วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Tales of Demons & Gods บทที่ 38 เศษหน้ากระดาษที่สาบสูญ

Tales of Demons & Gods บทที่ 38 เศษหน้ากระดาษที่สาบสูญ
   





 โดยที่ไม่รู้ว่าทำไม  พลังงานที่แผ่ออกมาจากโลงศพศิลานี้ทำให้เนี่ยลี่รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง



     

      ระลอกคลื่นของพลังนี้มาจากทุกทิศทาง พลังวิญญาณอันมหาศาลนี้มันคงมาจากยอดฝีมือเป็นแน่



       

         พลังวิญญาณนั้นเป็นพลังภายในชนิดหนึ่ง แม้จะผ่านมาแล้วเป็นพันปี มันสามารถผนึกอยู่ในวัตถุบางชนิดได้โดยไม่สูญสลาย

         


         โลงศพศิลานี้ทำมาจากชิ้นส่วนของแผ่นศิลาแล้วประกอบมันเข้าด้วยกัน มันไม่มีร่องรอยของการเปิดออกมาก่อนเป็นไปได้หรือไม่ว่า แม้กระทั่งยอดฝีมือของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิก็ยังไม่สามารถเปิดมันได้



         


       เนี่ยหลี่รู้สึกว่าพลังวิญญาณในตัวเขากำลังกระเพื่อมอยู่ภายใน เสียงคำรามดังมังกรที่อยู่ลึกภายในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขานั้นดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาก้าวตรงไปอีกหนึ่งก้าวยังโลงศพศิลา และมองดูไปที่รูปร่างลึกลับบางอย่างที่แสดงถึงการเกิดใหม่ด้านบน ความคิดหนึ่งได้แล่นเข้ามาสู่จิตใจของเขา เนี่ยลี่ได้วางมือซ้ายลงไปที่โลงศพศิลา





         

     ทันใดนั้น ลำแสงอันหนึ่งพวยพุ่งออกมาตรงไปสู่ท้องฟ้า แล้วลำแสงเหล่านั้นก็ค่อย ๆไหลลงปกคลุมที่ด้านหน้าของโลงศพศิลา



         


บูม !!



         


        ความรุนแรงของลำแสงเหล่านั้นระเบิดออกและโดนร่างกายของเนี่ยลี่



         


      “อ้าก” เนี่ยหลี่รู้สึกราวกับว่ากระดูกทั่วร่างของเขานั้นแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แม้ว่าเนี่ยลี่นั้นจะมีความอดทนทางจิตใจที่แข็งแกร่งมาก ก็ไม่สามารถทนทานต่อความเจ็บปวดที่สาหัสนี้ใด



         


     แสงนั้นเปรียบได้ดังเข็มนับสิบล้านเล่มที่พุ่งเข้าใส่ร่างกายของเนี่ยลี่



         


     ภายในห้วงขอบเขตพลังวิญญาณของเขานั้นรู้สึกราวเหมือนกับว่าถูกเผาไม้





         

        ห่างออกไปไม่ไกลนัก เอียจื่ออวิ๋นที่มักจะมองดูมายังทิศทางที่เนี่ยลี่อยู่เป็นบางครั้งบางคราว เมื่อได้เห็นเนี่ยลี่ร้องครางด้วยความเจ็บปวด นางเริ่มรู้สึกตกใจอย่างมาก





       


        'เกิดอะไรขึ้น? เนี่ยหลี่เป็นอะไรไป?' เอียจื่ออวิ๋นคิด พร้อมกับรีบวิ่งไปหาเนี่ยลี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเข้าสู่ระยะห่าง ห้า ถึง หก เมตรจากเนี่ยลี่ *เพ้ง* พลังอันรุนแรงได้ผลักนางกระเด็นออกมา



         

นางไม่สามารถเข้าใกล้โลงศพศิลานั่นได้



แต่เนี่ยลี่เข้าไปได้อย่างไร?

       



         เอียจื่ออวิ๋นถูกยิงโดยลำแสงสีขาวบางส่วนปรากฏเป็นบาดแผลหลายแห่งบนร่างกายของนาง ตอนนี้ร่างกายนางนั้นล้วนปกคลุมไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามนางไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความเจ็บปวดบนร่างกายนาง นางนำความดาบเล่มยาวออกมาจากแหวนห้วงมิติ และฟาดมันลงไปยังพลังงานที่ผนึกอยู่รอบ ๆ โลงศพศิลา





         

บูม!!



         

          เอียจื่ออวิ๋นถูกผลักให้กระเด็นออกมาอีกครั้ง พลังของสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถจัดการได้ เพียงแค่ลำแสงสีขาวที่กระจายออกมาก็ส่งผลให้นางได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย สิ่งเหล่านี้จะสาหัสแก่เนี่ยลี่เพียงใดเมื่อเขาต้องอยู่ท่ามกลางแสงเหล่านั้น?





        หลังจากถูกผลักออกมา สอง ครั้งจากพลังผนึกนั้น พลังวิญญาณภายในของนางถูกกระแทกจนสับสนและอวัยวะภายในก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ม่านตาของนางทั้งสองเริ่มหนักและหนักขึ้นเรื่อย ๆ



           'เนี่ยลี่ เจ้าจะต้องปลอดภัย' ความคิดสุดท้ายผุดขึ้นในใจของเอียจื่ออวิ๋นก่อนจะสลบไป



         

       ณ ขณะนี้ ภายในแสงสีขาว รอบๆร่างกายของเนี่ยลี่ปกคลุมไปด้วยไอน้ำ ความเจ็บปวดสาหัสที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายของเขานั้นทำให้มีเหงื่อไหลออกมาทั่วร่าง และเมื่อเหงื่อได้สัมผัสกับแสงสีขาวรอบ ๆ มันระเหยออกเป็นไอน้ำในทันที



         


    “กระหายมาก!” เนี่ยหลี่อุทานออกมาก รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำทั้งหมดภายในตัวกำลังระเหยออกไป



         

         เขาได้ดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง เขารู้ว่าถ้าหากเขาไม่ตั้งสติให้มั่น เขาจะต้องถูกลำแสงพวกนี้ทำลายอย่างแน่นอน



         



  บูม บูม บูม !



         



       ภายในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่ถูกกระแทกและแตกออกไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตามมันถูกรักษาและฟื้นฟูไม่หยุดด้วยอัตราเร็วที่เท่ากัน



         


       พลังวิญญาณของเขาก่อตัวเป็นคลื่นวนใหญ่ดั่งปลาวาฬยักษ์ และกำลังดูดกลืนแสงขาวเหล่านี้เข้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด



         


      เนี่ยที่เหลือสติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พยายามปกปกป้องห้วงวิญญาณไว้อย่างเต็มที่






      ณ ขณะนี้เขารู้สึกสงสัยลึก ๆ ว่าสิ้งนั่นมันคืออะไรกัน เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขา



         


         'ข้าจะไปสนใจสิ่งนั้นทำไมกัน ในเมื่อมันสามารถดูดแสงขาวเหล่านี้ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็รับมันเข้ามา!'



         

      เนี่ยหลี่ใช้พลังงานที่เหลือเพียงเล็กน้อยเคลื่อนพลังในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขาและได้






ดูดกลืนแสงสีขาวทั้งหมดเข้ามาอย่างบ้าระห่ำ



         

     บูม บูม บูม !



         


       แสงสีขาวเหล่านั้นเข้ามาภายในห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมันไม่ได้รบกวนในห้วงขอบเขตพลังวิญญาณของเนี่ยลี่เลยและหลังจากนั้นมันก็หายไป



         


       เนี่ยลี่รู้สึกได้ว่า แม้ลำแสงสีขาวจะได้หายไปแล้วโดยไม่เหลือร่องรอยไว้ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเขา แต่มันได้ขยายห้วงขอบเขตของวิญญาณของเขาให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย



         


       พลังวิญญาณอันร้ายกาจนี้ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของเนี่ยลี่แข็งแรงขึ้น ความรู้สึกบริสุทธ์เกิดขึ้นที่ผิวหนังของเขาหลังจากขับเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก โครงร่างของเนี้ย






หลี่รู้สึกเหมือนได้จัดรูปแบบพลังวิญญาณขึ้นใหม่



         


      โอวว !!





         


          เนี่ยลี่คำรามออกมาอย่างรุนแรง แม้ว่าความแตกต่างระหว่างพลังของเขาในปัจจุบันกับพลังในชาติที่แล้วของเขานั้นยังคงมีอยู่มาก แต่ความรู้สึกว่าพลังของเขาได้เพิ่มขึ้นมานั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ดีมิใช่น้อย





         


      หลังจากเปิดตาขึ้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าค่อย ๆ ปรากฏแจ่มชัด





     


         เนี่ยลี่รีบหยิบขวดน้ำออกมาจากแหวนห้วงมิติและดื่มมันอย่างกระหาย ผิวหนังซึ่งเคยเหี่ยวแห้งเนื่องจากผลของการขาดน้ำได้เปลี่ยนอย่างมหัศจรรย์ มันกลับมาชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว





   


ในตอนนี้เนี่ยหลี่นั้นหล่อเหลาขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้



         


        เมื่อมองตรงไปข้างหน้า โลงศพศิลาที่อยู่เบื้องหน้าเขาสั่นไหวไม่ยอมหยุด ฝาของโลงศพค่อย ๆเปิดขึ้นอย่างช้า ๆเนี่ยลี่คิดว่าเขาจะได้เห็นซากศพที่ไม่เน่าเปื่อย เพราะโลงศพนี้ถูกปิดเป็นอย่างดีและไม่เคยเปิดมาก่อน





        อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เนี่ยลี่รู้สึกแปลกใจเป็นที่สุดก็คือภายในของโลงศพนั้นว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง



         


 'มันเป็นไปได้อย่างไร?'



         


         เนี่ยหลี่คิดว่าเขาตาฝาดไป เขาพยายามมองรอบ ๆ อีกครั้ง อย่างไรก็ตามภายในของโลงศพศิลานี้ก็ยังคงว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม มันไม่มีศพอยู่ภายในเลยและไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยว่าเคยบรรจุศพเอาไว้ ที่พื้นด้านล่างของโลงศพนั้นเรียบมากไม่มีแม้กระทั่งเศษฝุ่นใด ๆ





           ถ้าเกิดว่าศพนั้นเน่าเปื่อย มันน่าจะเหลือไว้กระดูกบ้าง





           ภายในด้านล่างของโลงศพนั้นมีของสองสิ่งวางอยู่สิ่งหนึ่งนั้นคือเศษหน้ากระดาษและสร้อยคออัญมณี



           เนี่ยหลี่ไม่สามารถรู้ได้ว่าวัสดุที่สร้างหน้ากระดาษนี้ทำมาจากสสิ่งใด มันเหมือนกับวัสดุบาง ๆ มีความโปร่งใสเล็กน้อยคล้ายกับปีกของแมลงจักจั่น มันได้บันทึกตัวอักษร



ลึกลับอยู่เต็มแผ่น



           ถ้าเป็นผู้อื่นได้มาเห็นเศษหน้ากระดาษนี้ พวกเขาเหล่านั้นคงไม่รู้ว่าของสิ่งนี้นั้นจะใช้เพื่อการใด อย่างไรก็ตามเมื่อเนี้ยลี่เห็นเศษหน้ากระดาษนี้ เขารู้สึกหยุดนิ่งราวกับโดนฟ้าผ่า





ท่าทีเขาแสดงออกเริ่มติดขัด(เงอะงะ) ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาคุ้นเคยซึ่งสิ่งนี้เป็นอย่างดี



           นี่คือเศษหน้ากระดาษของตำราจิตอสูรท่องเวลา!



           เขาจะลืมมันได้อย่างไรกัน ? เป็นเพราะตำราจิตอสูรท่องเวลานี้เองที่ทำให้เขามีพลังอันมหาศาล โดยเขาได้ใช้พลังของหนังสือเข้าไปอาศัยอยู่ภายในพื้นที่แห่งหนึ่งในหนังสือนี้เป็นเวลาหลายร้อยปี ด้วยสิ่งนี้นั่นทำให้เขารวบรวมความรู้ได้อย่างมากมาย



     

       มันยังคงเป็นเพราะตำราเล่มนี้ที่เลือดของเขาไหลได้ไหลผ่านมัน ระหว่างต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์และได้ส่งตัวเขาให้ย้อนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง



           อย่างไรก็ตาม ตำราจิตวิญญาณอสูรท่องเวลายังไม่สมบูรณ์มีจำนวน แปดหน้าภายใหนังสือนี้ที่ถูกฉีกออก เนี่ยลี่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าตำราอจิตอสูรท่องเวลาที่สมบูรณ์แล้วจะเป็นเช่นไร



           ด้วยเหตุที่คำในตำรานี้นั้นซับซ้อนและลึกลับยิ่ง เนี่ยลี่ไม่สามารถเข้าใจเกี่ยวกับคำเหล่านี้ได้เลยแม้ว่าเขาจะพยายามที่จะจำคำเหล่านี้ไว้



          แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เขาก็ไม่สามารถจำได้เลยว่าคำเหล่านี้เคยผ่านตามาก่อน เหมือนมันไม่เคยปรากฏบนสมองของเขา



           ในชีวิตที่แล้วนั้น เนี่ยลี่พยายามที่จะค้นหาอีก แปด หน้าที่เหลือ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหาร่องรอยของสิ่งเหล่านี้ได้เลย เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่เขาถือกำเนิดใหม่





เขาจะได้มาพบกับเศษหน้ากระดาษของตำราจิตอสูรท่องเวลาที่นี่



           น่าเสียดายที่ตำราจิตอสูรท่องเวลาไม่ได้ติดตัวเขากลับเมื่อถือกำเนิดใหม่



          เขาคงต้องทำเหมือนกับชิวิตที่แล้วของเขา เดินทางท่องไปในทะเลทรายไม่สิ้นสุดและในพระราชวังแห่ทะเลทรายนั้นเป็นเพียงที่เดียวที่เขาจะได้ตำราจิตอสูรท่องเวลากลับมา



           เนี่ยหลี่สงสัยว่าตำราจิตอสูรท่องเวลานี้จะพัฒนาและเปลี่ยนไปเช่นไร





เมื่อหนึ่งหน้าบันทึกของมันกลับมา



           เนี่ยหลี่วางเศษหน้ากระดาษของตำราจิตอสูรท่องเวลาแนบติดไว้ที่หน้าอกของเขา ห้วงขอบเขตวิญญาณของเขารับรู้ได้ถึงเศษหน้าของตำราจิตอสูรท่องเวลานี้และเริ่มสั่นไหวมันเป็นสิ่งเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นเมื่อชีวิตที่แล้วของเขา



           เจ้าหน้ากระดาษพวกนี้นั้นก็คล้ายกับตำราจิตอสูรท่องเวลา มันส่งผลไปหล่อเลี้ยงให้ห้วงขอบเขตวิญญาณได้เช่นกัน



           สายตาของเนี่ยลี่เลื่อนไปจับจ้องสร้อยคออัญมี หน้าของเขาแสดงถึงบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ

         

           “ มันเป็นชิ้นส่วนของอัญมณีพิศวงแน่นอน! มันเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง!” เนี่ยหลี่อุทานออกมาอย่างตื้นเต้นแม้กระทั้งท่านเอียมัว ซึ่งอยู่ที่ระดับตำนานแล้วนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะไม่เคยเห็นอัญมณีพิศวงอันนี้มาก่อน อัญมณีพิศวงเป็นสมบัติโบราณที่เก่าแก่ยิ่ง





           “อัญมณีพิศวงนี้สมควรที่จะมอบให้แก่เอียจื่ออวิ๋นเป็นของขวัญ”





         เนี่ลหลี่คิดพร้อมยิ้มไปพรางด้วยความรู้สึกผูกพันที่เขามีต่อนาง แม้เขาจะต้องมอบเศษหน้ากระดาษล้ำค่านี้ให้แก่เอียจื้ออวิ้ย เขาจะมิลังเลแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามตำราแห่งจิตวิญญาณอสูรท่องเวลานั้นไร้ประโยชน์สำหรับนาง แต่สร้อยคออัญมณีพิศวงนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการฝึก



           ด้วยสิ่งนี้ความรวดเร็วในผสานพลังจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเป็น สาม เท่า





           เรื่องที่เศษหน้ากระดาษของตำราจิตอสูรท่องเวลานั้นทำไมถึงมาปรากฏอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้นั้นได้สร้างความสงสัยให้เนี่ยหลี่



            รวมถึงเรื่องที่ภายในโลงศพศิลานั้นว่างเปล่า สิ่งนี้นั้นหมายความว่าจักรพรรดิคงหมิงนั้นไม่ได้อยู่ที่นี้ด้วยเช่นกันหรือ แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่า?



           เรื่องเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องลึกลับมากมายอีกต่อไป



           เนี่ยหลี่เก็บซึ่งของสองสิ่งนี้ และเมื่อเขาหันไปรอบ ๆ เขาพบว่าเอียจื่ออวิ๋นได้ทอดตัวนอนอยู่ที่บนพื้น



         “มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นเอียจื่ออวิ๋นอย่างนั้นหรือ” เนี่ยหลี่ถามตัวเอง เขาเต็มไปด้วยความกังวลในหัวใจ





เขารีบกระโจนไปหาเอียจื่ออวิ๋นในทันที



         

          เมื่อเขานั่งลงข้าง ๆ เอียจื่ออวิ๋น เนี่ยลี่สังเกตุเห็นบาดแผลไหม้ๆ หลายแห่งบนเรือนร่างของนางทั้งที่น่าอก แขนทั้งสอง และที่ขา สองข้างก็มีบาดแผลที่ลึกปรากฏอยู่ เนี่ยลี่รีบวางมือของเขาไปที่ข้อมือและส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกายของเอียจื่ออวิ๋น



           เมื่อเขาพบว่านางนั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาถอนใจด้วยความโล่งอก



           การมองไปที่ผาดแผลสาหัสและร่างที่หมดสติของเอียจื่ออวิ๋นช่วยไม่ได้เลยที่เนี่ยลี่จะรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก



            มันต้องเป็นตอนที่นางได้ยินเสียงตะโกนของเขาและพยายามที่จะมาช่วยเขาเอาไว้ อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถจะเข้ามาใกล้โลงศพศิลานี้ได้



      และเป็นไปได้ว่านางนั้นได้พยายามเข้ามาด้วยพละกำลังทั้งหมดของนางแต่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังป้องกันที่ผนึกเอาไว้



           รอยเผาไหม้เหล่านี้ได้ถูกทิ้งไว้จากแสงสีขาวพวกนั้นเมื่อได้มองภาพของเอียจื่ออวิ๋นในตอนนี้ ในหัวใจเนี่ยลี่นั้นรู้สึกเต็มไปด้วยความสงสารนาง เขาแขวนสร้อยคออัญมณีพิศวรลงไปบนคอของเอียจื่ออวิ๋น



            แสงสว่างสีฟ้าส่องสว่างมาจากอัญมณีพิศวง สาดแสงปกคลุมไปที่บาดแผลของนาง  ทำให้บาดแผลจากการเผาไหม้นั้นดีขึ้นเล็กน้อย



           “เลือดไหลมาอย่างไม่หยุดเลย! ข้าจะต้องปิดบาดแผลใหญ่ของเจ้าเดี๋ยวนี้!”





          เนี่ยลี่นิ่งเงียบไปเมื่อมองดูที่แก้มอันงดงามของเอียจื่ออวิ๋น หลังจากที่คิดชั่วครู่ เขาไม่ควรกังวลมากเกินไปนัก ในท้ายที่สุดถึงแม้เอียจื่ออวิ๋นจะเข้าใจเขาผิด แต่นั้นก็ดีกว่าปล่อยบาดแผลของนางไว้



           เนี่ยลี่นั่งลงและค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของเอียจื่ออวิ๋นออกอย่างช้าๆ แขนและหัวไหล่ของนางปรากฏแก่สายตาเนี่ยลี่ หน้าอกของเอียจื่ออวิ๋นถูกพันไว้ด้วยผ้าสีม่วง



     ทำให้รู้สึกต่อนางว่าช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก





           เมื่อเปรียบเทียบกับ(มันทะลึ่งจริง ๆ ) สองคู่ที่ชูชันของเอียจื่ออวิ๋นเมื่อชีวิตที่แล้ว ของนางในตอนนี้นั้นยังไม่สามารถเทียบเท่าตอนนั้นได้



         แต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นภาพที่น่ามองอย่างยิ่งหลังจากถอดเสื้อผ้าของเอียจื่ออวิ๋นแล้ว





       เนี่ยลี่เคลื่อนสายตาและเพ่งมองไปยังบาดแผลต่าง ๆ ตามร่างกายนาง เขาได้นำยา

สมานแผลออกมาจากแหวนห้วงมิติและค่อย ๆ ทามันลงไปยังบาดแผลหลังจากทายาสมานแผล ในท้ายที่สุดเลือดก็หยุดไหล....จบตอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น