วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 33 ทักษะการยิงธนู

Tales of Demons & Gods บทที่ 33 ทักษะการยิงธนู


ก่อนที่คณะสำรวจของเซิ่นหลินเจี่ยนและ เนี้ยลี่จะมานั้น ทุกตระกูลได้ส่งบางคนในตระกูลเพื่อมาสำรวจสถานที่ศักดิ์สิทธ์แห่งนี้แล้วทั้งสิ้น    

     
  แต่น่าเสียดายที่การมาสำรวจนั้นไม่ได้พบอะไรมากมาย และ มีคนที่กลับจากการสำรวจไม่มากที่จะกลับมาเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

     
   เซิ่นหลินเจี่ยนได้พิจารณาแผนที่ของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ทำไมเขาต้องตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งจะไปสำรวจนี้ด้วยล่ะ
                 

    “ในที่สุด พวกเราก็ได้มาถึงนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ! บัดนี้ พวกเรามีสองทางเลือกเมื่อพิจารณาจากสถานที่พวกเราอยู่ในขณะนี้” เซิ่นหลินเจี่ยนพูด พร้อมกับกางแผนที่ออกและชี้จุดเส้นทางเดินบนแผนที่ ทุก ๆ คน เริ่มรวมตัวกันรอบแผนที่และเริ่มพิจารณาเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไป ลูกน้องคนหนึ่งของเซิ่นหลินเจี่ยนได้พูดขึ้นว่า


    “เส้นทางแรกนำไปสู่ประตูใหญ่ทางด้านตะวันตก โดยสามารถเดินไปได้ตามแนวกำแพง ทางนั้นพวกเราจะสามารถไปถึงกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วพวกเราสามารถหาสิ่งของได้ตามเส้นทางนี้ แน่นอนว่าพวกเราต้องการเข้าไปในบ้านร้างที่กลางเมือง ซึ่งในบ้านเหล่านั้นพวกเราต้องได้อะไรติดมือกลับมาบ้าง”
                 

“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของเขา”
                 

“ใช่ พวกเราควรสำรวจรอบ ๆ พื้นที่บริเวณบ้านเหล่านี้”
               

 ทุก ๆ คนต่างเห็นด้วย
                 

   เซิ่นหลินเจี่ยนได้นิ่งเงียบอยู่เขายังรอความคิดเห็นของใครบางคนอยู่   เขาเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่เนี้ยหลี่และถามว่า "เจ้าคิดอย่างไรบ้าง"?
                 

  ทุก ๆ คนต่างแปลกใจ พวกเขาไม่คิดว่า เซิ่นหลินเจี่ยนจะถามความคิดเห็นของเนี้ยหลี่ในตอนที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้
                 

    เอียจื่ออวิ๋นมองด้วยตาเป็นประกายไปที่เนี้ยหลี่ และฮูเหยียนหลานเร่อก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเนี้ยลี่ได้เช่นกันในขณะนี้ทุก ๆ คน ต่างเป็นกังวลกับความเห็นของเนี้ยลี่เนี้ยหลี่ผายมือทั้งสองข้างไปยังกลุ่มรอบ ๆ ตัวเขาและพูดว่า


    “ ถ้าพวกท่านมาที่นี่เพียงเพื่อที่จะเข้าสำรวจบ้านสามัญชน นั่นจะเป็นการคิดที่ผิดอย่างมาก พวกคนก่อนหน้านั้นได้เข้ามาสำรวจบ้านของสามัญชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเรายังไปสำรวจที่เดิมอีกครั้ง พวกเราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย !


    และโดยหลักทั่วไป ท่านคิดว่าผู้ใดมั่งคั่งและรวยที่สุดในสถานที่แห่งนี้ ? ใช่พวกชาวบ้านหรือไม่ ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน เก้าส่วน ของความมั่งคั่งของเมืองนี้อยู่ในมือของตระกูลใหญ่
                 

    “พื้นที่นี้มีรัศมีเป็นร้อยลี้ มีบ้านของสามัญชนอยู่มากและสถานที่ส่วนใหญ่ที่นี่ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ไหนเป็นสถานที่ซึ่งบ้านของตระกูลใหญ่ ตั้งอยู่” เสิ่นเอียพูดสวน ในขณะที่เนี้ยหลี่กำลังพูดอยู่
                 

  “พูดต่อไป” เซิ่นหลินเจี่ยนพูด เขากำลังมองตรงไปที่เนี้ยหลี่ด้วยท่าทีสนใจ ในขณะนั้นเขาเริ่มเห็นคล้อยตามกับความคิดของเนี้ยหลี่
                 

 “มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาสถานที่ตั้งของตระกูลหลัก สถานที่ไหนในแผนที่นี้ที่มีพื้นที่กว้างมากที่สุด? นั่นแหละจะเป็นสถานที่ตั้งนั้น ! เพราะโดยทั่วไปแล้ว ตระกูลใหญ่ ๆ มักจะมีสวนเป็นของตนเอง” เนี้ยหลี่ยังคงพูดต่อไปตอนนี้ทุก ๆ สายตามองไปที่แผนที่เมื่อได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่
                 


  “ที่นี่” ฮูเหยียนหลานเร่อพูดด้วยความตื่นเต้นอย่างมีความสุขที่ได้สนับสนุนเนี้ยหลี่
                 

  “ถูกต้อง” ที่นี่ควรจะเป็นสถานที่ตระกูลหลักตั้งอยู่ สิ่งปลูกสร้างส่วนมากของที่นี่มีขนาดใหญ่มาก
                 

   เซิ่งหลินเจี่ยนมองไปและพูดขึ้นว่า “สถานที่แห่งนี้ได้ถูกค้นหาเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะพบสมบัติบ้าง แต่นั่นก็ไม่มากเท่าไหร่ บางพวกได้ขุดลึกลงไป สามฟุตใต้สถานที่แห่งนี้แต่ไม่สามารถหาห้องใต้ดินในบริเวณนี้ได้เลย
                 


   “ข้าพูดแล้ว เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เป็นไปไม่ได้เหรอที่คนอื่นจะมีความคิดแบบนั้น? เจ้าคิดว่าทุกคนตระกลูหลักในเมืองกลอรี่เป็นพวกกินผักหมดแล้วรึ ?

   เสิ่นเอียดูถูกเนี้ยหลี่เหลือบตาไปและมองตรงไปที่เสิ่นเอียและพูดว่า “ เมื่อข้ากำลังพูด เจ้าควรจะหุบปาก ? ถ้าเกิดว่าเจ้าเก่งจริง ทำไมเจ้าไม่ลองเสนอเส้นทางขึ้นมาเองล่ะ ?และในขณะที่เสิ่นเอียกำลังจะพูดสวน เซิ่นหลินเจี่ยนจ้องไปที่เสิ่นเอียและพูดว่า


   “หุบปากซะ!”เสิ่นเอียที่กำลังจะพูดนั้น ปากปิดสนิททันที เขารู้สึกหดหู่มาก เขานั้นเป็นถึงผู้สืบเชื้อสายมากจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์แต่สถานะของเขานั้นยังไม่สามาถเทียบได้กับเซิ่นหลินเจี่ยน แม้เขารู้สึกว่าต้องทนอดกลั้นมากกว่าปกติเป็นสิบเท่า แต่เขาก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งของเซิ่นหลินเจี่ยน
                 

    “มันเป็นเรื่องปกติที่สถานที่แห่งนี้ได้ถูกค้นหาเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มดูแผนที่นี้กันต่อ นี่คือบ้านของตระกูลใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางสำคัญของเมือง เพราะว่าสถานที่นี้มีบริเวณที่ป้องกันแน่นหนาเพื่อความปลอดภัย”เนี่ยหลี่เริ่มชี้ไปที่บริเวณซึ่งอยู่ข้างหลังบ้านหลังนึงและพูดว่า


“นี่ควรจะเป็นสถานที่ตั้งของตำหนักจ้าวเมือง”
                 

     เซิ่นหลินเจียนผงกศรีษะตาม จนกระทั่งบัดนี้ ตรรกะความคิดของเนี้ยหลี่ยังคงถูกต้องอย่างไรก็ตาม สถานที่ตำหนักจ้าวเมืองนี้นั้นก็ได้ถูกสำรวจไปก่อนแล้วโดยคนที่มากลุ่มแรก รวมถึงพื้นใต้ดิน แต่ไม่มีผู้ใดพบเจออะไรมากมายนัก
                 

 “ดูแผนที่ต่อกันเลย ไม่กี่ร้อยลี้จากตำหนัก มีสถานที่ สาม แห่ง ท่านรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับสถานที่ สาม แห่งนี้”เนี่ยหลี่ถามเซิ่นหลินเจี่ยน
                 

   “ภายในบริเวณที่ สาม แห่งเหล่านี้ หนึ่งในนั้นเป็นที่พื้นที่ทางการทหาร ซึ่งใช้เป็นที่ให้ทหารของจ้าวเมืองมาฝึกซ้อมอีกแห่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของป้อมหิน ภายในนั้นว่างเปล่าและทำมาจากหินสีดำ แม้ที่สกัดหินก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และที่เหลือแห่งสุดท้าย ข้าไม่รู้ว่าไว้สำหรับใช้เพื่อการใด มันตั้งอยู่ทางขวามือของป้อมหินและมันมีป่าที่มีต้นไม้และวัชพืชขึ้นอยู่มาก” เซิ่นหลินเจี่ยนตอบ ก่อนที่จะมาที่แห่งนี้ เขานั้นได้จำบริเวณนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินที่เซิ่นหลินเจี่ยนพูด เนี่ยหลี่ยิ้มและกล่าวว่า
                   

“ไม่ไกลจากการเดาของข้ามากนัก”
               

 ดวงตาของเซิ่นหลินเจียนเบิกกว้างขึ้นและกล่าวว่า

         
    “อะไรทำให้ท่านคิดว่าในสถานที่ สาม นี้นั้นมีบางที่น่าสงสัยอยู่หรือ? หรือมันจะเป็นบริเวณป้อมหิน แต่ … ที่แห่งนั้นได้ถูกตรวจสอบไปเรียบร้อยแล้วนะ !”
             
        “ที่ป้อมหินนั้นน่าจะเป็นที่หลบภัย เมื่อหายนะเกิดขึ้น พวกเขาอาจจะซ่อนอยู่ภายในป้อมหินเหล่านี้ ที่นั่นควรจะมีบางอย่างที่เป็นห้องลับสำหรับซ่อนสมบัติ และส่วนของพื้นที่ที่ใกล้กับป้อมหินนี้ชัดเจนว่าเป็นบริเวณของกับดัก ซึ่งใช้สำหรับขับไล่พวกเหล่าสัตว์ปีศาจ ถ้าพวกมันเข้าใกล้เพื่อจะมาสำรวจ พวกนั้นจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพวกมันได้ตายไปตอนไหน ยิ่งไปกว่านั้นข้าพบว่าสถานที่ที่น่าสงสัยที่สุดคือบริเวณพื้นที่ทหาร” เนี้ยหลี่พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
                 

 “ทำไมพื้นที่ฝึกทหารทหารจะเป็นสถานที่น่าสงสัยมากที่สุดไปได้เล่า?”
                 

 “พื้นที่ทางทหารเป็นเพียงพื้นดินโคลน ซึ่งใช้ฝึกซ้อมรบทางพื้นดิน ทำไมมันถึงได้น่าสงสัยกัน”
                 

  “เพราะบริเวณผู้อื่นคิดว่าไม่น่าสงสัยที่สุดนั้นจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด! ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเมืองได้จัดให้พื้นที่นี้ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของเมือง ด้วยสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวบอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่เรื่องปกติ มีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญซ่อนอยู่ใต้พื้นดินแห่งนี้ !” เนี้ยหลี่ชี้ไปที่แผนที่และบอกว่า “พวกเราจะสำรวจรอบพื้นที่แห่งนี้”
             

  “ตกลง ! เส้นทางได้ถูกเลือกแล้ว” เซิ่นหลินเจี่ยนม้วนเก็บแผนที่และหัวเราะดีใจ หึหึ เมื่อเส้นทางที่น่าจะเป็นไปได้ถูกเลือกขึ้นมาเป็นอย่างดีแล้วพวกเขาสามารถประหยัดเวลาจากการเดินทางที่สูญเปล่าได้เป็นอย่างมากทีเดียวฮูเหยียนหลานเร่อเงยหน้าขึ้นเมื่อ เซิ่นหลินเจี่ยนเก็บแผนที่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม เนี้ยหลี่นำเสนออย่างเป็นเหตุเป็นผลทำให้นางรู้สึกชื่นชมเขาด้วยความเคารพ นางรู้สึกว่าเนี้ยหลี่นั้นไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามเป็นไปได้อย่างไรที่ระดับพลังจิต บรอนซ์หนึ่งดาวจะสามารถหยุดเทคนิคยั่วยวนของนางได้
                 

    “ผู้ชายที่ข้าเลือกนั้นเป็นคนไม่ธรรมดาจริง ๆ !” ฮูเหยียนหลานเร่อคิดด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่าเนี้ยหลี่ทำท่าไม่สนใจนางอย่างเด็ดขาด แต่นางก็จะคอยตามดูเขาไม่ให้คลาดสายตาถ้าเนี้ยหลี่รู้ว่าฮูเหยียนหลานเร่อคิดอย่างไรอยู่ ณ ตอนนี้ เขาคงจะรู้สึกอยากร้องไห้ ทำไมเขาถึงได้เข้าไปอยู่ในหัวใจนางอย่างไม่มีเหตุผล หลังจากที่นางติดแจอยู่กับเขาเหมือนกับลูกอมเหนียว ๆ


     เขารู้สึกกลัวว่าเขาจะไม่สามารถกำจัดนางออกไปให้ห่างจากตัวเขาได้เอียจื่ออวิ๋นกำลังเม้มปากหัวเราะอยู่ ความมีเสน่ห์ของนางนั้นทำให้เนี้ยหลี่ต้องหยุดมอง มันเป็นความรู้สึกที่เนี้ยหลี่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเมื่อได้อยู่กับเอียจื่ออวิ๋นเมื่อชีวิตที่แล้วของเขาเมื่อมองดูที่ใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มของเนี่ยหลี่ ฮูเหยียนหลานเร่อรู้สึกโมโหมาก ทั้งที่มีผู้หญิงที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์อย่างนางมายืนอยู่ต่อหน้าเนี่ยหลี่แล้ว เนี้ยหลี่ยังมองไม่เห็น เขาเพียงแต่มองที่ เอียจื่ออวิ๋น
                 
    'นี่เป็นเรื่องที่อุกอาจเกินไปแล้วกล้ามองข้ามนาง' ฮูเหยียนหลานเร่อคิด 'เนี้ยหลี่ข้าเกลียดเจ้า'
                 

  เนี่ยหลี่ไม่สามารถรู้สึกรำคาญเกี่ยวกับเรื่องที่ฮูเหยียนหลานเร่อคิดได้ เขาได้นำลูกธนูออกจากกระเป๋าและนำหญ้าทะเลหมอกม่วงมาถูที่ลูกธนูของเขา''เนี้ยหลี่ นายกำลังทำอะไรอยู่” ฮูเหยียนหลานเร่อพูด ทั้งนางและเอียจื่ออวิ๋นต่างมองที่เนี่ยหลี่ด้วยความสงสัยเนี่ยหลี่สั่นหัวและพูดว่ามันไม่มีอะไรหรอก
             

   “ ตกลง พวกเราไปกันได้” เซิ่นหลินเจี่ยนตะโกนสั่ง คณะเดินทางได้มุ่งหน้าไปอย่างช้าสู่เมืองกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์เดินไปตามขอบของกำแพงโดยเลือกเส้นทางที่เร็วพอสมควรและปลอดภัย ถ้าพวกเขาเคลื่อนที่ไปตามทางซึ่งเป็นปกตินั้น พวกเขากลัวว่ามันจะเป็นการยาก ตั้งแต่มีสัตว์อสูรกายอยู่เป็นจำนวนมากมาหลบซ่อนอยู่ในบริเวณที่มีภูมิประเทศซับซ้อนนี้
                 

    เสียงคำรามของเหล่าอสูรกายได้ยินมาจากด้านในลึกเข้าไปในนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากเหล่าอสูรกายพวกนี้แล้ว ในบางครั้งยังมี กลุ่มผู้คนบางกลุ่ม พวกเขาก็มาจากเมืองกลอรี่ด้วยเช่น กันมาเพื่อที่จะสำรวจซากของสถานที่แห่งนี้เมื่อเซิ่นหลินเจี่ยน เนี้ยหลี่ และคณะ ได้เข้าลึกเข้าไปยังนครกล้วยศักดิ์สิทธิ์   กลุ่มลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าทางเข้าสู่นครศักดิ์สิทธิ์นี้
                 
 คนพวกนี้สวมชุดคลุมดำยาว มีจำนวนทั้งหมด สิบห้า คน
             

   “เจ้าแน่ใจหรือว่าเด็กพวกนั้นมาจากตระกูลชั้นสูง?” ผู้นำกลุ่มมองไปยังกลุ่มคนข้างตัวเขาและถามขึ้น เขาเป็นคนรูปร่างสูง เขานั้นตัวสูงกว่าคนเหล่านี้ทั้งหมด

“ใช่ครับท่านหยุนหัว ฉีชี่” หนึ่งในผู้ชายในชุดคลุมดำตอบกลับ

 “ดีมาก” หน้าของหยุนหัว ฉีชี่ประกฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นและกล่าวว่า

 “ไปจับตัวเด็กสามคนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในกลุ่มมา”ใช้พวกมันเพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าไถ่กับพวกตระกูลใหญ่ และฆ่าที่เหลือทิ้งให้หมดกลุ่มเงาทมิฬเป็นเรื่องน่ากลัวที่ยังคงอยู่ในเมืองกลอรี่ พวกมันมักจะลักพาตัวเด็กของตระกูลชั้นสูงเพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าไถ่ พวกมันคล้ายกับพวกกลุ่มปลิงที่คอยดูดเลือด อาศัยอยู่ในเงามืดของเมืองกลอรี่ พวกมันจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อหาเงิน และนำไปจัดหาทรัพยากรสำหรับการฝึกสมาชิกในกลุ่ม แม้ว่าหลายตระกูลในเมืองกลอรี่ไปรวมตัวกันหลายครั้งเพื่อที่จะกำจัดสมาคมทมิฬ แต่ กลุ่มเงาทมิฬก็ยังไม่สูญสิ้นไป
                 

  มีข้อมูลมาว่าที่ตั้งใหญ่ของสมาคมทมิฬนั้นตั้งอยู่อย่างเป็นความลับมากที่ หุบเขาบรรพชน พวกมันมีกองกำลังที่มีพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่ง ท่านเอียมัว ยังไม่สามารถกำจัดกลุ่มนี้ได้
                 

*ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ * กลุ่มคนชุดดำมุ่งหน้าตรงไปยังนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธ์

ภายในนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์
                 

   คณะเดินทางกำลังมีปัญหาในการเดินทางมุ่งไปข้างหน้า ในบางครั้งบางคราว จะมีพวกฝูงวานรยักษ์ฟ้าปรากฏขึ้น พวกอสูรกายเหล่านี้มีความสูงสองเมตร แขนหนา ๆ ของพวกมันคล้ายเสาสีดำ แต่พวกมันยังคงปราดเปรียวและอยู่ที่ระดับซิลเวอร์เป็นส่วนมาก
                 

      ลิงยักษ์ฟ้าหกตนกำลังห้อยโหนข้ามผ่านซากของกำแพงเมืองตามติดเนี้ยหลี่และคณะ พวกฝูงลิงยักษ์ฟ้านี้ค่อนข้างฉลาด พวกมันรู้ได้ว่าพวกเรามีคนมากเกินกว่า สามสิบ คน พวกมันยังไม่เข้ามาปะทะ พวกมัน เพียงแค่ตามพวกเขารอคอยโอกาส
                 

    “พวกฝูงลิงยักษ์ฟ้านี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง” เชินหลินเจี่ยนกล่าวขึ้น แม้ว่าพวกลิงยักษ์ฟ้านี้ยังไม่ได้ เข้าปะทะกับพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกมันเหล่านี้ได้ และยิ่งเวลาผ่านไป พวกฝูงลิงยักษ์ฟ้านี้ก็ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกมันจะรวมกลุ่มกันเมื่อพร้อมมันจะมาโจมตีพวกเรา
                 

  ทันใดนั้น * ฟุ่บ* เสียงนี้ได้ยินขึ้น ลำแสงเย็นเฉียบได้พุ่งผ่านเงามืดที่ตรงหัวมุมนั้น เซิ่นหลินเจี่ยนและคณะเพื่องได้มองเห็นชัดเจน ว่ามันคือลูกธนู ลูกธนูพุ่งตัดผ่านช่องว่างของแมกไม้ และเลี้ยวโค้งด้วยมุมที่ไม่น่าเชื่อพุ่งเข้าสู่ลิงยักษ์ฟ้าตัวนึงในกลุ่ม

พิ้ว... !
                 

     ลูกธนูนั้นหยุดการเคลื่อนไหวของลิงยักษ์ฟ้าตัวนั้น ลิงยักษ์ฟ้าตัวนั้นเจ็บปวดและร่วงลงมาจากกำแพงสูง กระแทกสู่พื้นอย่างหนักทำให้ฝุ่นคละคลุ้งบริเวณรอบพื้นที่นั้น เจ้าลิงยักษ์ฟ้านั้นดิ้นรนอยู่บนพื้น แต่ยังไม่สามารถขยับถอยหนีได้
                 

   เมื่อเห็นดังนั้น  เซิ่นหลินเจี่ยน รีบพุ่งเข้าใส่ทันที  เงื้อดาบของเขาและฟันลงไป * ฟั่บ* เลือดของลิงยักษ์ฟ้านั้นได้กระจายออก พร้อมกับร่างของอสูรที่นอนตายอยู่บนพื้น

จบตอน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น