วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตอนที่ 18 : จ้าวอาคม

ตอนที่ 18 : จ้าวอาคม
                ค่ำคืนคืบคลานเข้ามา แสงจันทร์เปล่งประกายเจิดจ้า ปกคลุมทุกสิ่งประหนึ่งม่านสีทอง
ลานฝึกฝน
                เนี่ยหลีเดินไปยังบริเวณที่มันพบเซียวหนิงเอ๋อร์เป็นครั้งแรก เงาร่างใต้แสงจันทร์นั้นยืนอยู่เงียบๆ เห็นได้แต่ไกลว่าเป็นเซียวหนิงเอ๋อร์เอง นางแต่งกายประณีตยิ่ง ผมยาวสีดำขลับ ผูกไว้ด้วยด้ายสีเงิน ใบหน้าขาว คิ้วเรียว สง่างามประหนึ่งภาพฝัน
                ความงามของนางนั้นควรแก่การหยิบยกมาเปรียบเทียบกับเหย่จื่อหวินได้จริงๆ
                “คิดว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว” เซียวหนิงเอ๋อร์จับจ้องเนี่ยหลี
                “เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเป็นคนรักษาสัญญาเสมอมา” เนี่ยหลียิ้มน้อยๆกล่าววว่า “ไม่ว่าจะยุ่งวุ่นวายเพียงไหน ข้าต้องรักษาอาการป่วยของเจ้าก่อนเป็นอย่างแรก”
                “ขอบคุณ” เซียวหนิงเอ๋อร์พูดเบาๆ ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ดวงใจของนางเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ
                เนี่ยหลีก้มหน้าลงมองเซียวหนิงเอ๋อร์ ชุดของนางวันนี้ยิ่งดูน่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับปกติ ชุดยาวไหมสีขาว เผยสัดส่วนชวนหลงใหล จากอกตูมตั้งไปจนถึงหัวเข่า ต้นขาเรียวแฝงแรงดีดสะท้อนนั้นเป็นหลักฐานของการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง
                “ควรจะดีขึ้นบ้างแล้ว” เนี่ยหลีประคองเท้าของเซียวหนิงเอ๋อร์ ข้อเท้าเรียวงามนั้นเปล่งประกายประดุจเครื่องแก้วชั้นดี เนียนนุ่มไร้ราคี จ้ำเลือดที่นั่นดูจะจางลงเล็กน้อย
                “ดีขึ้นจริง” เซียวหนิงเอ๋อร์พยักหน้า ในใจของนางเห็นว่าเนี่ยหลีนี้มีพระคุณ สองสามคืนนี้นางหลับสบายอย่างยิ่ง แตกต่างกับกาลก่อนที่การข่มตาหลับเป็นเหมือนทัณฑ์ทรมานอย่างหนึ่ง
                แม้นางจะเคยได้รับการบีบนวดจากเนี่ยหลีมาก่อน แต่เมื่อเท้าของนางถูกประคองไว้อย่างนิ่มนวล ดวงพักตร์งามนั้นก็ยังแสดงท่าทีเขินอายออกมาอยู่นั่นเอง
                ขณะทำการช่วยเหลือ เนี่ยหลีถามว่า “ข้ามีบางสิ่งจะขอร้อง ไม่ทราบท่านจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่?”
                “ไม่ว่าสิ่งใด หากกระทำได้ข้าจะทำให้” เซียวหนิงเอ๋อร์ตอบตามตรง
                “ข้ามีเงินอยู่หนึ่งหมื่นเหรียญจิตมาร ข้าต้องการให้ท่านส่งคนไปตามร้านสมุนไพร กว้านซื้อหญ้าหมอกม่วง(จื่อหลันเฉ่า)” เนี่ยหลีกล่าว
                “หญ้าหมอกม่วง?” เซียวหนิงเอ๋อร์งงงัน “เจ้าจะเอาหญ้าหมอกม่วงไปทำไม?” หญ้าหมอกม่วงเป็นสมุนไพรที่ราคาถูกมาก ผู้คนใช้เพียงควันของมันเผาไหม้เพื่อขับไล่แมลงเท่านั้น
                หญ้าหมอกม่วงมีอยู่มากมาย ราคาก็ถูกจนเหมือนได้เปล่า หนึ่งเหรียญก็สามารถซื้อหญ้าได้จำนวนมาก ตระกูลใหญ่ในนครเรืองโรจน์ต้องเผาหญ้านี้ทิ้งเป็นปริมาณมหาศาลอยู่ทุกปี
                นอกเหนือจากนี้ หญ้าหมอกม่วงไม่มีประโยชน์อันใดอีก แล้วเนี่ยหลีจะต้องการหญ้าหมอกม่วงไปด้วยเหตุอันใด?
                “ข้ามีวิธีใช้งานมัน” เนี่ยหลีกล่าว เหตุที่เนี่ยหลีต้องการให้เซียวหนิงเอ๋อร์ช่วยเหลือมันในเรื่องนี้ เป็นเพราะหากนางเป็นผู้ออกหน้ากว้านซื้อสินค้าย่อมไม่เป็นที่สนใจของผู้คนนัก เนี่ยหลีขณะนี้ดึงความสนใจจากผู้คนมามากเกินไป มันต้องเก็บเนื้อเก็บตัวสักพัก
                “ต้องการหญ้าหมอกม่วงแค่ไหน?”
                “ยิ่งมากยิ่งดี ข้าต้องการกว้านซื้อหญ้าหมอกม่วงทั้งตลาด” เนี่ยหลีกล่าว
                เซียวหนิงเอ๋อร์ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ หญ้าหมอกม่วงปริมาณมากเพียงนี้สามารถใช้ทำอันใดได้?
                “เรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของข้า เงินแค่หมื่นเหรียญจิตมารไม่ถือว่ามากมายนักหรอก” แม้ตระกูลของเซียวหนิงเอ๋อร์กำลังตกต่ำ แต่ยังเป็นตระกูลยศฐา เซียวหนิงเอ๋อร์ยิ่งเป็นสมาชิกรุ่นหลังที่โดดเด่น ย่อมไม่ขาดแคลนเงินทอง ปกตินางเองไม่ได้ใช้เงินมากนัก ดังนั้นนางจึงมีเงินเก็บอยู่หลายล้านเหรียญทีเดียว
เนี่ยหลีครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ท่านช่วยข้าซื้อหามาก่อน ยิ่งมากยิ่งดี ท่านจ่ายออกไปเท่าไหร่ ข้าจะคืนให้สองเท่า”
“ไม่จำเป็น เงินเพียงเท่านี้ไม่นับว่ามากมายอันใด” เซียวหนิงเอ๋อร์รีบตอบ นางยินดียิ่งที่ได้ช่วยเหลือเนี่ยหลี บุญคุณของเนี่ยหลีนั้นท่วมท้นจนนางไม่อาจตอบแทนได้หมดสิ้น เงินเพียงไม่กี่เหรียญนี้ไม่อาจทดแทนคุณได้
                หลังการนวดคลึงขาของนางเสร็จสิ้น เซียวหนิงเอ๋อร์ก็หน้าแดงขึ้นในพลัน แม้จะเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว การนวดคลึงในส่วนสงวนยังคงทำให้นางอับอายอยู่นั่นเอง เด็กหญิงก้มหน้าลง ปลดกระดุมออกทีละเม็ดเงียบๆ วันนี้ เซียวหนิงเอ๋อร์ใช้ผ้าแถบสีชมพูพันรอบอก ทำให้นางยิ่งดึงดูดใจยิ่งกว่าเดิม ส่วนสัดเนินนูนกับผิวขาวเนียนนั้นเผยให้เห็นอยู่รำไร
                ใต้ผ้าแถบสีชมพูที่เย้ายวน เผยให้เห็นร่องลึกรำไร เนี่ยหลีรีบเบนสายตาไปมองที่อื่น มือยังคงนวดคลึงให้แก่นางไม่หยุดยั้ง
                “กลับไปแล้วได้ทานยาอย่างที่บอกหรือไม่?” เนี่ยหลีถาม สองมือของมันนวดคลึงจ้ำเลือดอย่างนุ่มนวล จ้ำเลือดนั้นค่อยๆแผ่ออกเป็นวงกว้างสีจางก่อนจะหายไป สัมผัสเนียมนุ่มที่เย้ายวนค่อยๆกลับมือ
                “อ๊ะ” ใบหน้าของเซียวหนิงเอ๋อร์แดงซ่าน ทั้งทรงเสน่ห์ทั้งเย้ายวน เพียงนึกว่าเนี่ยหลีช่วยนางปรับปรุงวิชาเพาะสร้างพลังเมื่อครั้งก่อน นางก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ถามว่า “เนี่ยหลี ตั้งแต่วิชาเพาะสร้างพลังของข้าได้รับการปรับปรุง พลังวิญญาณของข้าก็แกร่งขึ้นมาก ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเป็นยอดอัจฉริยะ แม้ว่าคนอื่นๆจะยังไม่เห็นพรสวรรค์ของเจ้า แต่วันใดที่ทุกคนเห็นมัน เจ้าจะเปล่งประกายยิ่งกว่าคนใด”
                เซียวหนิงเอ๋อร์จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเนี่ยหลีด้วยความหลงใหลทีละน้อย ในใจนางนั้นปรากฏรอยของความเดียวดายและเศร้าเสียใจ ด้วยวันที่เนี่ยหลีเปล่งประกายเจิดจ้า นางคงมิอาจยืนเคียงข้าง ความอึดอัดใจเช่นนี้ทำให้เซียวหนิงเอ๋อร์ยิ่งฝึกหนักขึ้น
                ฟังคำของนาง เนี่ยหลีพลันคลี่ยิ้มออก มันรู้ดีว่าเซียวหนิงเอ๋อร์กล่าวเพียงให้กำลังใจ ตั้งแต่ถือกำเนิดเกิดใหม่ในชาติภพนี้ พลังใจของเนี่ยหลีเข้มแข็งยิ่งกว่าคนใด มันไม่สงสัยใจเลยว่าวันหนึ่งมันจะยืนอยู่ ณ ยอดสูงสุดของวิทยายุทธ์ ความมุ่งหมายอันแรงกล้านี้เกินกว่าที่เซียวหนิงเอ๋อร์หรือใครคนใดจะคาดคิด
                แต่อย่างไรเนี่ยหลีก็ยังยินดีในความห่วงใยของเซียวหนิงเอ๋อร์ยิ่ง
บ้านสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ หอผู้เฒ่าชำระเรื่องราว
                ผู้เฒ่าชำระเรื่องราวของตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์มีนามว่าเสิ่นหมิง มันผู้นี้เป็นจอมภูติชั้นเงินขาว แม้พลังการฝึกปรือจะไม่เข้มแข็ง แต่เหตุที่มันได้รับตำแหน่งแห่งที่ในตระกูลนี้เป็นเพราะความสามารถในการสะสางเรื่องราวอย่างยอดเยี่ยม
                ฟังคำรายงาน ใบหน้าของเสิ่นหมิงบิดเบี้ยวด้วยความเคืองแค้น
                “ศิษย์ชั้นนักสู้ฝึกหัดเหิมหาญท้าทายสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์เรา!” ใบหน้าของเสิ่นหมิงดุร้ายยิ่ง การที่เนี่ยหลีเปิดโปงความลับของ <<ระเบิดเพลิงสีชาด(ชี่เอี้ยนเหยียนเป้า)>> สร้างความรู้สึกไม่ดีแก่หลายตระกูล เพื่อจัดการเหตุนั้น เสิ่นหมิงต้องใช้ความพยายามมากหลายในการส่งคนไปอธิบายกับตระกูลเหล่านั้น
                ไม่กี่วันก่อน คำรายงานอีกชิ้นเพิ่งแจ้งว่าเนี่ยหลีเอาชัยแก่เสิ่นเยว่ ทายาทสายตรงของตระกูล
                “เด็กน้อยเสิ่นเยว่ใกล้บรรลุชั้นสำริดหนึ่งดารา เหตุใดมันไม่สามารถเอาชัยแก่ศัตรู?” เสิ่นหมิงก้มลงมองลิ่วล้อด้านล่างด้วยความสงสัย
                ลูกน้องของเสิ่นหมิงรู้สึกความยะเยือกไปตามไขสันหลัง ก่อนกล่าว “ข้าไม่มั่นใจนัก หากแต่นายน้อยเสิ่นเยว่นั้นกล่าวว่าพลังความสามารถของเขาเหนือกว่าเนี่ยหลีทุกด้าน แต่ไม่ทราบด้วยวิชามารอันใดที่เนี่ยหลีใช้เอาชัยแก่นายน้อย”
                ฟังคำรายงาน เสิ่นหมิงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “วิชามารอันใด? เด็กผีสางนั่นอ่อนด้วยกว่าเขาจึงหาข้อแก้ตัวหรอก เด็กจากชั้นเรียนนักสู้ฝึกหักคนหนึ่งจะแข็งแกร่งได้แค่ไหน? ไม่เกินชั้นสำริดหนึ่งดารากระมัง”
                “ท่านผู้เฒ่า เราควรแจ้งเรื่องแก่ท่านประมุขหรือไม่?”
                “ไม่จำเป็น เรื่องนี้ไม่อาจบอกต่อท่านประมุขได้เด็ดขาด ท่านกำลังพยายามทะลวงลำดับชั้นตำนาน หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อท่านประมุข” ในความเห็นของเสิ่นหมิง เนี่ยหลีหรือจะคุกคามสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ “รู้หรือไม่ว่าเด็กคนนี้มาจากสกุลใด?”
                “ทราบขอรับท่านผู้เฒ่า เป็นสกุลรอยฟ้า(เทียนเหิน)เอง”
                “สกุลรอยฟ้า? หึๆ สกุลยศฐาดาดๆกลับเหิมเกริมเพียงนี้ เด็กบัดซบนั่นอาจจะพบต้นกำเนิดของ <<ระเบิดเพลิงสีชาด(ชี่เอี้ยนเหยียนเป้า)>> โดยบังเอิญ ทั้งอดใจจะบอกให้คนรู้ไม่ไหว” เสิ่นหมิงคิด สกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นสกุลยศฐาเล็กๆอยู่ในสายตาอยู่แล้ว หากมันส่งคนไปจัดการกับสกุลเล็กๆเช่นนี้ สกุลอื่นจะมองตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างไร? “ให้เสิ่นเฟยจัดการเถอะ เด็กหนุ่มเลือดร้อนอารมณ์รุนแรง การต่อยตีกันเล็กๆน้อยๆในสำนักไม่นับเป็นอย่างไรได้”
                ฟังคำของเสิ่นหมิง ลูกน้องของมันเข้าใจความหมายในทันควัน เสิ่นเฟยเป็นจอมภูติชั้นเงินขาว พลังของมันมากเกินพอจะรับมือเนี่ยหลี เสิ่นหมิงหมายความว่าให้เสิ่นเฟยจัดการกับเนี่ยหลีในสำนักเอง
                เสิ่นหมิงกล่าวต่อว่า “ช่วงนี้ลมรุนแรง เรื่องราวไม่จางหาย ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักค่อยบอกกล่าวต่อเสิ่นเฟย ให้เรื่องราวเงียบลงสักน้อย ค่อยให้เสิ่นเฟยออกหน้าจัดการ!” ในฐานะของผู้เฒ่าชำระเรื่องราว เสิ่นหมิงทำหน้าที่ได้ดียิ่ง ไม่ปล่อยให้ผู้คนนินทา
                “ขอรับ!”
ณ เคหาสน์เจ้านคร ในห้องของเหย่จื่อหวิน ห้องนั้นถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา
                หน้าโต๊ะทำงาน ศีรษะของเหย่จื่อหวินค้อมลงเพื่อค้นหาบางสิ่ง นางหยุดเป็นระยะ ขมวดมุ่นครุ่นคิด นางพยายามค้นหาลายอาคม <<ลมหนาวหิมะพลัน>> (หลิ่นเฟิงโจ่วเสวีย) ในตำราเก่าแก่ แต่นางไม่พบอันใดเลยแม้แต่น้อย
                เนี่ยหลีพบลายอาคมนี้จากไหน?
                ชั่วขณะ หญิงสาวใต้ผ้าคลุมโปร่งสีน้ำเงินก็มาถึง
                “คุณหนู ตามข้ามามีอันใดหรือ?” หญิงผู้งดงามนั่นกล่าวด้วยรอยยิ้มอันจริงใจ
                “ท่านป้าเสวีย ท่านเป็นจอมอาคม ท่านรู้จักต้นกำเนิดของอาคมนี้หรือไม่?” เหย่จื่อหวินเงยหน้ามองหญิงผู้งามงดนั้นพร้อมตั้งคำถาม
                เสวียอินทอดตามองกระดาษเบื้องหน้าเหย่จื่อหวิน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ถามว่า “คุณหนูได้ลายอาคมนี้มาจากไหน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน?”
                “แม้แต่ป้าเสวียยังไม่เคยเห็นลายอาคมนี้หรือ?” เหย่จื่อหวินตะลึง เสวียอินเป็นจอมอาคม หากนางไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นเนี่ยหลีวาดขึ้นมั่วซั่วหรือไม่?
                “ดูคล้าย <<ลมหนาวหิมะพลัน>> (หลิ่นเฟิงโจ่วเสวีย) แต่ก็ไม่คล้ายเสียทีเดียว ดูเหมือนจะทรงพลังกว่า” เสวียอินวาดมือไม้อยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ลายเส้นได้ส่วนสัดสมบูรณ์ ไม่ทราบเป็นผลงานของปรมาจารย์ท่านใด เสวียอินยอมรับนับถือทั้งกายใจ คุณหนูได้พบกับปรมาจารย์อาคมกระมัง?”
                “เนี่ยหลีเป็นปรมาจารย์อาคม? เป็นไปได้อย่างไร? เนี่ยหลีไม่มีทางเป็นปรมาจารย์อาคมด้วยอายุเท่านี้ได้หรอก” เพียงคิดว่าเนี่ยหลีตวัดข้อมือวาดลายพู่กันไม่กี่เส้นก็ได้ลายอาคมนี้มา ดวงใจของเหย่จื่อหวินยิ่งสับสน!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น