วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 39 อัญมณีพิศวง

Tales of Demons & Gods บทที่ 39 อัญมณีพิศวง




เอียจื่ออวิ๋นดูเหมือนว่ากำลังรู้สึกเจ็บปวดด้วยอาการที่นางขมวดคิ้วเข้าหากัน

             
     เมื่อเนี่ยลี่มองดูนางนั้นมีใบหน้าที่เข้ารูป  เรือนร่างและผมที่แผ่สยายมาอยู่บนหัวไหล่ของนาง ทั้งหมดนี้ต่างแผ่รังสีความงดงามของนางออกมา

             
         แม้ว่านางกำลังทำสีหน้าเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่สามารถบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดของนางในตอนนี้ได้

         
         ในขณะนี้ เอียจื่ออวิ๋นสวมใส่อยู่เพียงผ้าที่คาดหน้าอกของนางไว้เท่านั้น ชุดของนางนั้นขาดวิ่นอย่างมาก เผยให้เห็นโคนขาอ่อนขาว ๆ ของนางสิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มความยั่วยวนในตัวนางเข้าไปอีก

             
         หลังจากเกิดใหม่ เนี่ยลี่นั้นสามารถควบคุมจิตใจให้ไม่สนใจซึ่งแรงดึงดูดจากสิ่งต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ความงดงามของเอียจื่ออวิ๋นทำให้เขาหายใจแรงขึ้น เมื่อใดก็ตามที่เขาได้เห็นเอียจื่ออวิ๋นเขามักหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่เขาทั้งสองได้อาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อชาติที่แล้วของเขา


        ถึงแม้ว่าช่วงเวลาทีทั้งสองอยู่ด้วยกันนั้นช่างแสนสั้น แต่มันก็ได้ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา มันเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดแล้วในชีวิตของเขา

             
        มีเพียงแต่เนี่ยลี่ที่รู้ว่าเอียจื่ออวิ๋นจะงดงามเพียงใดในอีกไม่กี่ปีในภายภาคหน้านี้ เหมือนดอกบัวที่ตูมได้ที่และบานออก ทั้งงดงามและน่าหลงใหล ทั้งเหมือนกับดังนางฟ้าที่ร่วงลงมาจากสวรรค์ สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

             
          เมื่อถึงตอนนั้น ผู้คนที่ตกหลุมรักในเอียจื่ออวิ๋นจะมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ผู้ชายมากมายพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อนาง เสิ่นเอียก็รวมอยู่ในนั้นด้วน เสิ่นเอียพยายามที่จะพานางออกจากเมืองกลอรี่นับครั้งไม่ถ้วน เมื่อสงครามจวนใกล้จะมาถึง อย่างไรก็ตามเอียจื่ออวิ๋นได้ปฏิเสธ เขาไม่มีทางเลือกจำใจต้องยอมแพ้ เอียจื่ออวิ๋นกับเลือกปกป้องเมืองและได้เลือกคนธรรมดาอย่างเนี่ยลี่ และนั่นถือเป็นเกียรติสูงสูงสุดแล้วในชีวิตของเขา

             
         หลังจากรักษาบาดแผลของนาง แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจเท่าใดนัก เนี่ยลี่คลุมร่างเอียจื่ออวิ๋นไว้ด้วยเสื้อผ้าของเขา เพราะเสื้อผ้าของนางไม่สามารถใส่ได้อีกต่อไป

             
        เขามีความอดทนที่จะรอคอยให้เอียจื่ออวิ๋นยอมรับในตัวเขา ปล่อยให้ตัวนางค่อย ๆ เติบโตขึ้นไปพร้อมกับเขาดังเช่นเป็นมาในอดีต

             
            เนี่ยลี่ นั่งเอาขาไขว้กันไว้ทั้งสองข้าง นั่งลงข้างเอียจื่ออวิ๋น ความรู้สึกลึกลับของเศษหน้ากระดาษของตำราจิตอสูรท่องเวลา ส่งผลต่อพลังวิญญาณซึ่งอยู่ในห้วงขอบเขตของวิญญาณเขานั้นค่อย ๆ เพิ่มขึ้น

             
            ถ้ามีโอกาสเขาต้องไปที่พระราชวังแห่งทะเลทรายอย่างแน่นอนเพื่อไปเอาตำราจิตอสูรท่องเวลามาให้ได้!

             
            หลังจากเขาได้รับพลังจากแสงสีขาวนั้น เนี่ยลี่รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย ในตอนนี้ พลังวิญญาณของเนี่ยลี่นั้นได้มากกว่า หนึ่งร้อยห้าสิบจุดแล้ว เนี่ยลี่สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนจากห้วงขอบเขตของวิญญาณเขา ว่ามีเหล่าพลังงานอื่นอยู่อีก มันอยู่ภายในแสงที่ไกลออกไป มันเต็มไปด้วยพลังงานมากกว่าที่เขามีอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามพลังเหล่านั้นยังคงอยู่ในส่วนที่ลึกมากภายในส่วนของวิญญาณของเขา โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขานั้นจะสามารถนำพลังนั้นมาเป็นของตัวเองได้

             
         เนี่ยลี่ค่อยเริ่มโคจรพลังวิญญาณ พลังวิญญาณแผ่ออกมาคล้าย ๆ กับสสารที่ไหลเวียนรอบ ๆ เนี่ยลี่

             
     เมื่อเนี่ยลี่เริ่มดำดิ่งไปภายในจิตใจของเขา เอียจื่ออวิ๋นก็ได้ตื่นขึ้น

             
        นางเริ่มสัมผัสไปที่ร่างกายส่วนต่าง ๆ ของนางและนางก็รู้ว่านางนั้นไม่ได้สวมใส่เสื้อเลย ทันใดนั้นหน้าของนางซีดเผือก

             
'เนี่ยลี่เจ้าคนชั่ว เขาทำเกินไปแล้ว'

             
         ด้วยความรู้สึกว่านางยังคงมีชุดส่วนล่างปิดอยู่ หลังจากนั้นนางรู้สึกโล่งใจอย่างไรก็ตาม นางยังคงเต็มไปด้วยความอับอายและขุ่นเคืองในหัวใจของนาง ตั้งแต่ยังเด็ก ร่างกายของนางไม่เคยถูกเห็นจากเด็กผู้ชายคนไหนมาก่อน และเนี่ยลี่นั้นก็ได้ถอดเสื้อของนางออกตอนที่นางไม่ได้สติ

             

         ความรู้สึกของนางนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิงเพราะนางรู้ว่าเนี่ยลี่ถอดเสื้อของนางออกนั้นก็เพื่อที่จะรักษาบาดแผลของนาง อย่างไรก็ตามเอียจื่ออวิ๋นก็ยอมรับมันไม่ได้ เนี่ยลี่ต้องทำมันเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่นอน นางยังคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขานั้นได้ทำอะไรกับนางหรือไม่ตอนนางนั้นไม่ได้สติ

             
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังไม่สามารถเข้าใจเนี่ยลี่ได้มากนัก ดังนั้นใจของนางยังคงไม่ได้เปิดรับเขา

             
     เนี่ยลี่ซึ่งในตอนนั้นนั่งอยู่ข้างเอียจื่ออวิ๋นค่อยลืมตาขึ้นช้า ๆ ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าตื่นแล้วสินะ”

             
        เมื่อเห็นสายตาของเนี่ยลี่ ทันใดนั้นเอียจื่ออวิ๋นตระหนักได้ว่านางยังคงไม่ได้สวมใส่เสื้อ นางจับเสื้อคลุมของเนี่ยลี่ไว้แน่นกับตัว และพูดด้วยเสียงกังวลว่า “หันหลังไป! ข้าต้องการสวมเสื้อผ้าของตัวเอง”

             
      เนี่ยลี่หันศรีษะของเขาไปทางอื่น แล้วยิ้ม “เจ้าทำราวกับว่าข้าไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน”

             
         เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ หน้าของเอียจื่ออวิ๋นเป็นสีแดงระเรื่อ นางมีความคิดถึงขั้นที่ว่าจะไม่สนใจภาพลักษณ์ของผู้หญิงเรียบร้อยอีกต่อไปและไปบดขยี้เนี่ยลี่ให้รู้แล้วรู้รอด นางรู้สักอับอายและไม่พอใจอย่างมาก เพราะเนี่ยลี่พูดมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนหน้านี้เมื่อเนี่ยลี่พูดถึงรอยสักรูปผีเสื้อบนร่างกายของนาง นางเริ่มสงสัยเนี่ยลี่ว่าเขาเคยได้แอบดูนาง ในขณะที่กำลังอาบน้ำ

           
เอียจื่ออวิ๋นรีบสวมเสื้อผ้าของตนอย่างเร่งรีบและพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า “เรียบร้อยแล้ว”

             

       เนี่ยลี่หันหลังกลับมาและดวงตาเขาเป็นประกาย เอียจื่ออวิ๋นได้สวมใส่ชุดสีม่วง(น่าจะหยิบมาจากแหวนห้วงมิติของนาง) ความงดงามของนางนั้นช่างเลอค่ายิ่งนัก เอียจื่ออวิ๋นนั้นงดงามไม่ว่าจะสวมชุดใดก็ตาม

             
   เอียจื่ออวิ๋นจ้องมองไปที่เนี่ยลี่และรู้สึกเศร้าใจ เนี่ยลี่เป็นคนที่ไม่มียางอายเลยมันทำให้นางรู้สึกจนปัญญา

             
       เอียจื่ออวิ๋นก้มหัวนางลงต่ำแล้วคิดชั่วครู่หลังจากนั้นนางนั้นถามเนี่ยลี่

             
“เนี่ยลี่เจ้าชอบข้าหรือไม่”

             
        “ใช้แล้ว” เนี่ยลี่ยิ้มเล็กน้อย เขายอมรับอย่างเปิดเผย

             
         แม้ว่านางจะรู้เรื่องนี้ดีอยุ่แล้ว แต่เมื่อได้ยินมันจากเนี่ยลี่ หัวใจเอียจื่ออวิ๋นเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย นางสูดหายใจลึก ด้วยท่าทีจริงจัง นางพูดกับเนี่ยลี่ว่า “เนี่ยลี่ พวกเรายังเด็กนัก ใครจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ไม่แน่ในอีกไม่กี่ปีเจ้าอาจจะพบคนอื่นที่เจ้าชอบอีกก็เป็นไป พวกเราควรสนใจในการเล่าเรียนเป็นอันดับแรก ด้วยการฝีกอย่างหนักนั้นพวกเราจักสามารถก้าวต่อไปบนเส้นทางของการฝึกผสานพลังได้ เจ้าควรฝึกฝนจนได้ระดับโกลด์เสียก่อน และถ้าเจ้าสามารถทำได้และเมื่อนั้นเจ้ายังคงชอบข้าอยู่ ข้าตกลงที่จะเป็นผู้หญิงของเจ้า”

             
     เอียจื่ออวิ๋นหน้าแดงระเรื่อ หัวใจของนางเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้

             
          เมื่อได้เห็นเอียจื่ออวิ๋นทำท่าเอียงอายและได้ฟังคำพูดของนาง เนี่ยลี่พบว่ามันช่างน่าขบขันยิ่งนัก เนี่ยลี่มองที่เอียจื่ออวิ๋นด้วยความขบขัน นางนั้นช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้อะไรเสียเลย เขาทำดวงตาโตแกล้งทำเป็นเหมือนตื่นเต้นและพูดว่า “เรื่องจริงรึ? นั่นวิเศษมาก การฝึกนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับข้า ถ้าข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
ข้าสามารถไปถึงระดับโกลด์ได้ในเพียงปีหน้านี้เท่านั้นแหละ! เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าห้ามกลับคำพูดของตัวเจ้าเองก็แล้วกัน!” หลังจากพูดไปแบบนั้น เนี่ยลี่เก็บหัวเราะไว้อยู่ภายใน

             
        “ปีหน้าเช่นนั้นเหรอ” เอียจื่ออวิ๋นเต็มไปด้วยความงุนงง ปีหน้านี้นั้นเร็วมากเกินไป และเนี่ยลี่สามารถที่จะถึงระดับโกลด์ได้ในปีหน้านี้เช่นนั้นหรอ? นางมีสีหน้าตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในทันที “ที่ข้าอยากจะบอกคือพวกเราจำเป็นต้องค่อย ๆ คิดถึงเรื่องนี้อย่างช้า ๆ”

             
        ทันใดเนี่ยลี่แสดงท่าทีเปลี่ยนไปและพูดว่า “แม่นางเอียจื่ออวิ๋นกำลังกลับคำพูดของเจ้าอยู่เหรอ?” เนี่ยลี่ยักไหล่ และเปลี่ยนไปมีท่าทีอีกแบบพร้อมกับพูดว่า “ข้ารู้แล้วว่า คำพูดที่คนในตระกูลชั้นสูงพูดนั้นเชื่อถือไม่ได้ ลืมมันไปเสียเถอะ มันไม่สำคัญหรอก”

             
           นางเห็นว่าในท่าทีผิดหวังของเนี่ยลี่นั้นมีความดูถูกได้ซ่อนไว้อยู่ เอียจื่ออวิ๋นกัดปากของนาง และขบฟันของนางพร้อมกับพูดว่า “ข้อตกลงนั้นก็ยังคงมีอยู่!ถ้าเจ้าสามารถก้าวไปถึงระดับโกลด์ได้ เมื่อนั้นข้อตกลงก็จะมีผล”




         เมื่อเห็นเอียจื่ออวิ๋นแสดงออกถึงท่าทีเคร่งเครียด ที่มุมปากของเนี่ยลี่ค่อย ๆ ยกขึ้นเล็กน้อย เขารู้ว่าเอียจื่ออวิ๋นนั้นไม่เคยกลับคำพูดของนางอย่างไรก็ตาม การหลอกล่อจนนาง จนต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าและคายไม่ออกนี้ มันจะมากเกินไปสำหรับนางหรือไม่ ? แต่สิ่งสำคัญที่เขาสนใจนั้นคือ ด้วยความเข้าใจจากคำพูดและการแสดงออกของเอียจื่ออวิ๋นนั้นแสดงว่าในสักวันหนึ่งนั้น ตัวเขาจะสามารถชนะหัวใจของเด็กหญิงผู้งดงามผู้นี้ได้

           

        'ข้าจะต้องตกเป็นผู้หญิงของเนี่ยลี่จริง ๆ หรือนี่? เมื่อข้าเป็นผู้หญิงของเขาแล้วข้าจักต้องทำสิ่งใดบ้าง?' เอียจื่ออวิ๋นรู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้ว่านางนั้นมีความประทับใจต่อเนี่ยลี่อยู่ไม่น้อย แต่นั่นเป็นความรู้สึกระหว่างเพื่อนกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดเขาทั้งสองต้องมาอยู่คู่กัน … เอียจื่ออวิ๋นคิดขึ้น และรู้สึกหัวหมุนในทันทีทันใด

           

        เอียจื่ออวิ๋นนั้นทุ่มหัวใจของนางให้แก่การฝึกผสานพลัง แต่การปรากฏตัวของเนี่ยลี่นั้นได้ทำลายความสงบของใจนางอย่างสิ้นเชิง

           
        “นี่คืออะไรกัน?” เอียจื่ออวิ๋นมองไปที่อัญมณีสีไพลินได้สวมอยู๋บนคอของนาง

           
        สีสันของของอัญมณีนี้ช่างเจิดจรัสยิ่ง ภายในอัญมีนั้นเหมือนกับว่ามีกลุ่มดาวนับล้านดวงเคลื่อนตัวอยู่ นางสามารถสัมผัสมันได้ถึงพลังอันไม่สิ้นสุดภายในอัญมณีนี้

           
        “มันคืออัญมณีพิศวง นี่คือของขวัญที่ข้าได้มอบให้แก่เจ้า การสวมใส่มันจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วของการฝึกเป็น สาม เท่าและมันสามารถหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณของเจ้าไปด้วยในขณะเดียวกัน แม้กระทั่งตอนที่เจ้าเดิน มันก็ช่วยฝึกพลังวิญญาณของเจ้าด้วย” เนี่ยลี่ยิ้มด้วยความช่วยเหลือของเขาแม้ว่านางจะไม่ได้ฝึกอย่างหนัก
การบรรลุระดับโกลด์ได้นั้นไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด และการไปถึงระดับที่สูงกว่านั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ (เนี่ยลี่ยิ้มเพราะ เมื่อนางก้าวหน้าได้เร็วจนพอใจแล้วตอนนั้นก็สามารถคิดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ได้แล้วสิ )

             “ข้าไม่สามารถรับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ได้” เอียจื่ออวิ๋นรีบพูดและเตรียมที่จะถอดอัญมณีออกจากจากคอของนาง

           
     เนี่ยลี่คว้าข้อมือนางไว้และพูดว่า “ข้านั้นได้บางสิ่งที่ดีกว่ามาไว้แล้ว” เจ้าสามารถรับสิ่งนี้เอาไว้ได้”

             นางรีบสลัดมือของนางออก ที่แก้มทั้งสองของนางรู้สึกร้อนผ่าว นางนั้นนิ่งเงียบไปชั่วครู่และพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าจักเก็บสิ่งนี้ไว้ให้เจ้า เจ้าสามารถรับมันคืนไปได้ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าจักต้องการมัน”


      “ตกลง!” เนี่ยลี่ยิ้ม หลังจากนั้นเขายืนขึ้น “ไปหาทางออกจากที่นี่กันเถอะ”

           
       เมื่อเอียจื่ออวิ๋นเตรียมพร้อมที่จะลุกขึ้นนั้น เนี่ยลี่ยิ้มและได้ยื่นมือของเขาออกไปหานาง นางลังเลอยู่ชั่วขณะแต่ก็ได้ยื่นมืออันเรียบเนียนดั่งหินหยกของนางวางบนฝ่ามือของเนี่ยลี่

           
          เนี่ยลี่ออกแรงของเขาเล็กน้อยและดึงนางขึ้นมา หัวใจของเขานั้นพองโตเพราะว่าหญิงที่อันงดงามที่อยู่ตรงหน้าเขานี้อย่างน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาเท่าใดนัก

           
        ทุก ๆ สิ่งภายในห้องโถงนี้ได้ถูกเก็บรวบรวมมาเรียบร้อยแล้ว รวมถึงเอียจื่ออวิ๋น(น่าจะหมายถึงเก็บอยู่ในหัวใจ) พวกเขาทั้งสองเริ่มสำรวจเพื่อหาทางออกภายในทางเดินลึก ๆ นี้ ภายในสถานที่นี่นั้นเหมือนกับเขาวงกตยิ่งนัก

           
      หลังจากผ่านไปสองวันติดต่อกัน เนี่ยลี่และเอียจื่ออวิ๋นยังคงอยู่ภายในเขาวงกตใต้พื้นดิน เดินทางด้วยความสับสนขณะที่พวกเขาสำรวจหาทางออก

             ในขณะนี้ ภายในป้อมหินของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธ์ เซิ่นหลินเจี่ยน ฮูเหยียน หลานเร่อและคนอื่น ๆ ได้รวมตัวกันอยู่ภายในป้อมหินนี้

           
         “เหลืออยู่จำนวนยี่สิบเก้า คน” เซิ่นหลินเจี่ยนพูดด้วยความหดหู่ใจเล็กน้อย การเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อจะมาสำรวจ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลยและพวกเขายังสูญเสียผู้คนไปถึง แปด คน ถ้าพวกที่สูญเสียเป็นคนธรรมดาทั่วไป เขายังพอยอมรับมันได้ แต่พวกเขาไม่สามารถหาเอียจื่ออวิ๋นพบได้ไม่ว่าที่ใด และสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกแย่มาก

           
           เอียจื่ออวิ๋นนั้นเป็นถึงลูกสาวของจ้าวเมืองและเป็นหลานของท่านเอียมัวซึ่งอยู่ระดับในตำนาน ถ้าเกิดมีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาคงไม่สามารถที่จะรับผลจากสิ่งนี้ได้

           
         ฮูเหยียน หลานเร่อมองตรงไปยังป่ารกชัฏไม่ไกลนัก นางพยายามมองหาเงาของเนี่ยลี่ที่อาจปรากฏตัวขึ้น

           
           “ลืมมันเสียเถอะ” ชีวิตที่แสนสั้นของหนุ่มน้อยนั้นได้จบไปแล้ว ชู่หยวนเดินตรงไปด้านข้างของฮูเหยียน หลานเร่อ เขาได้พูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง

           
    “หุบปากเดี๋ยวนี้!” ฮูเหยียน หลานเร่อสวนกลับด้วยความโกรธ นางรู้สึกว่าคนที่มีความสามารถเช่นเนี่ยลี่นั้นจะสามารถรอดกลับมาได้
           


       “สิ่งนี้เป็นความจริงแน่นอนแล้ว! ศพของเขาต้องถูกวานรยักษ์ฟ้าระดับผสานวิญญาณกินไปเรียบร้อยเป็นแน่!” ชู่หยวนหัวเราะ ความคิดที่ว่าพลังวิญญาณของเขานั้นได้ถูกดูดออกไปโดยเนี่ยลี่ เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เนี่ยลี่ได้ตายไป เพราะเนี่ยลี่การฝึกนับหลายปีของเขาจึงสูญเปล่า

           
       “เจ้าคนถ่อย” ฮูเหยียนหลานประณามอย่างโกรธเกรี้ยว “ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูดเช่นนี้อีก อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้าก็แล้วกัน”

           
     ชู่หยวนอ้าปากของเขาโดยต้องการพูดบางสิ่ง แต่เมื่อเขาได้เห็นท่าทีของฮูเหยียน หลานเร่อที่แสดงออก เขายิ้มเล็กน้อย ยักไหล่แล้วเดินไปที่อื่น

           
        เซิ่นหลินเจี่ยนทำหน้าถมึงทึง เขาไม่ควรปล่อยให้เอียจื่ออวิ๋นอยู่กับเนี่ยลี่ ถ้านางถูกป้องกันโดยนักต่อสู้ระดับซิลเวอร์ เอียจื่ออวิ๋นคงไม่หายไปเช่นนี้

           

        “ข้าจะทิ้งคนไว้สองคนรอคอยการกลับมาของพวกเขา ผู้อื่นจะตามข้ามาที่พื้นที่ทหาร”เซิ่นหลินเจี่ยนตะโกน เขาเป็นคนเด็ดขาดและรู้แน่ว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะรออยู่ที่นี้ พวกเขาควรมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ทหารเป็นอันดับแรก และจะกลับมาค้นหาเอียจื่ออวิ๋นและเนี่ยลี่ในภายหลังด้วยความหวังอย่างยิ่งว่า เอียจื่ออวิ๋นยังปลอดภัยอยู่

           
     “ข้าจะรออยู่ที่นี่เพื่อรอคอยพวกเขา!” ฮูเหยียน หลานเร่อได้คิดชั่วครู่ก่อนพูดออกไปภายในดวงตาทั้งสองของนางเต็มไปด้วยความเศร้า ถ้านางไม่สามารถรอจนกระทั่งเนี่ยลี่กลับมาได้ นางก็จะไม่ย้ายไป ณ สถานที่แห่งใดอีก..จบตอนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น