อได้ยินนางเรียกขาน นางงามหิมะนางนี้ไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คนอื่นๆว่า
                “เราได้ผลประโยชน์แล้ว” ลู่เปียวหัวเราะพลางหยิบอาหารขึ้นชิ้นหนึ่งใส่ปาก ก่อนอุทานว่า “อร่อย!”
                เห็นท่าของลูเปียว ตู้เจ๋อเองก็ไร้วาจา เซียวหนิงเอ๋อร์ยิ้มอย่างน่าหลงใหล ยิ่งทำให้ทุกคนในห้องนั้นตื่นตะลึง พวกมันยากจะได้เห็นรอยยิ้มของนาง ฟ้าประหนึ่งจะถล่มลงต่อหน้าของพวกมัน
                เนี่ยหลีถอนหายใจในใจ ชีวิตของเขานั้นผูกความเป็นตายกับเหย่จื่อหวินตั้งแต่ชาติก่อน ระหว่างเขากับเซียวหนิงเอ๋อร์นั้นเป็นได้เพียงเพื่อนเท่านั้น
             

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น